การรักษาไขมันในเลือดสูง
ไขมันในเลือดสูงกับความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ
ไขมันในเลือดเป็นปัจจัยเสี่ยงข้อหนึ่งของโรคหัวใจ
การรักษาไขมันในเลือดสูงควรจะรักษาเมื่อความเสียงต่อโรคหลอดเลือดแดงหัวใจตีบสูง ในการประเมินความเสี่ยงจะต้องเจาะเลือดตรวจระดับไขมัน และความเสี่ยงอื่นๆ
แนะนำให้เจาะเลือดตรวจไขมัน 4 ชนิดคือ LDL,HDL,Triglyceride,Total Cholesterol ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป (ตามมาตราฐานประเทศอเมริกา สำหรับประเทศไทยไทยจะเจาะเมื่ออายุมากกว่า 45 ปี) หากปกติให้เจาะเลือดทุก 5 ปี หากไม่ได้อดอาหารให้เจาะเพียง Total Cholesterol
การรักษาไขมันในเลือดตามคำแนะนำของสมาคมโรคหัวใจของอเมริกา ได้มีการเปลี่ยนแปลงจึงขอนำเสนอขั้นตอนการรักษา
ขั้นที่1
ต้องรู้ระดับไขมันในเลือดโดยการเจาะเลือด ไขมันที่ต้องการรู้มี 3 ตัว
LDL Cholesterol เป็นเป้าหมายหลักที่จะรักษา |
|
<100 | ค่าที่ต้องการ |
100-129 | ค่าใกล้เคียงปกติ |
130-159 | ค่าค่อนไปทางสูง |
160-189 | สูง |
>190 | สูงมาก |
Triglyceride |
|
<200 | ค่าที่ต้องการ |
200-239 | สูงปานกลาง |
>240 | สูง |
>500 | สูงมาก |
HDL Cholesterol |
|
<40 | ต่ำสูง |
>60 | สูง |
ขั้นที่ 2
ให้คุณสำรวจว่าคุณเป็นโรคหลอดเลือดแดงแข็งหรือไม่ หรือโรคอื่นเช่น โรคเบาหวานหรือโรคอื่นๆที่จัดเทียบเท่าโรคหลอดเลือดแดงแข็งได้แก่
- โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
- โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอตีบ
- โรคหลอดเลือดแดงขาตีบ
- โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ในท้องโป่งพอง
- โรคเบาหวาน
- ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหลายข้อและมีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจมากกว่า 20%ใน 10 ปีซึ่งได้จากการคำนวณตามสูตร
ขั้นตอนที่ 3
ให้สำรวจดูว่าคุณมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบข้างล่างนี้กี่ข้อ
- สูบบุหรี่
- ความดันโลหิตสูง (มากกว่า 140/90 หรือกำลังรับประทานยาลดความดันโลหิต)
- LDL<40 มก.%
- อายุ(ชายอายุมากว่า 45 ปี หญิงอายุมากกว่า 55 ปี หากอายุมากกว่านี้ถือเป็นปัจจัยเสี่ยง)
- ประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบก่อนวัย(ชายเป็นก่อนอายุ 55 ปีหญิงเป็นก่อนอายุ 65 ปี)
หากว่าค่า HDL ของคุณมากกว่า 60 มก.%ให้หักความเสี่ยงที่ได้ลงไปหนึ่ง เช่นหากคุณเป็นผู้ชายอายุ 55 ปี สูบบุหรี่ เป็นความดันโลหิตสูง LDL=35มก.% HDL=65 มก.% คุณมีปัจจัยเสี่งทั้งหมด 4-1=3 ข้อ
หากคุณมีปัจจัยเสี่ยง๖อโรคหัวใจมากกว่า 2 ข้อ(ไม่นับรวม LDL)โดยที่ไม่มีโรคหลอดเลือดแดงแข็ง ให้เปิดตารางดูว่าคุณมีโอกาสเป็นโรคหัวใจใน 10 ปีเป็นเท่าใดโดยดูตารางนี้ ผู้ชายคลิกที่นี่ ผู้หญิงคลิกที่นี่ หรือคลิกที่นี่เพื่อคำนวณความเสี่ยง
เมื่อคุณได้อัตราเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจแล้ว ทางปฏิบัติจะแบ่งเป็น 3 ระดับ
- มากกว่า 20% = CHD risk-equivalent
- 10-20%
- น้อยกว่า10%
ขั้นตอนที่ 4
มาจัดกลุ่มความเสี่ยงเพื่อกำหนดเป้าหมายในควบคุมระดับ LDLและระดับไขมันที่ต้องเริ่มรักษาโดยการเปลี่ยนพฤติกรรมหรือการใช้ยาตามตารางข้างล่าง
กลุ่มความเสี่ยง | ระดับ LDL เป้าหมาย | ระดับ LDL ที่เริ่มรักษาโดย การเปลี่ยนพฤติกรรม[TLC] |
ระดับ LDL ที่ต้องใช้ยารักษา |
ผู้ที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เบาหวาน ( หรือผู้ที่มีอัตราเสี่ยงมากกว่า 20%ใน 10 ปี) |
น้อยกว่า 70 | มากกว่า 100 | มากกว่า 130 มก.% (สำหรับผู้ที่มีระดับ LDL อยู่ระหว่าง 100-129 แพทย์แนะนำ ให้เปลี่ยนพฤติกรรมก่อน) |
ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ (ตามขั้นตอนที่3) มากกว่า 2 ข้อ (อัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ 10- 20%) |
น้อยกว่า 130 | มากกว่าหรือเท่ากับ 130 | >130 มก.% (สำหรับผู้ที่มีอัตราเสี่ยง 10-20%) |
>160 มก.% (สำหรับผู้ที่มีอัตราเสี่ยง น้อยกว่า 10%) | |||
มีปัจจัยเสี่ยง 2 ข้อ หรือคำนวณความเสี่ยงน้อยกว่าร้อยละ10 |
ความเสี่ยงปานกลาง | น้อยกว่า130 mg/dL | >160 มก.% (สำหรับผู้ที่มีอัตราเสี่ยง น้อยกว่า 10%) |
ปัจจัยเสี่ยงน้อยกว่า 1 |
น้อยกว่า 160มก.% | มากกว่า 160 มก.% | มากกว่า 190 มก.% |
นอกจากนั้นอาจจะใช้การคำนวณความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในเวลา 10 ปีเพื่อ
สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสูง เช่นผู้ป่วยที่เคยเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือเป็นโรคเบาหวาน มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมาก หรือเป็นภาวะอ้วนลงพุง แพทย์จะกำหนดเป้าหมายไขมัน LDL ให้ไม่เกิน 70 mg/dL
สำหรับวิธีการลดไขมันคอเลสเตอรอลในเลือดทำได้โดย
- Therapeutic Lifestyle Changes (TLC)การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม. ได้แก่การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ การจัดการเรื่องน้ำหนัก และการออกกำลังกาย
- การใช้ยาลดไขมันซึ่งควรจะใช้ร่วมกับการปรับเปลี่ยน
ในการกำหนดเป้าหมายของ LDL แพทย์จะประเมินจากความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
Category I, เสี่ยงสูงมากเป้าหมายของ LDL น้อยกว่า 100 mg/dL.*
Your LDL Level | Treatment |
ระดับ LDL มากกว่า 100 |
ใช้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และรับประทานยาลดไขมัน |
ระดับ LDLน้อยกว่า 100 |
ให้ใช้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อคุมให้ไขมัน LDL ให้ต่ำที่สุด |
หากคุณอยู่ในกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดมากควรจะควบคุมระดับ LDL ให้ต่ำกว่า70 mg/dL
Category II, กลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงปานกลาง ต้องควบคุมระดับ LDL ให้น้อยกว่า 130 mg/dL
Your LDL Level | Treatment |
หากไขมัน LDL มากกว่า 130 mg/dL |
ให้ใช้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม |
หลังจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วสามเดือนระดับ LDL ยังมากกว่า 130 mg/dL |
ให้ใช้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมร่วมกับการใช้ยา |
หากระดับ LDL น้อยกว่า130 mg/dL |
ให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม. |
Category III ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดปานกลาง ควบคุมระดับ LDL ต่ำกว่า 130 mg/dL.
Your LDL Level | Treatment |
หากระดับ LDL มากกว่า 130 mg/dL |
ให้ใช้การปรับเปลี่ยนพฟติกรรม |
หลังจากการปรับเปลี่ยนแล้วสามเดือนหากระดับ LDL มากกว่า 160 mg/dL |
ให้ใช้ยาลดไขมันร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม |
หากระดับ LDL น้อยกว่า 130 mg/dL |
ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม. |
Category IV, มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดต่ำควบคุมระดับ LDL ให้ต่ำกว่า 160 mg/dL.
Your LDL Level | Treatment |
หากระดับ LDL มากกว่า 160 |
ให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม |
หลังจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้ว 3 เดือนหากระดับ LDL มากกว่า 160 mg/dL |
ให้ใช้ยาร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม |
ระดับ LDL น้อยกว่า160 mg/dL |
ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม |
ขั้นตอนที่ 5
หากค่า LDL มากกว่าค่าเป้าหมายให้เริ่มรักษาโดยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม [Therapeutic lifestyle change ]ซึ่งมีลักษณะดังนี้
1.ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอาหารดังนี้
- พลังงานที่มาจากไขมัน 25-35 %ของพลังงานทั้งหมด
- รับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวน้อยกว่า 7 %
- รับประทานไขมันไม่อิ่มตัวแบบเชิงซ้อน polyunsaturated เพิ่มเป็นร้อยละ 10 ของพลังงานทั้งหมด
- ไขมันไม่อิ่มตัวแบบเชิงเดี่ยว monounsaturated เพิ่มเป็นร้อยละ 20 ของพลังงานทั้งหมด
- รับประทาน
- และปริมาณไขมัน cholesterol <200 mg%
- รับประทานพวกแป้งให้ได้พลังงาน 50-60%ของพลังงานทั้งหมด
- รับประทานโปรตีน 15 %ของพลังงานทั้งหมด
- ให้รับประทานใยอาหารมากกว่า 20-30 กรัม/วันและ stanol มากกว่า 2 กรัม/วัน
- พลังงานที่รับทั้งวันขึ้นกับการทำงาน การออกกำลังกาย และน้ำหนักรายละเอียดอ่านที่นี่
2.ให้ลดน้ำหนัก
น้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับชาวเอเชียคือน้ำหนักที่ดัชนีมวลกายเท่ากับ 23 รายละเอียดอ่านที่นี่
3.ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเพิ่มให้ร่างกายใช้พลังงานเพิ่มและลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน รายละเอียดอ่านที่นี่
ขั้นตอนที่6
หลังจากการรักษาด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม 3 เดือนแล้วระดับ LDL ยังเกินเป้าหมายจะต้องใช้ยารักษา การใช้ยาจะทำควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ยาที่ใช้รักษาไขมันมีดังนี้
ขั้นตอนที่ 7
คุณต้องค้นหาว่าตัวคุณมีภาวะ Metabolic อsyndrome คือภาวะที่มีกลุ่มของอาการโดยสาเหตุเกิดจากหลายๆสาเหตุ สาเหตุที่สำคัญคือภาวะดื้อต่ออินซูลินซึ่งจะพบภาวะนี้ในผู้ป่วยก่อนที่จะเป็นโรคเบาหวาน การที่จะทราบว่ามีกลุ่มอาการนี้หรือไม่ลองดูตารางข้างล่างนี้หากคุณมี 3 ข้อขึ้นไปถือว่าคุณมีภาวะ Metabolic syndrome
ปัจจัยเสี่ยงต่อ Metabolic syndrome | เกณฑ์การวัด |
1.อ้วนลงพุง | โดยการวัดเส้นรอบเอว |
ผู้ชาย | ผู้ชาย< 102ซม(เอเชียไม่เกิน 90 ซม) |
ผู้หญิง | ผู้หญิง< 88 ซม(เอเชียไม่เกิน 80 ซม) |
2.Triglyceride | >150 mg.% |
3.HDL Cholesterol | |
ผู้ชาย | <40mg% |
ผู้หญิง | <50mg.% |
4.ความดันโลหิต | >130/85 mmHg |
5.ระดับน้ำตาล | >110 mg.% |
เมื่อสำรวจแล้วหากคุณพบว่าคุณมีมากกว่า 3 ข้อคุณต้องรักษาภาวะ Metabolic syndrome ซึ่งมีวิธีการรักษาดังนี้
- รักษาโรคหรือภาวะพื้นฐาน
- ควบคุมน้ำหนัก
- ออกกำลังกาย
- รักษาโรคอื่นที่เป็น
- รักษาความดันโลหิตสูง
- รับประทาน aspirin ป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
- รักษาโดยการลด triglyceride และเพิ่ม HDL
ขั้นตอนการรักษาขั้นที่8
หลังจากที่สามารถควบคุมระดับ LDL ได้ตามเป้าหมายแล้ว แพทย์ผู้รักษาจะให้การรักษาระดับ Triglyceride เป็นลำดับต่อมา ค่าปกติของระดับ Triglyceride
<150 | ค่าปกติ |
150-199 | สูงเล็กน้อย |
200-499 | สูง |
>500 | สูงมาก |
ในการรักษาระดับ Triglyceride จะแบ่งระดับตามความรุนแรงดังนี้
- ระดับ Triglyceride น้อยกว่า 150มก.%
- เป้าหมายให้คุม LDL ให้ได้ตามเป้าหมาย
- ลดน้ำหนักให้ได้ตามเกณฑ์
- ออกกำลังกาย
- หากระดับ Triglyceride ยังมากกว่า 200 มก.%จะต้องให้ยาเพื่อลดระดับของ Non-HDL-Cholesterol ให้ได้ตามเป้าหมาย วิธีการอาจจะทำได้โดย
- เพิ่มยาลด LDL
- เพิ่มยาในกลุ่ม nicotinic หรือ fibrate
- หาก Triglyceride มากกว่า 500 มก.%ให้รักษาระดับtriglyceride ก่อนเพื่อป้องกันตับอ่อนอักเสบ
- ให้รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำกว่ำ 15 %ของพลังงานทั้งหมดหรือจะพูดภาษาชาวบ้านก็คือหลีกเลี่ยงอาหารมันให้มากที่สุด
- ลดน้ำหนักและออกกำลังกาย
- ให้ยาในกลุ่ม fibrate หรือ nicotinic
- เมื่อระดับ triglyceride น้อยกว่า 500 มก.%จึงค่อยมารักษาระดับ LDL
การรักษาระดับHDL ที่ต่ำกว่า 40 มก%
- ให้รักษาระดับ LDL ก่อน
- ลดน้ำหนักและออกกำลังกาย
- ถ้าระดับ triglyceride อยู่ระหว่าง 200-499 มก.%ให้คุมระดับ Non-HDL-Cholesterol ให้ได้ตามเป้าหมาย
- หากระดับ triglyceride น้อยกว่า 200 มก.%ให้ยา fibrate หรือ nicotinic
ระดับไขมัน Non-HDL-Cholesterol เป้าหมาย
กลุ่มความเสี่ยง | ระดับ LDL เป้าหมาย | Non-HDL-Cholesterol |
ผู้ที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เบาหวาน( หรือผู้ที่มีอัตราเสี่ยงมากกว่า 20%ใน 10 ปี) | น้อยกว่า 100 | น้อยกว่า 130 |
ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ(ตามขั้นตอนที่3)มากกว่า 2 ข้อ(อัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่า 20%) | น้อยกว่า 130 | น้อยกว่า 160 |
ปัจจัยเสี่ยงน้อยกว่า 1 | น้อยกว่า 160มก.% | น้อยกว่า 190 |
- ไขมันในเลือด
- การเจาะเลือดตรวจ
- การรักษา
- อาหารสำหรับ cholesterol สูง
- อาหารสำหรับ triglyceride สูง
- การประเมินความเสี่ยง
ไขมันในเลือด การเจาะเลือดตรวจ การรักษา อาหารสำหรับ cholesterol สูง อาหารสำหรับ triglyceride สูง การประเมินความเสี่ยง butter vs magarine ไขมันที่ดีและไม่ดี
แนวทางการรักษาไขมันในเลือดสูงได้มีการเปลี่ยนแปลงดดยแบ่งกลุ่มผู้ป่วยที่จะได้ประโยชน์จากการใช้ยาลดไขมันกลุ่ม Statin
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ผู้ที่มีระดับไขมัน LDL cholesterol มากกว่า 190 mg/dL
- ผู้ที่อายุระหว่าง 40-75 ปีและเป็นเบาหวานชนิดที่2
- ผู้ที่อายุ 40-75 ปี ที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสูง
จุดอีกประการคือเน้นการป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็งซึ่งจะลดการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหลอดเลือดแดงขาตีบโดยเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้แก่
- การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ
- การออกกำลังกาย
- การควบคุมน้ำหนัก
- ให้งดบุหรี่
ระดับไขมันคอเลสเตอรอลที่ต้องการ
แนวทางการรักษาไขมันในเลือดสูงไม่ได้กำหนดเป็นค่าตายตัว แต่จะให้ลดไขมันคอเลสเตอรอลลงจากเดิมร้อยละ30-50 ดดยยาที่ออกฤทธิ์แรงจะลดคอเลสเตอรอลได้ร้อยละ50 ยาที่ออกฤทธิ์ปานกลางจะลดได้ร้อยละ30
การรักษาไขมันในเลือดสูง
เป้าหมายของการรักษาคือลดระดับของคอเลสเตอรอลเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดวิธีการรักษาได้แก่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการใช้ยาลดไขมัน ส่วนเป้าของระดับไขมันขึ้นกับว่าคนผู้นั้นมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดมากหรือน้อย หากมีความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดมากจะต้องลดระดับไขมัน LDL ให้ต่ำ ความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้แก่
- การสูบบุหรี่
- ความดันโลหิตมากกว่า140/90 mmHg หรือเป็นโรคความดันโลหิตสูงและได้นารักษาความดันโลหิต
- มีค่าไขมัน high-density lipoprotein (HDL) cholesterol น้อยกว่า 40 mg/dL
- ประวัติญาติสายตรงเป็นโรคหัวใจก่อนวัยอันควร(ชายน้อยกว่า 55 ส่วนหญิงน้อยกว่าอายุ 65)
- ผู้ชายอายุมากกว่า ปี และผู้หญิงอายุมากกว่า 55 ปี
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดไขมันคอเลสเตอรอลCholesterol
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดไขมันประกอบไปด้วย การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ การควบคุมน้ำหนัก การออกกำลังกาย
การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ
การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจะมีข้อกำหนดที่ต้องปฏิบัติดังนี้
- ให้รับประทานอาหารประเภทไขมันได้ปริมาณพลังงานไม่เกินร้อยละ 25-35 ของพลังงานทั้งหมด
- รับประทานไขมันอิ่มตัวไม่เกิดร้อยละ7ของพลังงานทั้งหมด
- รับประทานคอเลสเตอรอลไม่เกิน 200 mg ต่อวัน
- รับประทานอาหารที่มีใยอาหารมากได้แก่อาหารธัญพืชครบส่วน เช่นข้าวกล้อง oatmealหรือ oat bran
- ผลไม้เช่น แอปเปิล กล้วย ถั่ว
- รับประทานปลา เช่นปลาแซลมอน ปลาทูน่า ซึ่งจะเป็นแหล่งไขมัน omega-3 fatty acids ซึ่งจะลดการอักเสบของหลอดเลือดและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ โดยให้รับประทานปลา 2 มื้อต่อสัปดาห์
- ลดเกลือ ให้รับประทานเกลือวันละไม่เกิน 1 ชช(2000มิลิกรัม หรือ น้ำปลาไม่เกิน 5 ช้อนชา)
- จำกัดการดื่มสุราไม่เกิน2และ1หน่วยสุราชายและหญิง (หนึ่งหน่วยสุราเท่ากับ ไวน์หนึ่งแก้ว หรือ เบียร์หนึ่งแก้ว)
- Reducing trans fats and eating a balanced, nutritious diet is another way to increase HDL. If you smoke - stop: cigarette smoking can decrease your HDL. If these measures are not enough to increase your HDL to goal, your healthcare practitioner may prescribe a medication specifically to increase your HDLs.
การจัดการเรื่องน้ำหนัก
การลดน้ำหนักจะช่วยลดไขมัน LDL การรักาาน้ำหนักจะช่วยลดโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากภาวะอ้วนลงพุง เช่นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง อ่านเรื่องอ้วนลงพุง
การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายจะลดไขมันคอเลสเตอรอล ลดไตร์กลีเซอร์ไรด์และเพิ่มไขมันดีคือ HDL การออกกำลังกายเป็นประจำสัปดาห์ละ 150 นาที(เช่นการเดินเร็ว)หรือการออกกำลังกายแบบหนัก(เช่นการวิ่ง)สัปดาห์ละ 75 นาทีจะเพิ่มระดับHDLs.
ยาลดไขมัน
การลดไขมันในเลือดจะต้องมีการปรับพฤติกรรมและการรับประทานยา ยาสำหรับรักษาไขมันในเลือดแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มได้แก่
- ยากลุ่ม Statins เป็นกลุ่มยาที่ลดไขมันไม่ดี LDL cholesterol ยานี้มีผลข้างเคียงต่ำ แต่อาจจะเกิดโรคแทรกซ้อนคือกล้ามเนื้อหรือตับอักเสบ
- Bile acid sequestrantsใช้ยากลุ่มนี้ในการลดไขมัน LDL cholesterol ยานี้ไม่ค่อยจ่าย
- ยา Nicotinic acidสามารถลดได้ทั้ง LDL cholesterol triglycerides และเพิ่มไขมัน HDL cholestero
- ยากลุ่ม Fibrates จะลด triglycerides ยานี้จะะเพิ่ม HDL cholesterol ข้อระวังไม่ควรใช้ยานี้ร่วมกับยา statins หรือกลุ่ม fibrates เพราะจะทำให้เกิดกล้ามเนื้ออักเสบ
- ยา Ezetimibeจะลดไขมัน LDL cholesterol.