siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

ภาวะเลือดเป็นกรดจากคีโตน (Diabetic Ketoacidosis - DKA): คู่มือฉบับสมบูรณ์

บทนำ ภาวะเลือดเป็นกรดจากคีโตน หรือ Diabetic Ketoacidosis (DKA) คือภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลันที่รุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายขาดฮอร์โมนอินซูลินอย่างรุนแรง DKA เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่พบบ่อยในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 และอาจเป็นอาการแสดงแรกที่นำไปสู่การวินิจฉัยโรค การทำความเข้าใจสาเหตุ อาการเตือน และวิธีป้องกันที่ถูกต้อง คือสิ่งสำคัญที่สุดในการหลีกเลี่ยงภาวะวิกฤตนี้


DKA เกิดขึ้นได้อย่างไร? (กลไกการเกิดโรค)

เมื่อร่างกายขาดอินซูลินอย่างสิ้นเชิง เซลล์ต่างๆ จะไม่สามารถนำน้ำตาลกลูโคสในเลือดไปใช้เป็นพลังงานได้ ร่างกายจึงต้องหาพลังงานจากแหล่งอื่นโดยการ สลายไขมันที่เก็บสะสมไว้ออกมาใช้แทน กระบวนการสลายไขมันนี้จะสร้างสารที่เป็นผลพลอยได้คือ "คีโตน (Ketone)" ซึ่งมีความเป็นกรดสูง

เมื่อคีโตนถูกผลิตออกมาในปริมาณมากและสะสมในกระแสเลือด จะทำให้เลือดมีภาวะเป็นกรดรุนแรง ซึ่งรบกวนการทำงานของอวัยวะสำคัญทั่วร่างกายและนำไปสู่อาการต่างๆ ที่เป็นอันตราย


ปัจจัยกระตุ้นและสาเหตุที่พบบ่อย

ภาวะ DKA มักมีปัจจัยกระตุ้นที่ชัดเจน การทราบปัจจัยเหล่านี้คือขั้นตอนแรกของการป้องกัน:


อาการที่ต้องสังเกต

อาการของ DKA มักเกิดขึ้นและรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงถึงหนึ่งวัน สัญญาณเตือนที่สำคัญได้แก่:


การวินิจฉัย

การวินิจฉัย DKA จะใช้เกณฑ์ 3 ข้อหลักร่วมกัน คือ:

  1. ระดับน้ำตาลในเลือดสูง (≥ 250 มก./ดล.)

  2. ตรวจพบคีโตนในเลือดหรือปัสสาวะ

  3. เลือดมีภาวะเป็นกรด (pH < 7.3 หรือ Bicarbonate < 18 mmol/L)


การรักษาและการป้องกัน

การรักษา DKA เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ ต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลทันที หลักการรักษาคือการแก้ไขภาวะขาดน้ำและเกลือแร่, การให้สารน้ำทางหลอดเลือด, การให้อินซูลินเพื่อหยุดการสร้างคีโตนและลดระดับน้ำตาลในเลือด, และการรักษาปัจจัยกระตุ้น

การป้องกัน: การดูแลตนเองเมื่อเจ็บป่วย (Sick Day Management) การป้องกันที่ดีที่สุดคือการจัดการเบาหวานอย่างถูกต้องในวันที่คุณเจ็บป่วย:

ควรไปพบแพทย์เมื่อใด? ควรรีบไปพบแพทย์หรือโรงพยาบาลทันทีหาก:

 

111111

ภาวะคีโตซีส [Diabetic acidosis, DKA]

คืออะไรเป็นภาวะฉุกเฉินที่พบบ่อย โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่หนึ่ง ภาวะนี้เกิดจากการเสียสมดุลของอินซูลิน ซึ่งอาจจะขาดหรือน้อยไป กับฮอร์โมนต้านฤทธิ์อินซูลิน เช่น glucagon steroid และ catecholamine สูงขึ้นทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะระดับน้ำตาลสูง และภาวะกรดในเลือด และมีการคั่งของคีโตนในเลือด คีโตนนี้เป็นกรดจะตรวจพบในปัสสาวะหากว่าอินซูลินไม่พอ และเบาหวานควบคุมไม่ดี

ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดมีอะไรบ้าง

ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดภาวะนี้ได้แก่โรคหรือภาวะความเครียดที่เกิดขึ้น เช่น

ผู้ป่วยจะมีอาการอะไรบ้าง

หากยังไม่ได้รับการรักษาจะเกิดอาการต่อมา

ทราบได้อย่างไรว่าเกิดภาวะนี้

จากอาการดังกล่าวร่วมกับการตรวจดังนี้

ปัจจัยชักนำให้เกิด

การรักษา

หลักการรักษาคือขจัดสิ่งทีชักจูง และชดเชยสิ่งที่ขาด ได้แก่

การป้องกัน

ภาวะนี้สามารถป้องกันได้โดยให้ความรู้ ผู้ป่วยควรได้รับคำแนะนำว่าเมื่อมีอาการปัสสาวะมากขึ้น คอแห้งกระหายน้ำจะต้องตรวจหาน้ำตาลในเลือดหรือปัสสาวะทันที ถ้าน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 300 มก./ดล หรือน้ำตาลในปัสสาวะ 3+ จะต้องทดสอบหาคีโตนในปัสสาวะทันที ถ้าตรวจพบคีโตนแล้วยังไม่เกิดอาการอื่นโดยเฉพาะคลื่นไส้อาเจียน ให้ดื่มน้ำมากๆ และเพิ่มยาฉีดชนิดออกฤทธิ์เร็ว 6-12 ยูนิตแล้วสังเกตุ 4-6 ชมโดยการตรวจน้ำตาล ถ้าเกิน 240 มก.%ให้ตรวจหาคีโตนถ้าไม่ดีขึ้นรีบพบแพทย์ ข้อสำคัญถ้าน้ำตาลในเลือดมากกว่า 240 มก.% และตรวจพบคีโตนในปัสสาวะห้ามออกกำลังกาย

ควรพบแพทย์เมื่อใด

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะคีโตซีส

คีโตนเกิดจากการเผาผลาญไขมันเนื่องมาจากร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลกลูโคสเป็นพลังงาน การพบคีโตนในเลือดแดงแสดงถึง


ภาวะคีโตซีส | ภาวะหมดสติจากน้ำตาลสูง | ภาวะน้ำตาลต่ำ


ภาวะฉุกเฉินในผู้ป่วยเบาหวาน  

โรคแทรกซ้อนจากเบาหวาน

โรคแทรกซ้อน | ภาวะฉุกเฉิน | โรคหัวใจ | โรคความดันโลหิตสูง โรคไต  โรคตา  โรคปลายประสาทอักเสบ โรคเบาหวานกับเท้า