Rifampicin: ข้อมูลยาและการใช้งานที่ครอบคลุม
เผยแพร่เมื่อ:
โดย: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
Rifampicin คืออะไร?
Rifampicin (ไรแฟมพิซิน) เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มไรโฟมัยซิน (Rifamycin) ที่ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยออกฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์ RNA ของแบคทีเรียผ่านการจับกับเอนไซม์ RNA polymerase ช่วยกำจัดเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ เช่น วัณโรคและเลปราซี (โรคเรื้อน) ยานี้มีชื่อทางการค้าว่า Rifadin หรือ Rimactane และมีทั้งรูปแบบยาเม็ด (150 มก. และ 300 มก.), ยาน้ำแขวนตะกอน, และยาฉีด
ข้อบ่งชี้ในการใช้ยา Rifampicin
Rifampicin ใช้รักษาและป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย ดังนี้:
- วัณโรค (Tuberculosis): ใช้ร่วมกับยาอื่น เช่น Isoniazid และ Ethambutol
- เลปราซี (Leprosy): ร่วมกับ Dapsone และ Clofazimine
- การติดเชื้อ Staphylococcus aureus: โดยเฉพาะที่ดื้อยา
- ตับอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย: เช่น ตับอักเสบจาก Brucella
- การติดเชื้อที่ผิวหนังและเนื้อเยื่อ: ในบางกรณีที่ดื้อยา
- ป้องกันโรคโรคไข้กาฬหลังแอ่น(Meningococcal Disease): ในผู้ที่สัมผัสผู้ป่วย
ขนาดและวิธีการใช้ยา Rifampicin
ขนาดยาขึ้นอยู่กับอายุ, น้ำหนัก, และความรุนแรงของการติดเชื้อ ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ คำแนะนำทั่วไป:
การใช้งาน |
รูปแบบยา |
ขนาดยา |
ความถี่ |
ระยะเวลา |
วัณโรค (ผู้ใหญ่) |
ยาเม็ด |
10 มก./กก./วัน (สูงสุด 600 มก.) |
วันละครั้ง (ก่อนอาหารหรือหลังอาหาร 2 ชม.) |
6-9 เดือน |
วัณโรค (เด็ก) |
ยาน้ำ/ยาเม็ด |
10-20 มก./กก./วัน (สูงสุด 600 มก.) |
วันละครั้ง |
6-9 เดือน |
เลปราซี (ผู้ใหญ่) |
ยาเม็ด |
600 มก. |
สัปดาห์ละครั้ง |
6-12 เดือน |
การติดเชื้ออื่น (ผู้ใหญ่) |
ยาเม็ด/ยาฉีด |
600-1200 มก./วัน |
แบ่งให้ทุก 12-24 ชั่วโมง |
ตามแพทย์สั่ง |
ป้องกันไข้กาฬหลังแอ่น (ผู้ใหญ่) |
ยาเม็ด |
600 มก. |
วันละ 2 ครั้ง |
2 วัน |
คำแนะนำการใช้:
- รับประทานก่อนอาหารหรือหลังอาหาร 2 ชั่วโมงเพื่อการดูดซึมที่ดี
- หากระคายเคลื่อนกระเพาะ อาจรับประทานพร้อมอาหารหรือนม
- ใช้ยาครบตามกำหนด แม้อาการจะหายแล้ว เพื่อป้องกันการดื้อยา
หมายเหตุ: Rifampicin อาจทำให้ปัสสาวะ, น้ำลาย, น้ำตา, เสมหะ, เหงื่อ, และอุจจาระเป็นสีส้มหรือแดง ซึ่งเป็นปกติ และอาจทำให้คอนแทคเลนส์ชนิดนุ่มติดสีถาวรได้
ผลข้างเคียงของ Rifampicin
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นมีดังนี้:
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย (1-5%):
- ระบบทางเดินอาหาร: คลื่นไส้, อาเจียน, เบื่ออาหาร, ปวดยอดอก, ปวดท้อง, ท้องเสีย
- ผิวหนัง: ผื่นแดง, ผื่นคัน, ลมพิษ
- อาการคล้ายหวัด (พบเมื่อใช้ขนาดสูงเกิน 600 มก./วัน): ไข้, หนาวสั่น, ปวดศีรษะ, ปวดเมื่อย
- ปวดศีรษะ, วิงเวียน, ง่วงซึม
ผลข้างเคียงรุนแรง (หยุดยาและพบแพทย์ทันที):
- ตับอักเสบ: ตัวเหลือง, ตาเหลือง, ปัสสาวะเข้ม, คันตามตัว
- ระบบทางเดินอาหารรุนแรง: Pseudomembranous colitis, ตับอ่อนอักเสบ
- อาการคล้ายหวัดรุนแรง: ไข้, หนาวสั่น, ปวดตามตัว
- ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (พบในผู้ป่วยวัณโรคที่ให้ 600 มก. สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง): จ้ำเลือด, เลือดออกง่าย, อ่อนเพลีย
- ปวดตามข้อและข้อบวม
- ทางเดินปัสสาวะ: ปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออก
ผลข้างเคียงของยารักษาวัณโรค Rifampicin
- อาการข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร พบร้อยละ 1-2 ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวด ยอดอก ปวดท้อง ท้องเสีย Pseudo membranous colitis และตับอ่อนอักเสบ
- ผื่นแดง ผื่นคัน ลมพิษ พบร้อยละ 1-5
- อาการคล้ายหวัด (ไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย) พบมากเมื่อใช้ยาขนาดเกินกว่า 600 มิลลิกรัมต่อวัน
- น้ำคัดหลั่งต่างๆ เช่น น้ำตา น้ำลาย เสมหะ เหงื่อ ปัสสาวะและอุจจาระมีสีแดงส้ม และอาจทำ ให้เลนส์สัมผัสชนิดนุ่มติดสีถาวรได้
- ตับอักเสบ ควรหยุดยาทันทีเมื่อพบว่ามีภาวะตับอักเสบ
- เกล็ดเลือดต่ำโดยมากจะพบในการให้บาขนาดสูง เมื่อหยุดยาอาการจะกลับเป็นปกติ
- ปวดศีรษะ วิงเวียน ง่วงซึม
การจัดการผลข้างเคียง: อาการทางกระเพาะอาหารอาจดีขึ้นหากรับประทานพร้อมอาหาร หากมีอาการรุนแรง เช่น ตัวเหลือง, ผื่น, หรือไข้ ควรรีบหยุดยาและพบแพทย์ทันที
ข้อควรระวังในการใช้ยา
- ยานี้อาจจะทำให้เกิดตับอักเสบ ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ หรือมัประวัติดื่มสุรา หรือรับประทานยาอื่นที่อาจจะมีผลต่อตับจะต้องติดตามใกล้ชิด
- ผู้ป่วยที่ไม่มีโรคตับก็ควรเฝ้าดูอาการตับอักเสบ
- ผู้ป่วยเบาหวานอาจมีน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
- ผู้ป่วยวัณโรคที่ใช้ยา 600 มก. สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง อาจมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ต้องติดตามอาการ
- หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ (อยู่ในประเภท C)
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงต่อตับ
ข้อควรระวังในการใช้ยารักษาวัณโรค Rifampicin
เมื่อเกิดอาการข้างเคียงควรทำอย่างไร
ไม่ค่อยพบอาการข้างเคียงจากยานี้ แต่ก็เกิดขึ้นได้ ปัสสาวะ อุจจาระ น้ำลาย เสมหะ น้ำตาจะมีสีส้มแดงแต่ไม่มีอันตราย ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่มอาจติดสีนี้ได้ หากมีอาการปวดศีรษะ ปวดเจ็บกล้ามเนื้อ แสบยอดอก คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย รุนแรงควรพบแพทย์ อาการทางกระเพาะอาหารอาจดีขึ้นหากรับประทานยาพร้อมอาหาร หากมีผื่น มีไข้ ตัวเหลือง ตาเหลือง ให้หยุดยาแล้วพบแพทย์ทันที
ความปลอดภัยของยานี้ในสตรีมีครรภ์
สำหรับสตรีมีครรภ์ ยานี้จัดอยู่ในประเภท C
ปฏิกิริยาตอยาอื่น
- Warfarin: ลดประสิทธิภาพยาต้านเลือดแข็ง
- Oral Contraceptives: ลดประสิทธิภาพยาคุมกำเนิด ควรใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วย
- Antiretrovirals (ยารักษา HIV): อาจเปลี่ยนระดับยาในเลือด
- ยารักษาโรคหัวใจและเบาหวาน: อาจต้องปรับขนาดยา
ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่ใช้อยู่เพื่อปรับขนาดยาหรือเปลี่ยนการรักษา
วิธีเก็บรักษา
- เก็บที่อุณหภูมิห้อง (15-30°C) หลีกเลี่ยงความชื้นและแสงแดด
- ยาน้ำเก็บในตู้เย็นและใช้ภายในกำหนด
- เก็บให้พ้นมือเด็ก
สรุป
Rifampicin เป็นยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพในการรักษาวัณโรค, เลปราซี, ไข้กาฬหลังแอ่น, และการติดเชื้ออื่น ๆ ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์และครบตามกำหนด หากมีอาการรุนแรง เช่น ตับอักเสบ, ผื่นแพ้, หรือเกล็ดเลือดต่ำ ควรรีบพบแพทย์ทันที
หมายเหตุ: ข้อมูลนี้ไม่สามารถแทนคำแนะนำจากแพทย์ได้