
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
ไขมันที่เรารับประทานมีสองชนิดคือ ไขมันอิ่มตัว Saturated fats และไขมันไม่อิ่มตัว Unsaturated fats ไขมันไม่อิ่มตัวยังแบ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว Monounsaturated fat และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน Polyunsaturated fat
การรับประทานไขมันอิ่มตัวจะเพิ่มคอเลสเตอรอลในเลือด
ประกอบด้วยหลักการ 7 ประการ
ในทางปฏิบัติกระทำได้โดยการบริโภคน้ำมันถั่วเหลืองวันละ1.5-4.5ช้อนโต๊ะและหลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยไขมันอิ่มตัว เช่น น้ำมันปาล์ม กะทิเนยเหลว เนยเทียมแข็ง นม ครีม ไอสครีม หมูสามชั้นเนื้อติดมันมากๆ ไส้กรอกอาหารทอดนอกบ้าน เช่นปาท่องโก๋ กล้วย ทอดมัน
| แอปเปิล | แพร์ | ฝรั่ง | ถั่วเขียว |
| ข้าวโพดอ่อน | แครอท | ถั่วแระ | ถั่วฝักยาว |
| เม็ดแมงลัก | ถั่วลิสง | งา | รำข้าว |
| เมล็ดทานตะวัน | ถั่วแดง | มะเขือพวง | สะเดา |
| ผักกระเฉด | กระเทียม | เห็ดหูหน | ใบชะพลู |
| ขนมปังโฮลวีท | สปาเกตต | มะกะโรน | ข้าวซ้อมมือ |
| กะหล่ำปล | ข้าวโพดต้ม | พุทรา | น้อยหน่า |
| ตะขบ | ถั่วฝักยาว | ถั่วลันเตา | กล้วย |
| ฝรั่ง | มะม่วงดิบ | มะละกอสุก | ส้มเช้ง |
| ข้าวกล้อง | เห็ด |
| กรดไลโนเลอิก | ไขมันไม่อิ่มเชิงเดี่ยว | ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน | ไขมันอิ่มตัว | |
| เนย/หมู/ปาล์ม | 2% | 30% | 2% | 66% |
| เมล็ดนุ่น | - | 19% | 54% | 27% |
| ถั่วลิสง | ---- | 48% | 34% | 18% |
| ถั่วเหลือง | 7% | 24% | 54% | 15% |
| มะกอก | 1% | 77% | 8% | 14% |
| ข้าวโพด | 1% | 25% | 61% | 13% |
| ดอกทานตะวัน | --- | 20% | 69% | 11% |
| น้ำมันงา | 40% | 42% | 14% | |
| น้ำมันไก่ | 47% | 21% | 31 | |
| กระทิ | 6% | 2% |
ให้รับประทานอาหารจานสุขภาพวันละ 3 มื้อ อาหารว่างเป็นผลไม้ไม่หวานไม่เกินสองครั้งต่อวัน
ขั้นตอนในการควบคุมอาหารเพื่อลดไขมันในเลือด
ได้แก่ sitosterol, campesterol, และ stigmasterol สารเหล่านั้นพบในน้ำมันพืช(ปริมาณเล็กน้อย) ผัก ผลไม้ ถั่วต่างๆ เกาลัด สารเหล่านี้จะมีสูตรโครงสร้างคล้ายกับคอเลสเตอรอลดังนั้นจึงลดการดูดซึมคอเลสเตอรอล ดังนั้นจึงมีผลต่อระดับคอเลสเตอรอลเพียงอย่างเดียว สาร Phytosterols ได้ถูกผสมในอาหารหลายชนิดเช่น น้ำสลัด ครีมทาขนมปัง เนย น้ำมันพืช yoghurt โดยจุดประสงค์เพื่อลด TC ในเลือด ให้รับประทาน phytosterols วันละ 2 g ก็จะลดไขมัน TC และ LDL-C ลง 7–10% แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าจะสามารถลดการเกิดโรคหัวใจได้หรือไม่ และยังไม่ทราบผลระยะยาว นอกจากนั้นจะต้องระวังเรื่องการขาดวิตามินที่ละลายในไขมัน
โปรตีนจากถั่วเหลืองสามารถลดไขมัน LDL-C ลงได้ร้อยละ 3–5% ดังนั้นจึงควรใช้โปรตีนจากถั่วแทนเนื้อสัตว์
อาหารที่มีปริมาณใยอาหารมากจะช่วยลดไขมัน LDL-C โดยจะต้องรับประทานใยอาหารวันละ 5–15 g
การรับประทานน้ำมันปลาวันละ 2–3 g จะสามารถลดระดับไขมัน TG ลงได้ 25–30%
red yeast rice เป็นข้าวที่หมักกับเชื้อราชนิดหนึ่งซึ่งจะได้สาร monacolins ที่มีสูตรโครงสร้างเหมือนยากลุ่ม Statin มีการศึกษาในประเทศจีนพบว่าสารสกัดนี้สามารถลดการเกิดโรคซ้ำได้ถึงร้อยละ 45 แต่ยังไม่มีการศึกษาถึงผลระยะยาวของสารนี้
ผู้ที่มีน้ำหนักเกินจะเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง
ผู้ที่มีน้ำหนักเกินจะต้องลดน้ำหนักอย่างน้อยร้อยละ5-10จากน้ำหนักเดิม ซึ่งจะลดไขมันในเลือดและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด การลดน้ำหนัก
การควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะป้องกันการเกิดเบาหวานได้ดีที่สุด
ปกติคนเราจะได้รับพลังงานจากไขมันร้อยละ25-35 ของพลังงานทั้งหมด หากรับประทานอาหารไขมันมากกว่าร้อยละ 35 จะมีความเสี่ยงในการรับประทานไขมันอิ่มตัวเพิ่มขึ้นและปริมาณพลังงานก็เพิ่มขึ้น แต่การรับประทานไขมันน้อยเกินไปก็เสี่ยงต่อการขาดวิตามินอี และไขมันอื่นๆซึ่งจะมีผลต่อไขมัน HDL
มีการผลิตอาหารเสริมซึ่งโฆษณาว่าลดการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีผลการศึกษาระยะยาวถึงผลดีผลเสีย เท่าที่มีข้อมูลอาหารที่ผสม phytosterols (1– 2 g/วัน)ให้กับผู้ป่วยที่มีระดับ TC และ LDL-C แม้ว่าจะได้รับยาลดไขมันแล้วแต่ค่ายังเกินค่าที่ต้องการ
หมายถึงอาหารที่สามารถป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
แอปเปิ้ล:
ไฟเบอร์และสารต้านอนุมูลอิสระ
เข้มข้น เช่นเดียวกับถั่ว แอปเปิลเป็นแหล่งที่ดีของเส้นใยที่ละลายน้ำได้ซึ่งลด LDL โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพคติน งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในเดือนธันวาคม 2014 ใน European Journal of Nutrition ยังแสดงให้เห็นว่าการรับประทานแอปเปิ้ลวันละหนึ่งผล (หรือดีกว่านั้น 2 ผล) สามารถชะลอการเกิดออกซิเดชันของคอเลสเตอรอลชนิดเลว ประโยชน์ต่อสุขภาพนี้ต้องขอบคุณโพลีฟีนอลสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในผิวแอปเปิ้ลเป็นหลัก (ดังนั้นอย่าลอกเปลือกออก) สารต้านอนุมูลอิสระมีความสำคัญเนื่องจากการอักเสบ และการสะสมของคราบจุลินทรีย์ในหลอดเลือดแดงมักจะเกิดขึ้นเมื่อคอเลสเตอรอล LDL ทำปฏิกิริยากับอนุมูลอิสระและกลายเป็นออกซิไดซ์
ถั่วและเมล็ดพืช:
โปรตีนพลัส วอลนัทไขมันดี อัลมอนด์ พิสตาชิโอ เมล็ดฟักทอง เมล็ดเจีย และเมล็ดแฟลกซ์ ล้วนเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน วิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ที่ดีต่อหัวใจ เมื่อทดแทนไขมันอิ่มตัวในอาหาร ถั่วและเมล็ดพืชช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL (และคอเลสเตอรอลรวม) โดยไม่ส่งผลต่อระดับคอเลสเตอรอลชนิดไลโปโปรตีนชนิดความหนาแน่นสูง (HDL) ที่ดี เป็นเรื่องดีที่รู้ว่าการกินถั่วช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ เนื่องจากถั่วและเมล็ดพืชมีแคลอรีสูง คุณจึงต้องจำกัดการบริโภคประจำวันให้อยู่ที่ประมาณ 1 ออนซ์ (1/4 ถ้วย) และต้องแน่ใจว่าถั่วไม่ได้ใส่เกลือหรือเคลือบด้วยน้ำตาล
ข้าวโอ๊ตและรำข้าวโอ๊ต:
เพียงเล็กน้อยทุกวัน ข้าวโอ๊ตและรำข้าวโอ๊ตมีเบต้ากลูแคน ซึ่งเป็นเส้นใยที่ละลายน้ำได้ซึ่งช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลที่ไหลเวียนในเลือด การวิเคราะห์เมตาที่ตีพิมพ์ใน American Journal of Clinical Nutrition เดือนธันวาคม 2014 พบว่าการบริโภคข้าวโอ๊ตเบต้ากลูแคนอย่างน้อย 3 กรัมต่อวันจะช่วยลดคอเลสเตอรอลรวมและลดระดับคอเลสเตอรอล LDL (ปริมาณในรำข้าวโอ๊ตดิบ 1/4 ถ้วย (รับประทานเป็นซีเรียลร้อนหรือใส่ในสมูทตี้และขนมอบ) หรือข้าวโอ๊ตบดที่หั่นเป็นชิ้นแล้ว 1½ ถ้วย) สารประกอบอื่น ๆ ที่พบในรำข้าวโอ๊ตที่เรียกว่าสารต้านอนุมูลอิสระโพลีฟีนอลหรือ avenanthramides สามารถช่วยป้องกันการอักเสบและการสะสมของคราบจุลินทรีย์โดยการทำให้เซลล์เม็ดเลือดเกาะติดกับผนังหลอดเลือดแดง
ชาเขียว:
สารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL
ชาทุกชนิด (ขาว ดำ เขียว อูหลง)ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถช่วยลด LDL ได้ ชาเขียวซึ่งอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพของ epigallocatechin gallate (EGCG) ได้แสดงผลลัพธ์ที่ดีที่สุด EGCG ช่วยลดระดับ LDL คอเลสเตอรอลได้ประมาณ 9 มก./เดซิลิตร
ชาเขียวซึ่งแตกต่างจากชาอื่นๆชาเขียวใช้นึ่งใบชาเขียวซึ่งป้องกัน EGCG จาก ถูกออกซิไดซ์ ส่วนชาอื่นๆทำมาจากใบหมัก การดื่มชาเขียว 2-3 ถ้วยต่อวันอาจช่วยได้และจะช่วยป้องกันคุณจากการได้รับคาเฟอีนมากเกินไป การเตรียมชาเขียวด้วยใบชา แทนที่จะใช้ถุงชา ให้ EGCG มากกว่า
เกรปฟรุ้ตแดง:
การรับประทานเกรปฟรุ้ตแดงเพียงวันละ 1 ผลเป็นเวลา 1 เดือนสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL ได้มากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ การศึกษาหนึ่งในวารสาร Journal of Agricultural Food Chemistry เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2549 แสดงให้เห็น ผลกระทบต่อหัวใจนี้มักเกิดจากสารประกอบที่เรียกว่าลิมินอยด์ liminoids และไลโคปีนlycopene ที่พบในเยื่อกระดาษ เกรปฟรุตยังมีเพคตินไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ซึ่งช่วยลด LDL
แต่พึงระวังว่าส้มโอสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของยารักษาโรคหัวใจบางชนิดได้ เช่น สแตตินและแคลเซียมแชนเนลบล็อกเกอร์ หากคุณใช้ยาเหล่านี้อยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานส้มโอหรือดื่มน้ำ
ไวน์แดงหรือองุ่น:
เนื่องจากไวน์มีสารเคมีที่เรียกว่า resveratrol ซึ่งพบในองุ่นแดงที่ใช้ทำไวน์แดง สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจด้วยคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบ นอกจากนี้ การดื่มไวน์แดงหนึ่งแก้วพร้อมมื้ออาหารสามารถช่วยป้องกันการหดตัวของหลอดเลือดในขณะที่รับประทานอาหารมัน
คุณสามารถรับสาร resveratrol จากองุ่นสีแดง สีดำ บลูเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ เนยถั่ว โดยที่ไม่ต้องดื่มไวน์ หากคุณดื่มสุราให้จำกัดการบริโภคไวน์แดงให้เหลือเพียง 5 ออนซ์หนึ่งหรือสองแก้วต่อวัน
Plant Sterols and Stanols:
Plant sterols และ stanols หรือที่เรียกรวมกันว่า "phytosterols" เป็นสารที่มีอยู่ในน้ำมันพืชในปริมาณเล็กน้อย (ข้าวโพด ถั่วเหลือง) ถั่ว พืชตระกูลถั่ว ธัญพืชไม่ขัดสี ผลไม้ และ ผักและแม้กระทั่งดาร์กช็อกโกแลต การบริโภคสเตอรอลจากพืชและสตานอลทุกวันสามารถลดระดับ LDL โคเลสเตอรอลได้ประมาณ 14 มก./เดซิลิตร ผลกระทบนี้เป็นเพราะไฟโตสเตอรอลขัดขวางการดูดซึมโคเลสเตอรอลในลำไส้เล็ก ซึ่งจะทำให้ LDLลดลง
เนื่องจาก Plant sterols ในธรรมชาติไม่เพียงพอ จึงการการเติม Plant sterols ลงในอาหารที่เรารับประทานเพื่อลดไขมันในเลือด
ไขมันไม่อิ่มตัวมีผลดีต่อสุขภาพควรจะรับประทานไขมันไม่อิ่มตัวแทนไขมันอิ่มตัว อาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัวได้แก่
| รับประทานให้น้อย | ทดแทนด้วย |
| เนยสำหรับทาแซนด์วิช | ให้ใช้แทนด้วยน้ำมันทานตะวัน |
| นำมันหมู เนยเทียม เนย สำหรับปรุงอาหาร | ใช้น้ำมันพืชทดแทน |
| เนื้อติดมัน ไส้กรอก burgers | ใช้เนื้อสันใน เนื้อไก่ถอดหนัง เนื้อปลา |
| pastries, chocolate, cakes and biscuits | ใช้ถั่ว ผลไม้แห้ง |
| นมและผลิตภัณฑ์ของนม | ใช้นมและผลิตภัณฑ์ของนมไขมันต่ำ |
| ชีส | ใช้ชีสที่มีไขมันต่ำ |
| ครีมซูป | ใช้น้ำมันพืชแทน |
| อาหารที่ทอดด้วยน้ำมันปาล์ม น้ำมันหมู เนย | ใช้ ปิ้ง อม ต้ม ตุ้น แทนการทอด |
หากคุณอ้วนต้องการลดน้ำหนักคุณต้องเลือกอาหารที่มีไขมันต่ำ
การรักษาไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงด้วยอาหาร
ประกอบด้วยหลักการ 4 ประการคือ
ไขมันในเลือด การเจาะเลือดตรวจ การรักษา อาหารสำหรับ cholesterol สูง อาหารสำหรับ triglyceride สูง การประเมินความเสี่ยง butter vs magarine ไขมันที่ดีและไม่ดี