siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

ภาวะหัวใจสั่นพริ้ว (Atrial Fibrillation): สัญญาณอันตรายและภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม

คุณเคยรู้สึกใจสั่น หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เหนื่อยง่ายผิดปกติหรือไม่? อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของ ภาวะหัวใจสั่นพริ้ว (Atrial Fibrillation หรือ AFib) ซึ่งเป็นภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่พบบ่อยที่สุด แม้ภาวะนี้โดยตรงอาจไม่ทำให้เสียชีวิตทันที แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิตอย่าง โรคหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์ อัมพาต) และ ภาวะหัวใจล้มเหลว ได้

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจภาวะ AFib อย่างละเอียด ตั้งแต่สาเหตุ อาการ ความอันตราย ไปจนถึงแนวทางการรักษาและป้องกันที่ถูกต้อง


เข้าใจกลไก: หัวใจสั่นพริ้วเกิดจากอะไร?

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน เรามาเปรียบเทียบการเต้นของหัวใจปกติกับภาวะ AFib กัน

ผลที่ตามมาคือ หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดออกจากห้องบนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เลือดตกค้างและเกิดเป็น "ลิ่มเลือด" ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายที่สุด


อาการของภาวะหัวใจสั่นพริ้ว

อาการของ AFib อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจไม่มีอาการเลย (ซึ่งอันตรายเพราะไม่รู้ตัว) ในขณะที่บางคนอาจพบอาการดังต่อไปนี้:

อาการของโรคหัวใจเต้นสั่นพริ้ว


ใครบ้างที่เสี่ยง? ปัจจัยเสี่ยงของ AFib

ภาวะหัวใจสั่นพริ้วพบได้บ่อยขึ้นตามอายุ โดยมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญดังนี้:

ในบางกรณี ภาวะ AFib ไม่สามารถระบุสาเหตุที่เฉพาะเจาะจงได้ (ภาวะ AFib ที่ไม่ทราบสาเหตุ) สาเหตุของหัวใจเต้นสั่นพริ้ว

 


อันตรายและภาวะแทรกซ้อนที่ต้องระวัง

ความน่ากลัวของ AFib ไม่ใช่อาการใจสั่น แต่เป็นภาวะแทรกซ้อนที่ตามมา:

  1. โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke):(ลิ่มเลือดที่เดินทางไปที่สมอง) เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายและพบบ่อยที่สุด เมื่อลิ่มเลือดที่ก่อตัวในหัวใจหลุดลอยไปตามกระแสเลือดและไปอุดตันที่หลอดเลือดสมอง ทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตได้ ผู้ป่วย AFib มีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมองสูงกว่าคนปกติถึง 5 เท่า
  2. หัวใจล้มเหลว (Heart Failure): การที่หัวใจเต้นเร็วและไม่เป็นระเบียบเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอลงและไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้เพียงพอ

  3. อ่อนเพลียเรื้อรัง: ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก

โรคแทรกซ้อนหัวใจเต้นสั่นพริ้ว


หัวใจเต้นสั่นพริ้ว

หัวใจเต้นปรกติ กระแสไฟฟ้าจะเริ่มต้นจากจุดเดียวที่หัวใจห้องบน และส่งผ่านไฟฟ้ามายังหัวใจห้องล่าง

หัวใจเต้นสั่นพริ้วไฟฟ้าจะเริ่มจากหลายจุด และต่างคนต่างส่งไฟฟ้ามายังหัวใจห้องล่าง

หัวใจเต้นสั่นพร้ว

ลูกศรแดงเป็นหัวใจเต้นพริ้ว atrial fibrillation ส่วนลูกศรน้ำเงินเป็น sinus rhythm ซึ่งเต้นปรกติ

การวินิจฉัยและประเภทของ AFib

แพทย์สามารถวินิจฉัย AFib ได้จากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และการตรวจ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG/EKG) ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการยืนยันภาวะนี้ ในบางกรณีอาจต้องมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น การติดเครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ 24 ชั่วโมง (Holter monitor)

AFib สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม:

การวินิจฉัยโรคหัวใจเต้นสั่นพริ้ว


แนวทางการรักษาภาวะหัวใจสั่นพริ้ว

เป้าหมายหลักในการรักษา AFib มี 3 ประการ:

  1. ควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ (Rate Control): ใช้ยาเพื่อควบคุมไม่ให้หัวใจห้องล่างเต้นเร็วเกินไป

  2. ควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ (Rhythm Control): พยายามทำให้หัวใจกลับมาเต้นเป็นจังหวะปกติ ซึ่งทำได้โดยการใช้ยา, การช็อกไฟฟ้า (Cardioversion), หรือการจี้ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง (Catheter Ablation)

  3. ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด (Stroke Prevention): เป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการรักษา แพทย์จะประเมินความเสี่ยงและพิจารณาให้ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants) เพื่อป้องกันการเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต


การป้องกันหัวใจเต้นสั่นพริ้ว

อาการหัวใจสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation หรือ AF) เป็นภาวะที่หัวใจเต้นผิดจังหวะที่พบบ่อยที่สุด ทำให้หัวใจห้องบนสั่นระรัว ไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง หัวใจวาย และภาวะหัวใจล้มเหลว

การป้องกันหัวใจเต้นสั่นพลิ้ว

แม้จะไม่สามารถป้องกันภาวะหัวใจสั่นพลิ้วได้ทั้งหมด แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและลดปัจจัยเสี่ยงบางอย่างอาจช่วยลดโอกาสในการเกิดภาวะนี้ได้ ดังนี้

  1. รักษาสุขภาพหัวใจ: ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ ควบคุมระดับคอเลสเตอรอล ควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และปลาที่มีไขมันดี จำกัดปริมาณโซเดียม
  2. หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง: งดสูบบุหรี่ จำกัดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ รักษาโรคเบาหวาน หากเป็นเบาหวานอยู่แล้ว
  3. จัดการความเครียด:ฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ หรือโยคะ
  4. นอนหลับให้เพียงพอ:พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
  5. ปรึกษาแพทย์:หากคุณมีปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะหัวใจสั่นพลิ้ว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและรับการตรวจสุขภาพหัวใจอย่างสม่ำเสมอ
  6. ตรวจสุขภาพประจำปี: เพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยงและรับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ

หมายเหตุ: ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการป้องกันภาวะหัวใจสั่นพลิ้ว หากคุณมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

การป้องกันหัวใจเต้นสั่นพริ้ว

ทางเลือกในการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

การรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ ฟื้นฟูจังหวะการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และป้องกันภาวะแทรกซ้อน ตัวเลือกการรักษาอาจรวมถึง:

การรักษาหัวใจเต้นสั่นพริ้ว

สารบัญ

 

เพิ่มเพื่อน