Amiodarone: คู่มือยารักษาความผิดปกติของจังหวะหัวใจ
เผยแพร่เมื่อ:
โดย: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
Amiodarone คืออะไร
Amiodarone (อะมิโอดาโรน) เป็นยาต้านจัดจังหวะหัวใจ (Antiarrhythmic Drug) ในชั้น III ที่ใช้รักษาความผิดปกติของจังหวะหัวใจ เช่น Ventricular Arrhythmia และ Atrial Fibrillation มีทั้งรูปแบบยาเม็ด (100 มก., 200 มก.) และยาฉีด (ชื่อการค้า: Cordarone) โดยออกฤทธิ์ยืดระยะ Refractory ของหัวใจและควบคุมการนำไฟฟ้าในเนื้อเยื่อหัวใจ
กลไกการออกฤทธิ์
Amiodarone ออกฤทธิ์โดย
- ยืดระยะ Refractory โดยยับยั้งช่องทางโพแทสเซียม (Potassium Channels)
- ลดการนำไฟฟ้าโดยยับยั้งช่องทางโซเดียม (Sodium Channels)
- ลดผลของแคลเซียมในกล้ามเนื้อหัวใจ (Calcium Channel Blocking)
- ป้องกันการเต้นผิดจังหวะ เช่น Ventricular Tachycardia หรือ Ventricular Fibrillation
ด้วยคุณสมบัติที่ครอบคลุมหลายชั้น (Class I, II, III, IV) ทำให้เหมาะกับการรักษาความผิดปกติของจังหวะหัวใจที่หลากหลาย
ข้อบ่งชี้ในการใช้ยา Amiodarone
Amiodarone ใช้รักษาความผิดปกติของจังหวะหัวใจในกรณีต่อไปนี้
- หัวใจเต้นเร็วจากโพรงหัวใจ (Ventricular Tachycardia)
- หัวใจเต้นระส่ำ (Ventricular Fibrillation)
- หัวใจเต้นผิดปกติจากห้องบน (Atrial Fibrillation หรือ Atrial Flutter) ที่ไม่ตอบสนองต่อยาอื่น
- ป้องกันการเต้นผิดจังหวะรุนแรงหลังการผ่าตัดหัวใจ
- ป้องกันการเสียชีวิตกะทันหันจากหัวใจ (Sudden Cardiac Death) ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง
ขนาดและวิธีการใช้ยา Amiodarone
ขนาดยาขึ้นอยู่กับภาวะของผู้ป่วยและการตอบสนองต่อยา ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ โดยทั่วไปมีขนาดยาดังนี้
การใช้งาน |
ขนาดเริ่มต้น |
ความถี่ |
ระยะเวลา/หมายเหตุ |
การโหลดยา (Loading Dose) - ยาเม็ด |
800-1600 มก./วัน |
แบ่งทุก 8-12 ชม. |
1-3 สัปดาห์ จนตอบสนองดีแล้วลดเหลือ 600-800 มก./วัน เป็น 1 เดือน |
การรักษา (Maintenance Dose) - ยาเม็ด |
400 มก./วัน |
วันละครั้ง |
ระยะยาวตามแพทย์สั่ง |
ฉุกเฉิน (Ventricular Arrhythmia รุนแรง) - ยาฉีด |
1 กรัม |
ภายใน 24 ชม. |
หลัง 24 ชม. ลดเหลือ 0.5 มก./นาที |
ฉุกเฉิน (Ventricular Fibrillation) - ยาฉีด |
300 มก. ทันที, ตามด้วย 150 มก. |
1 มก./นาที |
6 ชม. หลังจากนั้นลดเหลือ 0.5 มก./นาที |
คำแนะนำการใช้
- รับประทานยาเม็ดพร้อมอาหารเพื่อเพิ่มการดูดซึมและลดการระคายเคลื่อนกระเพาะ
- ใช้ยาฉีดเฉพาะในโรงพยาบาลภายใต้การดูแลของแพทย์
- รับประทานยาให้ตรงเวลาและห้ามหยุดยาด้วยตัวเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
- หากลืมรับประทาน ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าใกล้เวลามื้อต่อไป ให้ข้ามไปโดยไม่เพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจัด ควรใช้ครีมกันแดดและสวมเสื้อผ้าป้องกัน เนื่องจากยาทำให้ผิวไวต่อแสงและอาจเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน-เทา
- ตรวจตาและการทำงานของตับ, ไต, และไทรอยด์เป็นระยะ
- ยานี้อาจทำให้การมองเห็นผิดปกติ จึงควรได้รับการตรวจตาอย่างสม่ำเสมอตลอดช่วงเวลาที่รับประทานยาน
- การรับประทานยานี้อาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะได้ เมื่อลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนท่าทางอย่างช้าๆ
- ห้ามหยุดใช้ยาด้วยตัวเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อน
ผลข้างเคียงของ Amiodarone
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยานี้มีดังนี้
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย
- ระบบทางเดินอาหาร: คลื่นไส้, อาเจียน, ท้องผูก, เบื่ออาหาร
- ระบบประสาท: วิงเวียน, ปวดศีรษะ, อ่อนเพลีย, นอนไม่หลับ, รสโลหะในปาก
- ผิวหนัง: ผิวไหม้แดดง่าย (Photosensitivity), ผื่น, เปลี่ยนสีผิวเป็นน้ำเงิน-เทา (อาจถาวร)
- อื่นๆ: หน้าแดง, ความต้องการทางเพศลดลง, รู้สึกขมในปาก
ผลข้างเคียงรุนแรง (หยุดยาและพบแพทย์ทันที)
- ปอดอักเสบ/พังผืด (Pulmonary Toxicity/Fibrosis): ไอเรื้อรัง, หายใจลำบาก, เจ็บหน้าอก, เหนื่อยล้า (พบได้ร้อยละ 5 ในปริมาณสูง)
- ตับอักเสบ: ตัวเหลือง, ตาเหลือง, ปัสสาวะสีเข้ม, ปวดท้อง
- ความผิดปกติของไทรอยด์: ไฮโปไทรอยด์ (เหนื่อยล้า, น้ำหนักเพิ่ม) หรือไฮเปอร์ไทรอยด์ (ใจสั่น, น้ำหนักลด)
- ปัญหาการมองเห็น: ตาพร่า, รัศมีรอบแสง, สูญเสียการมองเห็น (อาจถึงขั้นประสาทตาอักเสบ)
- QT Prolongation: หัวใจเต้นเร็ว, เต้นแรง, หรือเต้นผิดปกติ อาจนำไปสู่การเป็นลมหรือเสียชีวิต
- ปลายประสาทอักเสบ: ชา, เสียวซ่า, เจ็บปวดที่แขน, ขา, หรือเท้า
- ปฏิกิริยาภูมิแพ้: ผื่น, บวมที่ใบหน้า, ริมฝีปาก, หรือลิ้น, หายใจลำบาก
- ความดันโลหิตต่ำ: วิงเวียน, เป็นลม
- ผมร่วง, ประจำเดือนผิดปกติ, บวมที่มือ/เท้า/ข้อเท้า, คอพอก
การใช้ยานี้ร่วมกับยาอื่น
Amiodarone อาจโต้ตอบกับยาต่างๆ สิ่งสําคัญคือต้องแจ้งผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณเกี่ยวกับยาทั้งหมด รวมถึงยาและอาหารเสริมที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์ ปฏิกิริยาอาจเกิดขึ้นกับยาเช่น:
ยานี้เมื่อใช้กับยาที่จะกล่าวอาจจะมีผลทำให้ระดับยาทั้ง amiodarone และยาอื่นผิดปกติ ยาดังกล่าวได้แก่
- cimetidine,cyclosporin, Rifampicine, warfarine,digoxin,Phenytoin,quinidine,
การเก็บรักษายา
ข้อห้ามในการใช้ (Contraindications)
- แพ้ Amiodarone หรือ Iodine
- โรค Sinus Node Dysfunction
- ทางเดินไฟฟ้าหัวใจปิดกั้นระดับ 2nd หรือ 3rd Degree Heart Block โดยไม่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจ
- ภาวะช็อกจากหัวใจ (Cardiogenic Shock)
- หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร (ประเภท D อาจเป็นอันตรายต่อทารก)
ทำอย่างไรหากลืมรับประทานยาหรือใช้ยา
- โดยทั่วไปถ้าลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยามื้อต่อไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
ข้อควรระวังและสิ่งที่ควรแจ้งแพทย์
ก่อนใช้ยานี้ควรระวังและแจ้งข้อมูลต่อไปนี้ให้แพทย์ทราบ
- แจ้งหากมีประวัติแพ้ Amiodarone, Iodine, หรือยาอื่นๆ รวมถึงยาที่ใช้อยู่ เช่น ยาต้านซึมเศร้า, ยาต้านการแข็งตัวของเลือด, ยาแก้ปวด, ยากันชัก, หรือยาคุมกำเนิด
- แจ้งหากมีหรือเคยมีโรคตับ, ปอด, ไทรอยด์, หรือความดันโลหิตผิดปกติ
- แจ้งหากตั้งครรภ์, วางแผนตั้งครรภ์, หรือให้นมบุตร การใช้ยานี้ในขณะที่คุณกำลังตั้งครรภ์อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ ใช้รูปแบบการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันไม่ให้ตั้งครรภ์ หากคุณคิดว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ขณะใช้ยา ให้แจ้งแพทย์ของคุณทันที
- แจ้งก่อนเข้ารับการผ่าตัดหรือทำฟัน อาจต้องหยุดยาก่อน
- ควรตรวจเลือดและการทำงานของตับ, ไต, และไทรอยด์เป็นระยะ
- หลีกเลี่ยงน้ำเกรพฟรุตและน้ำเกรพฟรุต เนื่องจากเพิ่มผลข้างเคียง
- พกบัตรประจำตัวหรือสร้อยข้อมือระบุการใช้ยานี้
- ใช้การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพหากเป็นผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์
- อย่าใช้ยาอื่นเว้นแต่จะได้ปรึกษากับแพทย์ของคุณแล้ว ซึ่งรวมถึงยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์หรือที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์ (ที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ [OTC]) และสมุนไพร (เช่น สาโทเซนต์จอห์น) หรืออาหารเสริมวิตามิน
- หลังจากที่คุณรับประทานยานี้เป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดสีน้ำเงินเทาปรากฏบนผิวหนังของคุณ โดยเฉพาะในบริเวณที่โดนแสงแดด เช่น ใบหน้า ลำคอ และแขน สีนี้มักจะจางลงหลังจากการรักษาด้วย amiodarone สิ้นสุดลง แม้ว่าอาจใช้เวลาหลายเดือนก็ตาม ตรวจสอบกับแพทย์ของคุณหากการเปลี่ยนสีนี้เกิดขึ้น
- ยานี้อาจทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจเปลี่ยนแปลงได้ ติดต่อแพทย์ของคุณทันทีหากคุณมีอาการของปัญหาจังหวะการเต้นของหัวใจ เช่น หัวใจเต้นเร็ว เต้นแรง หรือเต้นผิดปกติ
- ตรวจสอบกับแพทย์ของคุณทันทีหากคุณมีอาการแสบร้อน ชา รู้สึกเสียวซ่า หรือรู้สึกเจ็บปวดที่แขน มือ ขา หรือเท้า อาการเหล่านี้อาจเป็นอาการของภาวะที่เรียกว่าปลายประสาทอักเสบ
ปฏิกิริยาตอยาอื่น
Amiodarone อาจมีปฏิกิริยากับยาต่อไปนี้
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Warfarin): เพิ่มความเสี่ยงต่อเลือดออก
- ยาลดคอเลสเตอรอล (Statins): เพิ่มความเสี่ยงต่อกล้ามเนื้อสลาย
- ยาต้านจังหวะหัวใจ (Digoxin, Quinidine, Phenytoin): เพิ่มความเสี่ยงต่อ Bradycardia หรือ QT Prolongation
- Cimetidine, Cyclosporine, Rifampicin: อาจเปลี่ยนระดับยาในร่างกาย
ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยา, วิตามิน, สมุนไพร (เช่น St. John’s Wort) หรืออาหารเสริมที่ใช้อยู่
วิธีเก็บรักษา
การเก็บรักษายาควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
- เก็บในภาชนะเดิมที่ปิดสนิทและป้องกันแสง (เช่น ขวดหรือซองสีชา)
- เก็บที่อุณหภูมิห้อง (15-30°C) หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงและความชื้น
- เก็บให้พ้นมือเด็ก
- ทิ้งยาเมื่อหมดอายุ
สรุป
Amiodarone เป็นยาต้านจังหวะหัวใจที่มีประสิทธิภาพในการรักษาความผิดปกติของจังหวะหัวใจ เช่น Ventricular Arrhythmia และ Atrial Fibrillation ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์และระวังผลข้างเคียงรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ, ตับอักเสบ, และ QT Prolongation หากมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก, ตัวเหลือง, หรือหัวใจเต้นผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที ข้อมูลนี้ไม่สามารถแทนคำแนะนำจากแพทย์ได้
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
