การรักษาไขมันในเลือดสูง

ไขมันในเลือดสูงกับความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ

ไขมันในเลือดเป็นปัจจัยเสี่ยงข้อหนึ่งของโรคหัวใจ

การรักษาไขมันในเลือดสูงควรจะรักษาเมื่อความเสียงต่อโรคหลอดเลือดแดงหัวใจตีบสูง ในการประเมินความเสี่ยงจะต้องเจาะเลือดตรวจระดับไขมัน และความเสี่ยงอื่นๆ

แนะนำให้เจาะเลือดตรวจไขมัน 4 ชนิดคือ LDL,HDL,Triglyceride,Total Cholesterol ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป (ตามมาตราฐานประเทศอเมริกา สำหรับประเทศไทยไทยจะเจาะเมื่ออายุมากกว่า 45 ปี) หากปกติให้เจาะเลือดทุก 5 ปี หากไม่ได้อดอาหารให้เจาะเพียง Total Cholesterol

การรักษาไขมันในเลือดตามคำแนะนำของสมาคมโรคหัวใจของอเมริกา ได้มีการเปลี่ยนแปลงจึงขอนำเสนอขั้นตอนการรักษา

ขั้นที่1

ต้องรู้ระดับไขมันในเลือดโดยการเจาะเลือด ไขมันที่ต้องการรู้มี 3 ตัว

LDL Cholesterol เป็นเป้าหมายหลักที่จะรักษา

<100 ค่าที่ต้องการ
100-129 ค่าใกล้เคียงปกติ
130-159 ค่าค่อนไปทางสูง
160-189 สูง
>190 สูงมาก

Triglyceride

<200 ค่าที่ต้องการ
200-239 สูงปานกลาง
>240 สูง
>500 สูงมาก

HDL Cholesterol

<40 ต่ำสูง
>60 สูง

ขั้นที่ 2

ให้คุณสำรวจว่าคุณเป็นโรคหลอดเลือดแดงแข็งหรือไม่ หรือโรคอื่นเช่น โรคเบาหวานหรือโรคอื่นๆที่จัดเทียบเท่าโรคหลอดเลือดแดงแข็งได้แก่

 

ขั้นตอนที่ 3

ให้สำรวจดูว่าคุณมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบข้างล่างนี้กี่ข้อ

  • สูบบุหรี่
  • ความดันโลหิตสูง (มากกว่า 140/90 หรือกำลังรับประทานยาลดความดันโลหิต)
  • LDL<40 มก.%
  • อายุ(ชายอายุมากว่า 45 ปี หญิงอายุมากกว่า 55 ปี หากอายุมากกว่านี้ถือเป็นปัจจัยเสี่ยง)
  • ประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบก่อนวัย(ชายเป็นก่อนอายุ 55 ปีหญิงเป็นก่อนอายุ 65 ปี)

หากว่าค่า HDL ของคุณมากกว่า 60 มก.%ให้หักความเสี่ยงที่ได้ลงไปหนึ่ง เช่นหากคุณเป็นผู้ชายอายุ 55 ปี สูบบุหรี่ เป็นความดันโลหิตสูง LDL=35มก.% HDL=65 มก.% คุณมีปัจจัยเสี่งทั้งหมด 4-1=3 ข้อ

หากคุณมีปัจจัยเสี่ยง๖อโรคหัวใจมากกว่า 2 ข้อ(ไม่นับรวม LDL)โดยที่ไม่มีโรคหลอดเลือดแดงแข็ง ให้เปิดตารางดูว่าคุณมีโอกาสเป็นโรคหัวใจใน 10 ปีเป็นเท่าใดโดยดูตารางนี้ ผู้ชายคลิกที่นี่ ผู้หญิงคลิกที่นี่ หรือคลิกที่นี่เพื่อคำนวณความเสี่ยง

เมื่อคุณได้อัตราเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจแล้ว ทางปฏิบัติจะแบ่งเป็น 3 ระดับ

  • มากกว่า 20% = CHD risk-equivalent
  • 10-20%
  • น้อยกว่า10%

ขั้นตอนที่ 4

มาจัดกลุ่มความเสี่ยงเพื่อกำหนดเป้าหมายในควบคุมระดับ LDLและระดับไขมันที่ต้องเริ่มรักษาโดยการเปลี่ยนพฤติกรรมหรือการใช้ยาตามตารางข้างล่าง

กลุ่มความเสี่ยง ระดับ LDL เป้าหมาย

ระดับ LDL ที่เริ่มรักษาโดย การเปลี่ยนพฤติกรรม[TLC]

ระดับ LDL ที่ต้องใช้ยารักษา

ผู้ที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เบาหวาน ( หรือผู้ที่มีอัตราเสี่ยงมากกว่า 20%ใน 10 ปี)

น้อยกว่า 70 มากกว่า 100

มากกว่า 130 มก.% (สำหรับผู้ที่มีระดับ LDL อยู่ระหว่าง 100-129 แพทย์แนะนำ ให้เปลี่ยนพฤติกรรมก่อน)

ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ (ตามขั้นตอนที่3) มากกว่า 2 ข้อ (อัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ 10- 20%)

น้อยกว่า 130 มากกว่าหรือเท่ากับ 130 >130 มก.% (สำหรับผู้ที่มีอัตราเสี่ยง 10-20%)
>160 มก.% (สำหรับผู้ที่มีอัตราเสี่ยง น้อยกว่า 10%)

มีปัจจัยเสี่ยง 2 ข้อ หรือคำนวณความเสี่ยงน้อยกว่าร้อยละ10

ความเสี่ยงปานกลาง น้อยกว่า130 mg/dL >160 มก.% (สำหรับผู้ที่มีอัตราเสี่ยง น้อยกว่า 10%)

ปัจจัยเสี่ยงน้อยกว่า 1

น้อยกว่า 160มก.% มากกว่า 160 มก.% มากกว่า 190 มก.%
 

นอกจากนั้นอาจจะใช้การคำนวณความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในเวลา 10 ปีเพื่อ

สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสูง เช่นผู้ป่วยที่เคยเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือเป็นโรคเบาหวาน มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมาก หรือเป็นภาวะอ้วนลงพุง แพทย์จะกำหนดเป้าหมายไขมัน LDL ให้ไม่เกิน 70 mg/dL
สำหรับวิธีการลดไขมันคอเลสเตอรอลในเลือดทำได้โดย

  • Therapeutic Lifestyle Changes (TLC)การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม. ได้แก่การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ การจัดการเรื่องน้ำหนัก และการออกกำลังกาย
  • การใช้ยาลดไขมันซึ่งควรจะใช้ร่วมกับการปรับเปลี่ยน

ในการกำหนดเป้าหมายของ LDL แพทย์จะประเมินจากความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
Category I, เสี่ยงสูงมากเป้าหมายของ LDL น้อยกว่า 100 mg/dL.*

Your LDL Level

Treatment

ระดับ LDL มากกว่า 100

ใช้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และรับประทานยาลดไขมัน

ระดับ LDLน้อยกว่า 100

ให้ใช้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อคุมให้ไขมัน LDL ให้ต่ำที่สุด

หากคุณอยู่ในกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดมากควรจะควบคุมระดับ LDL ให้ต่ำกว่า70 mg/dL
Category II, กลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงปานกลาง ต้องควบคุมระดับ LDL ให้น้อยกว่า 130 mg/dL

Your LDL Level

Treatment

หากไขมัน LDL มากกว่า 130 mg/dL

ให้ใช้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

หลังจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วสามเดือนระดับ LDL ยังมากกว่า 130 mg/dL

ให้ใช้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมร่วมกับการใช้ยา

หากระดับ LDL น้อยกว่า130 mg/dL

ให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม.

Category III ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดปานกลาง ควบคุมระดับ LDL ต่ำกว่า 130 mg/dL.

Your LDL Level

Treatment

หากระดับ LDL มากกว่า 130 mg/dL

ให้ใช้การปรับเปลี่ยนพฟติกรรม

หลังจากการปรับเปลี่ยนแล้วสามเดือนหากระดับ LDL มากกว่า 160 mg/dL

ให้ใช้ยาลดไขมันร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

หากระดับ LDL น้อยกว่า 130 mg/dL

ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม.

Category IV, มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดต่ำควบคุมระดับ LDL ให้ต่ำกว่า 160 mg/dL.

Your LDL Level

Treatment

หากระดับ LDL มากกว่า 160

ให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

หลังจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้ว 3 เดือนหากระดับ LDL มากกว่า 160 mg/dL

ให้ใช้ยาร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ระดับ LDL น้อยกว่า160 mg/dL

ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ขั้นตอนที่ 5

หากค่า LDL มากกว่าค่าเป้าหมายให้เริ่มรักษาโดยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม [Therapeutic lifestyle change ]ซึ่งมีลักษณะดังนี้

1.ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอาหารดังนี้

  • พลังงานที่มาจากไขมัน 25-35 %ของพลังงานทั้งหมด
  • รับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวน้อยกว่า 7 %
  • รับประทานไขมันไม่อิ่มตัวแบบเชิงซ้อน polyunsaturated เพิ่มเป็นร้อยละ 10 ของพลังงานทั้งหมด
  • ไขมันไม่อิ่มตัวแบบเชิงเดี่ยว monounsaturated เพิ่มเป็นร้อยละ 20 ของพลังงานทั้งหมด
  • รับประทาน
  • และปริมาณไขมัน cholesterol <200 mg%
  • รับประทานพวกแป้งให้ได้พลังงาน 50-60%ของพลังงานทั้งหมด
  • รับประทานโปรตีน 15 %ของพลังงานทั้งหมด
  • ให้รับประทานใยอาหารมากกว่า 20-30 กรัม/วันและ stanol มากกว่า 2 กรัม/วัน
  • พลังงานที่รับทั้งวันขึ้นกับการทำงาน การออกกำลังกาย และน้ำหนักรายละเอียดอ่านที่นี่

2.ให้ลดน้ำหนัก

น้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับชาวเอเชียคือน้ำหนักที่ดัชนีมวลกายเท่ากับ 23 รายละเอียดอ่านที่นี่

3.ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายเพิ่มให้ร่างกายใช้พลังงานเพิ่มและลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน รายละเอียดอ่านที่นี่

ขั้นตอนที่6

หลังจากการรักษาด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม 3 เดือนแล้วระดับ LDL ยังเกินเป้าหมายจะต้องใช้ยารักษา การใช้ยาจะทำควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ยาที่ใช้รักษาไขมันมีดังนี้

ขั้นตอนที่ 7

คุณต้องค้นหาว่าตัวคุณมีภาวะ Metabolic อsyndrome คือภาวะที่มีกลุ่มของอาการโดยสาเหตุเกิดจากหลายๆสาเหตุ สาเหตุที่สำคัญคือภาวะดื้อต่ออินซูลินซึ่งจะพบภาวะนี้ในผู้ป่วยก่อนที่จะเป็นโรคเบาหวาน การที่จะทราบว่ามีกลุ่มอาการนี้หรือไม่ลองดูตารางข้างล่างนี้หากคุณมี 3 ข้อขึ้นไปถือว่าคุณมีภาวะ Metabolic syndrome

ปัจจัยเสี่ยงต่อ Metabolic syndrome เกณฑ์การวัด
1.อ้วนลงพุง โดยการวัดเส้นรอบเอว
    ผู้ชาย        ผู้ชาย< 102ซม(เอเชียไม่เกิน 90 ซม)
    ผู้หญิง        ผู้หญิง< 88 ซม(เอเชียไม่เกิน 80 ซม)
2.Triglyceride >150 mg.%
3.HDL Cholesterol  
    ผู้ชาย <40mg%
    ผู้หญิง <50mg.%
4.ความดันโลหิต >130/85 mmHg
5.ระดับน้ำตาล >110 mg.%

เมื่อสำรวจแล้วหากคุณพบว่าคุณมีมากกว่า 3 ข้อคุณต้องรักษาภาวะ Metabolic syndrome ซึ่งมีวิธีการรักษาดังนี้

  1. รักษาโรคหรือภาวะพื้นฐาน
  • ควบคุมน้ำหนัก
  • ออกกำลังกาย
  1. รักษาโรคอื่นที่เป็น
  • รักษาความดันโลหิตสูง
  • รับประทาน aspirin ป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
  • รักษาโดยการลด triglyceride และเพิ่ม HDL

ขั้นตอนการรักษาขั้นที่8

หลังจากที่สามารถควบคุมระดับ LDL ได้ตามเป้าหมายแล้ว แพทย์ผู้รักษาจะให้การรักษาระดับ Triglyceride เป็นลำดับต่อมา ค่าปกติของระดับ Triglyceride

<150 ค่าปกติ
150-199 สูงเล็กน้อย
200-499 สูง
>500 สูงมาก

ในการรักษาระดับ Triglyceride จะแบ่งระดับตามความรุนแรงดังนี้

  1. ระดับ Triglyceride น้อยกว่า 150มก.%
  • เป้าหมายให้คุม LDL ให้ได้ตามเป้าหมาย
  • ลดน้ำหนักให้ได้ตามเกณฑ์
  • ออกกำลังกาย
  1. หากระดับ Triglyceride ยังมากกว่า 200 มก.%จะต้องให้ยาเพื่อลดระดับของ Non-HDL-Cholesterol ให้ได้ตามเป้าหมาย วิธีการอาจจะทำได้โดย
  • เพิ่มยาลด LDL
  • เพิ่มยาในกลุ่ม nicotinic หรือ fibrate
  1. หาก Triglyceride มากกว่า 500 มก.%ให้รักษาระดับtriglyceride ก่อนเพื่อป้องกันตับอ่อนอักเสบ
  • ให้รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำกว่ำ 15 %ของพลังงานทั้งหมดหรือจะพูดภาษาชาวบ้านก็คือหลีกเลี่ยงอาหารมันให้มากที่สุด
  • ลดน้ำหนักและออกกำลังกาย
  • ให้ยาในกลุ่ม fibrate หรือ nicotinic
  • เมื่อระดับ triglyceride น้อยกว่า 500 มก.%จึงค่อยมารักษาระดับ LDL

การรักษาระดับHDL ที่ต่ำกว่า 40 มก%

  • ให้รักษาระดับ LDL ก่อน
  • ลดน้ำหนักและออกกำลังกาย
  • ถ้าระดับ triglyceride อยู่ระหว่าง 200-499 มก.%ให้คุมระดับ Non-HDL-Cholesterol ให้ได้ตามเป้าหมาย
  • หากระดับ triglyceride น้อยกว่า 200 มก.%ให้ยา fibrate หรือ nicotinic

ระดับไขมัน Non-HDL-Cholesterol เป้าหมาย

กลุ่มความเสี่ยง ระดับ LDL เป้าหมาย Non-HDL-Cholesterol
ผู้ที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เบาหวาน( หรือผู้ที่มีอัตราเสี่ยงมากกว่า 20%ใน 10 ปี) น้อยกว่า 100 น้อยกว่า 130
ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ(ตามขั้นตอนที่3)มากกว่า 2 ข้อ(อัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่า 20%) น้อยกว่า 130 น้อยกว่า 160
ปัจจัยเสี่ยงน้อยกว่า 1 น้อยกว่า 160มก.% น้อยกว่า 190

ไขมันในเลือด การเจาะเลือดตรวจ การรักษา อาหารสำหรับ cholesterol สูง อาหารสำหรับ triglyceride สูง การประเมินความเสี่ยง butter vs magarine ไขมันที่ดีและไม่ดี

แนวทางการรักษาไขมันในเลือดสูงได้มีการเปลี่ยนแปลงดดยแบ่งกลุ่มผู้ป่วยที่จะได้ประโยชน์จากการใช้ยาลดไขมันกลุ่ม Statin

  • ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ผู้ที่มีระดับไขมัน LDL cholesterol มากกว่า 190 mg/dL
  • ผู้ที่อายุระหว่าง 40-75 ปีและเป็นเบาหวานชนิดที่2
  • ผู้ที่อายุ 40-75 ปี ที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสูง

จุดอีกประการคือเน้นการป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็งซึ่งจะลดการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหลอดเลือดแดงขาตีบโดยเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้แก่

  • การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ
  • การออกกำลังกาย
  • การควบคุมน้ำหนัก
  • ให้งดบุหรี่

ระดับไขมันคอเลสเตอรอลที่ต้องการ

แนวทางการรักษาไขมันในเลือดสูงไม่ได้กำหนดเป็นค่าตายตัว แต่จะให้ลดไขมันคอเลสเตอรอลลงจากเดิมร้อยละ30-50 ดดยยาที่ออกฤทธิ์แรงจะลดคอเลสเตอรอลได้ร้อยละ50 ยาที่ออกฤทธิ์ปานกลางจะลดได้ร้อยละ30

การรักษาไขมันในเลือดสูง

เป้าหมายของการรักษาคือลดระดับของคอเลสเตอรอลเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดวิธีการรักษาได้แก่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการใช้ยาลดไขมัน ส่วนเป้าของระดับไขมันขึ้นกับว่าคนผู้นั้นมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดมากหรือน้อย หากมีความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดมากจะต้องลดระดับไขมัน LDL ให้ต่ำ ความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้แก่

  • การสูบบุหรี่
  • ความดันโลหิตมากกว่า140/90 mmHg หรือเป็นโรคความดันโลหิตสูงและได้นารักษาความดันโลหิต
  • มีค่าไขมัน high-density lipoprotein (HDL) cholesterol น้อยกว่า 40 mg/dL
  • ประวัติญาติสายตรงเป็นโรคหัวใจก่อนวัยอันควร(ชายน้อยกว่า 55 ส่วนหญิงน้อยกว่าอายุ 65)
  • ผู้ชายอายุมากกว่า  ปี และผู้หญิงอายุมากกว่า 55 ปี

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดไขมันคอเลสเตอรอลCholesterol

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดไขมันประกอบไปด้วย การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ การควบคุมน้ำหนัก การออกกำลังกาย

การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ

การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจะมีข้อกำหนดที่ต้องปฏิบัติดังนี้

  • ให้รับประทานอาหารประเภทไขมันได้ปริมาณพลังงานไม่เกินร้อยละ 25-35 ของพลังงานทั้งหมด
  • รับประทานไขมันอิ่มตัวไม่เกิดร้อยละ7ของพลังงานทั้งหมด
  • รับประทานคอเลสเตอรอลไม่เกิน 200 mg ต่อวัน
  • รับประทานอาหารที่มีใยอาหารมากได้แก่อาหารธัญพืชครบส่วน เช่นข้าวกล้อง oatmealหรือ oat bran
  • ผลไม้เช่น แอปเปิล กล้วย ถั่ว
  • รับประทานปลา เช่นปลาแซลมอน ปลาทูน่า ซึ่งจะเป็นแหล่งไขมัน omega-3 fatty acids ซึ่งจะลดการอักเสบของหลอดเลือดและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ โดยให้รับประทานปลา 2 มื้อต่อสัปดาห์
  • ลดเกลือ ให้รับประทานเกลือวันละไม่เกิน 1 ชช(2000มิลิกรัม หรือ น้ำปลาไม่เกิน 5 ช้อนชา)
  • จำกัดการดื่มสุราไม่เกิน2และ1หน่วยสุราชายและหญิง (หนึ่งหน่วยสุราเท่ากับ ไวน์หนึ่งแก้ว หรือ เบียร์หนึ่งแก้ว)
  • Reducing trans fats and eating a balanced, nutritious diet is another way to increase HDL.  If you smoke - stop: cigarette smoking can decrease your HDL. If these measures are not enough to increase your HDL to goal, your healthcare practitioner may prescribe a medication specifically to increase your HDLs.

การจัดการเรื่องน้ำหนัก

การลดน้ำหนักจะช่วยลดไขมัน LDL การรักาาน้ำหนักจะช่วยลดโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากภาวะอ้วนลงพุง เช่นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง อ่านเรื่องอ้วนลงพุง

การออกกำลังกาย

การออกกำลังกายจะลดไขมันคอเลสเตอรอล ลดไตร์กลีเซอร์ไรด์และเพิ่มไขมันดีคือ HDL การออกกำลังกายเป็นประจำสัปดาห์ละ 150 นาที(เช่นการเดินเร็ว)หรือการออกกำลังกายแบบหนัก(เช่นการวิ่ง)สัปดาห์ละ 75 นาทีจะเพิ่มระดับHDLs. 

ยาลดไขมัน

การลดไขมันในเลือดจะต้องมีการปรับพฤติกรรมและการรับประทานยา ยาสำหรับรักษาไขมันในเลือดแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มได้แก่

  • ยากลุ่ม Statins เป็นกลุ่มยาที่ลดไขมันไม่ดี LDL cholesterol ยานี้มีผลข้างเคียงต่ำ แต่อาจจะเกิดโรคแทรกซ้อนคือกล้ามเนื้อหรือตับอักเสบ
  • Bile acid sequestrantsใช้ยากลุ่มนี้ในการลดไขมัน LDL cholesterol ยานี้ไม่ค่อยจ่าย
  • ยา Nicotinic acidสามารถลดได้ทั้ง LDL cholesterol triglycerides และเพิ่มไขมัน HDL cholestero
  • ยากลุ่ม Fibrates จะลด triglycerides ยานี้จะะเพิ่ม HDL cholesterol ข้อระวังไม่ควรใช้ยานี้ร่วมกับยา statins หรือกลุ่ม fibrates เพราะจะทำให้เกิดกล้ามเนื้ออักเสบ
  • ยา Ezetimibeจะลดไขมัน LDL cholesterol.

เพิ่มเพื่อน