การรักษากล้ามเนื้อหัวใจตายในโรงพยาบาล


การรักษากล้ามเนื้อหัวใจตายในโรงพยาบาล

  • ควรจะพักในหน่วยโรคหัวใจ และติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
  • ให้มีสายน้ำเกลือสำหรับให้ยาฉุกเฉิน
  • ให้ออกซิเจน 2-4 ลิตรต่อนาทีเพื่อให้ oxygen saturation > 90%
  • กิจกรรม
    • พักบนเตียงใน 12 ชั่วโมงแรก
    • หากไม่มีโรคแทรกซ้อน
      • ให้เริ่มมีการฟื้นฟูสภาพในวันที่ 2-3
      • เมื่อวันที่3 ควรจะเดินได้ครั้งละ 185 เมตร วันละ 3 ครั้ง
  • การให้ยาคลายเครียด
    • ช่วงที่ต้องการให้ผู้ป่วยพักควรจะให้ยาคลายเครียด
      • Diazepam: 5 mg รับประทานวันละ 3-4 ครั้ง
      • Oxazepam: 15–30 mg วันละ 3-4 ครั้ง
      • Lorazepam: 0.5–2 mg วันละ 3-4 ครั้ง
    • ก่อนให้ยาคลายเครียดต้องทบทวนยาที่ผู้ป่วยได้ เพราะมียาหลายชนิดที่รับประทานแล้วจะกิดการง่วงซึมโดยเฉพาะผู้สูงอายุ..
  • อาหาร
    • ใน 4–12ชั่วโมงแรกควรจะงดอาหาร หรือให้อาหารเหลว
    • อาหารสำหรับผู้ป่วย
      • ให้อาหารที่มีพลังงานจากไขมันน้อยกว่า30% ของพลังงานทั้งหมด
      • มี Cholesterolน้อยกว่า 300 mg/d
      • ให้อาหารแป้งที่มีใยอาหาร 50–55% ของพลังงานทั้งหมด
      • แต่ละมื้อไม่ควรจะมากเกินไป
      • อาหารควรจะอุดมไปด้วย potassium, magnesium,และใยอาหาร ให้มีปริมาณเกลือน้อย
      • สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานควรจะลดน้ำตาล
  • ให้ยาระบายเช่น Docusate sodium, 100–200 mg/d
  • ควบคุมน้ำตาล และไขมันในเลือด
  • ประเมินการทำงานของหัวใจก่อนกลับบ้าน



การให้ยารักษารักษากล้ามเนื้อหัวใจตาย

  • ยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือด/ ยาต้านเกล็ดเลือด
    • ให้ aspirin, 75–162 mg/วัน
    • Clopidogrel: 300-mgครั้งแรกและตามด้วย 75 mg/วันสำหรับผู้ป่วยที่แพ้ aspirin
    • ให้ clopidogrel อย่างน้อย 1ปีในผู้ป่วยที่ทำ PCI และใส่ขดลวดชนิด drug-eluting stentsและอย่างน้อย1 เดือนสำหรับผู้ป่วยที่ใส่ขดลวดชนิด bare-metal stents.
    • ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำที่เท้า deep venous thrombosis
      • Aspirin, 75–162 mgวันละ 4 ครั้งและ
      • heparin, 5000 U SCทุก 12 ชั่วโมง
    • ผู้ป่วนที่หลอดเลือด anterior coronary ตัน หรือหัวใจวาย และมีลิ่มเลือดอุดสมอง ตรวจพบลิ่มเลือดในหัวใจ จากการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง หรือหัวใจเต้นสั่นพริ้ว จะต้องให้ยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
      • ให้ยา  heparinเพื่อคุม partial thromboplastin timeประมาณ 1.5–2เท่า
      • หรือ enoxaparin, 1 mg/kg SCทุก 12ชั่วโมง
      • ให้ยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือด warfarinอย่างน้อย 3-6 เดือนโดยคุม INR = 2- 3เท่า
  • ยา Beta-blocker therapy after STEMI
    • ไม่ควรให้ในผู้ป่วยที่มีภาวะเหล่านี้
      • หัวใจวาย
      • Heart block
      • ความดันโลหิคต่ำ
      • ประวัติเป็นหอบหืด
    • ยานี้อาจจะได้ประโยชน์น้อยในผู้ป่วยเหล่านี้
      • กลุ่มที่อัตราการเสียชีวิต < 1% per year
      • อายุ < 55 years
      • ไม่เคยเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดมาก่อน
      • การทำงานของหัวใจปรกติ
      • การเต้นของหัวใจปรกติ
      • ไม่มีแน่หน้าอก
  • ยากลุ่ม ACE inhibitors

ยาในกลุ่มนี้จะมีประโยชน์ดังต่อไปนี้

  • ลดอัตราการเสียชีวิตจาก STEMI
  • ยานี้เมื่อให้ร่วมกับ aspirin และ beta blockers จะเสริมฤทธิ์ในการลดอัตราการเสียชีวิต
  • โดยเริ่มให้ Captopril: 6.25 mg ในครั้งแรก และค่อยเพิ่มขนาดจนกระทั่งได้ 50 mg วันละ 3 ครั้ง
  • ควรจะให้ในวันแรกของการนอนโรงพยาบาลเพื่อลดอัตราการเสียชีวิต
  • ยานี้จะจำเป็นในผู้ป่วยดังต่อไปนี้:
    • หัวใจวาย
    • กล้ามเนื้อหัวใจทำงานน้อย
    • เป็นความดันโลหิตสูง
  • Angiotensin receptor blocker
    • ใช้สำหรับผู้ที่ใช้ยา ACE inhibitors ไม่ได้
  • Aldosterone blockade
    • เป็นยาขับปัสสาวะ ควรจะให้ใน STEMI ที่มีเงื่อนไขดังนี้:
      • ไม่มีภาวะไตเสื่อมโดยค่า creatinine ≥2.5 mg/dLในผู้ชาย และมากกว่า ≥2.0 mg/dLในผู้หญิง
      • ไม่มีภาวะเกลือโพแทสเซี่ยมสูง  hyperkalemia (potassium ≥5.0 mEq/L)
      • ให้ร่วมกับยา ACE inhibitor
      • หัวใจทำงานน้อยกว่า LV ejection fraction ≤40% และ
      • มีอาการหัวใจวาย หรือเป็นเบาหวาน+
  • Statins
    • ควรจะให้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากนอนโรงพยาบาล

ไม่ควรให้ยา Calcium antagonists และหยุดยา NSAIDs (except aspirin)

ทบทวนวันที่

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว

Google
 

เพิ่มเพื่อน