ไนอาซิน (Niacin): วิตามินบี 3 เพื่อสุขภาพหัวใจและไขมันในเลือด
บทนำ
ไนอาซิน หรือที่รู้จักในชื่อวิตามินบี 3 เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำและมีความสำคัญต่อร่างกาย โดยมีบทบาทในการเผาผลาญพลังงาน ช่วยเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีนให้เป็นพลังงาน รวมถึงสนับสนุนการทำงานของเอนไซม์ที่จำเป็นในกระบวนการต่าง ๆ ของร่างกาย นอกจากนี้ ไนอาซินยังถูกใช้ในทางการแพทย์เพื่อจัดการระดับไขมันในเลือด โดยช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ พร้อมทั้งเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
กลไกการทำงานของไนอาซินในการจัดการไขมันในเลือด
ไนอาซินในขนาดที่ใช้เพื่อการรักษา (สูงกว่าปริมาณที่แนะนำต่อวัน) ออกฤทธิ์ในหลายทางเพื่อปรับระดับไขมันในเลือด:
- ลดการผลิต VLDL และ LDL: ไนอาซินยับยั้งการปล่อยกรดไขมันอิสระจากเนื้อเยื่อไขมัน ทำให้ตับผลิต Very-low-density lipoprotein (VLDL) ซึ่งเป็นตัวตั้งต้นของ LDL น้อยลง ส่งผลให้ระดับ LDL-C และไตรกลีเซอไรด์ลดลง
- เพิ่ม HDL-C: ไนอาซินกระตุ้นการทำงานของโปรตีน Apolipoprotein A-I ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของ HDL ช่วยเพิ่มระดับ HDL ซึ่งทำหน้าที่กำจัด LDL ออกจากหลอดเลือด
- เพิ่มการย่อยสลายไตรกลีเซอไรด์: ไนอาซินเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ lipoprotein lipase ซึ่งย่อยสลายไตรกลีเซอไรด์ในเลือด
- ผลต่อหลอดเลือด: ไนอาซินช่วยขยายหลอดเลือด ซึ่งอาจลดความดันโลหิตและส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด
ประโยชน์ของไนอาซิน
ไนอาซินมีประโยชน์ทั้งในด้านโภชนาการและการรักษาทางการแพทย์:
- ลดระดับไตรกลีเซอไรด์: ลดได้ 20-50% โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะ hypertriglyceridemia ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและตับอ่อนอักเสบ
- ลด LDL-C: ลดคอเลสเตอรอลชนิดเลวได้ 5-25% ช่วยลดการสะสมของคราบไขมันในหลอดเลือด
- เพิ่ม HDL-C: เพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดีได้ 15-35% ซึ่งสูงกว่ายากลุ่มสแตติน
- ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด: ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจขาดเลือด (MI) โรคหลอดเลือดสมอง และภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ (CAD)
- ชะลอการเกิดคราบในหลอดเลือด: เมื่อใช้ร่วมกับเรซินจับกรดน้ำดี ช่วยชะลอการเกิดคราบของโรคหลอดเลือดในผู้ป่วยที่มีประวัติ CAD
- สนับสนุนการเผาผลาญพลังงาน: เป็นส่วนประกอบของโคเอ็นไซม์ NAD และ NADP ซึ่งจำเป็นต่อการเผาผลาญ
- บำรุงผิวและระบบประสาท: ช่วยรักษาสุขภาพผิว ลดการอักเสบ และสนับสนุนการทำงานของระบบประสาท
แหล่งที่มาของไนอาซิน
ไนอาซินสามารถพบได้ในอาหารหลากหลาย และร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้บางส่วนจากกรดอะมิโนทริปโตเฟน:
- อาหารที่อุดมด้วยไนอาซิน: เนื้อสัตว์ (ไก่, เนื้อวัว, หมู), ปลา (ทูน่า, แซลมอน), ถั่วและเมล็ดพืช (ถั่วลิสง, เมล็ดฟักทอง), ธัญพืชเต็มเมล็ด, ผลิตภัณฑ์เสริมวิตามิน (เช่น ซีเรียล), ผักใบเขียว (ผักโขม, บรอกโคลี)
- อาหารเสริม: มีในรูป Nicotinic acid (ใช้เพื่อลดไขมัน) และ Nicotinamide (ใช้เพื่อโภชนาการทั่วไป)
วิธีการใช้และปริมาณที่แนะนำ
- ปริมาณที่แนะนำต่อวัน (RDA):
- ผู้ชาย (อายุ 19 ปีขึ้นไป): 16 มก./วัน
- ผู้หญิง (อายุ 19 ปีขึ้นไป): 14 มก./วัน
- สตรีตั้งครรภ์: 18 มก./วัน
- สตรีให้นมบุตร: 17 มก./วัน
- เพื่อจัดการไขมันในเลือด:
- Immediate-release: เริ่มที่ 250 มก./วัน รับประทานวันละครั้ง ปรับขนาดทุก 4-7 วันตามผลการรักษาและผลข้างเคียง โดยทั่วไปใช้ 1.5-2 กรัม/วัน แบ่งรับประทานทุก 6-8 ชั่วโมง ปรับทุก 2-4 สัปดาห์ ไม่เกิน 6 กรัม/วัน
- Extended-release: เริ่มที่ 500 มก./วัน รับประทานก่อนนอน ปรับขนาดทุก 4 สัปดาห์ตามคำแนะนำของแพทย์
- คำแนะนำ: รับประทานพร้อมอาหารเพื่อลดอาการระคายเคืองกระเพาะ ใช้ชนิด Extended-release เพื่อลดอาการหน้าแดง
ข้อบ่งใช้ทางการแพทย์
- ลดระดับ TC, LDL-C, Apo B, ไตรกลีเซอไรด์ และเพิ่ม HDL-C ในผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงขั้นต้นหรือไขมันในเลือดผิดปกติ
- ลดความเสี่ยงของกล้ามเนื้อหัวใจตายซ้ำในผู้ป่วยที่มีประวัติ MI และภาวะไขมันในเลือดสูง
- ใช้ร่วมกับเรซินจับกรดน้ำดีเพื่อชะลอการเกิดคราบในหลอดเลือดในผู้ป่วยที่มีประวัติ CAD
- เป็นยาเสริมในผู้ป่วยที่มีไตรกลีเซอไรด์สูงและเสี่ยงต่อตับอ่อนอักเสบ ซึ่งไม่ตอบสนองต่อการควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียว
- ข้อจำกัด: ไนอาซินชนิด Extended-release ไม่ได้ช่วยลดภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบหรือการตายในผู้ป่วยที่ใช้ซิมวาสแตติน
ผลข้างเคียงและข้อควรระวัง
ไนอาซินในปริมาณต่ำจากอาหารมักปลอดภัย แต่การใช้ในขนาดสูงอาจมีผลข้างเคียง:
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย:
- หน้าแดง (Flushing): พบใน 70-80% ของผู้ใช้ โดยเฉพาะเมื่อเริ่มใช้ Nicotinic acid อาการนี้มักลดลงหลัง 1-2 สัปดาห์
- ผื่นคันหรือรู้สึกร้อนที่ผิวหนัง
- อาการทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง
- ปวดศีรษะ
ผลข้างเคียงที่รุนแรง (พบน้อย):
- ความเสียหายของตับ (ในขนาดสูง >2-3 กรัม/วัน) อาจทำให้ค่าเอนไซม์ตับสูง
- ระดับน้ำตาลในเลือดสูง อาจส่งผลต่อผู้ป่วยเบาหวาน
- กรดยูริกสูง เพิ่มความเสี่ยงโรคเกาต์
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myopathy) โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับสแตติน
ข้อควรระวัง:
- ผู้ที่มีโรคตับ, แผลในกระเพาะ, โรคเบาหวาน, หรือโรคเกาต์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มร้อนขณะใช้ เนื่องจากอาจเพิ่มอาการหน้าแดง
- หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรควรใช้ในขนาด RDA ไม่ควรใช้ขนาดสูงเว้นแต่แพทย์แนะนำ
- ควรตรวจค่าเอนไซม์ตับและระดับน้ำตาลเป็นระยะเมื่อใช้ในขนาดสูง
การใช้ร่วมกับยาอื่น
- สแตติน (เช่น Lovastatin, Simvastatin): เพิ่มความเสี่ยงต่อกล้ามเนื้ออ่อนแรง ควรใช้ด้วยความระวัง
- ยาลดความดันโลหิต: อาจเพิ่มผลของยาลดความดัน ระวังอาการความดันต่ำ
- ยาเบาหวาน: อาจลดประสิทธิภาพของยาควบคุมน้ำตาล ต้องปรับขนาดยา
ข้อห้ามใช้
- ผู้ที่แพ้ไนอาซินหรือส่วนประกอบ
- ผู้ที่มีโรคตับรุนแรงหรือค่าเอนไซม์ตับสูงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ผู้ที่มีแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้รุนแรง
สรุป
ไนอาซินเป็นวิตามินที่มีประโยชน์ในการเผาผลาญพลังงาน บำรุงผิว ระบบประสาท และจัดการระดับไขมันในเลือด โดยช่วยลด LDL และไตรกลีเซอไรด์ เพิ่ม HDL และลดความเสี่ยงโรคหัวใจ การรับประทานจากอาหาร เช่น เนื้อสัตว์ ปลา และธัญพืช เป็นวิธีที่ปลอดภัย แต่การใช้ในขนาดสูงเพื่อรักษาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง เช่น หน้าแดงหรือความเสียหายของตับ การปรับวิถีชีวิตควบคู่ไปด้วยจะช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจได้อย่างยั่งยืน
หมายเหตุ: ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ไนอาซินในขนาดสูงเพื่อความปลอดภัย
เผยแพร่เมื่อ:
โดย: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
