Bisoprolol: คู่มือการใช้งานและข้อมูลสำคัญ
ยานี้คืออะไร
Bisoprolol (ไบโซโปรลอล) เป็นยาในกลุ่ม Beta-blockers (Beta-adrenergic receptor blockers) ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง (Hypertension), ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure), อาการเจ็บหน้าอกจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Angina), และภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) ในบางกรณี ยานี้ช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต ทำให้หัวใจทำงานหนักน้อยลง ในประเทศไทย มีจำหน่ายในชื่อการค้า เช่น Concor
กลไกการออกฤทธิ์
Bisoprolol ออกฤทธิ์โดย:
-
ยับยั้งตัวรับ Beta-1 adrenergic ในหัวใจ ซึ่งลดการตอบสนองต่อ adrenaline และ noradrenaline
-
ลดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate) และแรงบีบตัวของหัวใจ (Cardiac Output) ทำให้หัวใจใช้ออกซิเจนน้อยลง
-
ลดความดันโลหิตโดยลดการหดตัวของหลอดเลือด
-
Bisoprolol มีความจำเพาะต่อตัวรับ Beta-1 (Cardioselective) จึงมีผลกระทบต่อปอดและหลอดเลือดส่วนปลายน้อยกว่ายา Beta-blockers รุ่นเก่า เช่น Propranolol
ยานนี้ใช้รักษาอะไร
Bisoprolol ใช้รักษา:
ขนาดและรูปแบบยาที่ใช้รักษา
-
รูปแบบยา: ยาเม็ดรับประทาน ขนาด 1.25 มก., 2.5 มก., 5 มก., 10 มก.
-
ขนาดยา:
-
ความดันโลหิตสูงและอาการเจ็บหน้าอก: เริ่มต้น 2.5-5 มก./วัน ปรับเพิ่มได้ถึง 10-20 มก./วัน
-
ภาวะหัวใจล้มเหลว: เริ่มต้น 1.25 มก./วัน ค่อยๆ ปรับเพิ่มทุก 1-2 สัปดาห์ สูงสุดไม่เกิน 10 มก./วัน
-
ผู้ป่วยที่มีการทำงานของไตบกพร่อง:
-
ผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับบกพร่อง: เริ่มด้วยขนาดต่ำและปรับตามคำแนะนำของแพทย์
-
กลืนยาพร้อมน้ำ ห้ามเคี้ยวหรือบด แนะนำให้รับประทานตอนเช้า
ข้อแนะนำในการรับประทานยา
-
รับประทานยาครั้งเดียวต่อวัน ในเวลาเดียวกันทุกวัน (แนะนำตอนเช้า) เพื่อรักษาระดับยาในร่างกาย
-
รับประทานพร้อมหรือไม่พร้อมอาหารได้
-
อย่าหยุดยาทันที ควรค่อยๆ ลดขนาดยาตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อป้องกันอาการหัวใจเต้นเร็ว (Rebound Tachycardia) หรือโรครุนแรงขึ้น
-
ควบคุมอาหารที่มีโซเดียมและไขมันต่ำ ลดน้ำหนัก (ถ้ามีน้ำหนักเกิน) ออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดินเร็ว งดสูบบุหรี่ และลดความเครียด
-
ตรวจวัดความดันโลหิตและชีพจรสม่ำเสมอ
-
ตรวจสอบว่ามียาเพียงพอเมื่อต้องเดินทางหรือท่องเที่ยว
-
พบแพทย์ตามนัดเพื่อประเมินผลการรักษาและปรับขนาดยา
ข้อห้ามในการใช้ยา
ข้อระวังในการใช้ยา
-
ใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ที่มี:
-
โรคไตหรือตับบกพร่อง
-
โรคปอด เช่น หอบหืดหรือ COPD (อาจทำให้หายใจลำบาก)
-
เบาหวาน เนื่องจากอาจบดบังอาการน้ำตาลต่ำ (เช่น ใจสั่น)
-
โรคไทรอยด์ทำงานเกิน (Hyperthyroidism) หรือทำงานน้อย (Hypothyroidism)
-
โรคหลอดเลือดส่วนปลายหรือโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)
-
ผู้สูงอายุ (>65 ปี) อาจไวต่อผลข้างเคียง เช่น วิงเวียนหรือความดันต่ำ
-
หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจเพิ่มผลข้างเคียง เช่น วิงเวียน
-
แจ้งแพทย์หากมีประวัติโรคหัวใจ โรคปอด โรคไต หรือใช้ยาอื่น เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาความดัน หรือยาแก้คัดจมูก
ระหว่างที่ใช้ยาจะต้องระวังอาการหรือการตรวจพิเศษอะไร
-
อาการที่ต้องระวัง:
-
หัวใจเต้นช้าเกินไปหรือผิดจังหวะ: วิงเวียน หน้ามืด เป็นลม อ่อนเพลีย
-
ความดันโลหิตต่ำ: มึนงง ลุกแล้วหน้ามืด
-
ภาวะหัวใจล้มเหลวกำเริบ: หายใจลำบาก เท้า/ข้อเท้าบวม น้ำหนักขึ้นเร็ว นอนราบไม่ได้
-
อาการแพ้ยา: ผื่น ลมพิษ หายใจลำบาก บวมใบหน้า ริมฝีปาก หรือคอ
-
อาการน้ำตาลต่ำในผู้ป่วยเบาหวาน: เหงื่อออก มือสั่น (อาจไม่รู้สึกใจสั่น)
-
อาการตับผิดปกติ: คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปัสสาวะสีเข้ม ดีซ่าน
-
อื่นๆ: หายใจมีเสียงหวีด ปวดศีรษะรุนแรง ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ปวดขา
-
การตรวจพิเศษ:
-
ตรวจวัดความดันโลหิตและชีพจรเป็นประจำ
-
ตรวจการทำงานของไต (GFR, CrCl) และตับ (LFT) ในผู้ที่มีความเสี่ยง
-
ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน
โรคหรือยาอื่นที่มีผลต่อการใช้ยา
ผลข้างเคียงหรือไม่พึงประสงค์ของยา
วิธีลดหรือป้องกันผลข้างเคียง
-
ลุกจากที่นั่งหรือนอนช้าๆ เพื่อป้องกันวิงเวียนหรือหน้ามืด
-
ดื่มน้ำมากๆ หากมีอาการท้องเสียหรือท้องผูก และระวังเรื่องอาหาร
-
ปรึกษาเภสัชกรเกี่ยวกับยาแก้ปวดหากปวดศีรษะ หรือพบแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น
-
หากมือเท้าเย็นหรือนอนไม่หลับ ปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาปรับยา
-
หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์เพื่อลดอาการวิงเวียน
-
หยุดยาและพบแพทย์ทันทีหากมีอาการหายใจขัด เท้าบวม เจ็บหน้าอก หรือชีพจรผิดปกติ
หากลืมรับประทานยา
-
หากลืมรับประทานยาและยังไม่ถึงเวลารับประทานครั้งถัดไป ให้รับประทานทันทีที่จำได้
-
หากใกล้ถึงเวลาราคาครั้งถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมและรับประทานตามปกติ
-
ห้ามรับประทานยาครั้งละสองเท่าเพื่อชดเชย
หากรับประทานยาเกินขนาด
การเก็บยา
-
เก็บยาที่อุณหภูมิห้อง (15-30°C) ในที่แห้งและพ้นจากแสงแดด
-
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
-
ตรวจสอบวันหมดอายุก่อนใช้ยา
เปรียบเทียบกับยา Beta-blockers อื่น
Bisoprolol เป็น Beta-blocker ที่มีความจำเพาะต่อตัวรับ Beta-1 (Cardioselective) เปรียบเทียบกับยาในกลุ่มเดียวกัน มีดังนี้:
-
Atenolol:
-
Metoprolol:
-
ความเหมือน: Cardioselective ใช้รักษาความดันโลหิตสูง หัวใจล้มเหลว และเจ็บหน้าอก
-
ความแตกต่าง: Metoprolol มีรูปแบบทั้งออกฤทธิ์สั้น (Tartrate) และยาว (Succinate) อาจต้องรับประทานบ่อยกว่า Bisoprolol ในบางสูตร
-
Propranolol:
-
ความเหมือน: ใช้รักษาความดันโลหิตสูงและหัวใจเต้นผิดจังหวะ
-
ความแตกต่าง: ไม่จำเพาะต่อ Beta-1 (Non-selective) มีผลต่อปอดมากกว่า จึงไม่เหมาะกับผู้ป่วยหอบหืด Bisoprolol มีความปลอดภัยมากกว่าในผู้ป่วยที่มีปัญหาปอด
-
ข้อดีของ Bisoprolol:
-
ออกฤทธิ์ยาว รับประทานวันละครั้ง
-
Cardioselective ลดผลกระทบต่อปอด
-
เหมาะสำหรับภาวะหัวใจล้มเหลว
-
ข้อจำกัด:
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
-
Bisoprolol ใช้รักษาอะไรได้บ้าง?
Bisoprolol ใช้รักษาความดันโลหิตสูง ภาวะหัวใจล้มเหลว อาการเจ็บหน้าอกจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และหัวใจเต้นผิดจังหวะในบางกรณี
-
สามารถหยุดยา Bisoprolol ทันทีได้หรือไม่?
ไม่ควรหยุดยาทันที เพราะอาจทำให้หัวใจเต้นเร็วหรืออาการรุนแรงขึ้น ต้องค่อยๆ ลดขนาดยาตามคำแนะนำของแพทย์
-
Bisoprolol ปลอดภัยในผู้ป่วยเบาหวานหรือไม่?
สามารถใช้ได้ แต่ต้องระวังอาจบดบังอาการน้ำตาลต่ำ (เช่น ใจสั่น) ควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดสม่ำเสมอ
-
หากมีอาการวิงเวียนขณะใช้ Bisoprolol ควรทำอย่างไร?
นอนราบหรือลุกช้าๆ จากที่นั่ง หากอาการรุนแรงหรือต่อเนื่อง ปรึกษาแพทย์ทันที
-
Bisoprolol สามารถใช้ในผู้ป่วยโรคปอด เช่น COPD ได้หรือไม่?
ใช้ได้ในกรณีไม่รุนแรง เนื่องจาก Bisoprolol เป็นยา Cardioselective แต่ต้องใช้ด้วยความระวังและปรึกษาแพทย์
สรุป
Bisoprolol เป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาความดันโลหิตสูง ภาวะหัวใจล้มเหลว และอาการเจ็บหน้าอก โดยลดอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต การใช้ยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น วิงเวียน หัวใจเต้นช้า หรือหายใจลำบาก ผู้ป่วยควรตรวจวัดความดันและชีพจรสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการหยุดยาทันที และปรับพฤติกรรม เช่น ลดอาหารเค็มและออกกำลังกาย เพื่อให้การรักษาปลอดภัยและได้ผลดี
atenolol | bisoprolol | metoprolol | propanolol |
วันที่เรียบเรียง: 10 มิถุนายน 2568
ผู้เรียบเรียง: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภานุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
