siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

โซเดียม: คู่มือฉบับสมบูรณ์เพื่อการบริโภคอย่างเข้าใจ

เกลือ (โซเดียมคลอไรด์) เป็นเครื่องปรุงที่ขาดไม่ได้ในหลายครัวเรือน แต่การบริโภคในปริมาณที่มากเกินไปกำลังกลายเป็น "มหันตภัยเงียบ" ที่ทำร้ายสุขภาพคนไทยโดยไม่รู้ตัว ปัจจุบันคนไทยบริโภคโซเดียมเฉลี่ยสูงถึง 3,600 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งสูงกว่าที่ร่างกายต้องการเกือบสองเท่า! บทความนี้จะเจาะลึกทุกเรื่องที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับโซเดียม เพื่อให้คุณบริโภคได้อย่างชาญฉลาดและมีสุขภาพที่ดี

โซเดียม: ดาบสองคมที่ต้องรู้จัก

โซเดียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ต้องการในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ประโยชน์ของโซเดียม (เมื่อได้รับในปริมาณที่พอดี)

ภัยเงียบจาก "การกินเค็มเกิน"

เมื่อร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป ไตจะเก็บน้ำไว้เพื่อเจือจางโซเดียม ทำให้ปริมาณของเหลวในหลอดเลือดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้นและความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งเป็นต้นตอของโรคร้ายแรงต่างๆ:

เราควรบริโภคโซเดียมเท่าไหร่ต่อวัน?

กลุ่มประชากร ปริมาณโซเดียมสูงสุดที่แนะนำ (มก./วัน) เทียบเท่าเกลือแกงประมาณ
คนทั่วไป (อายุ 14-50 ปี) 2,300 1 ช้อนชา
กลุ่มเสี่ยงสูง (อายุ >50, ผู้ป่วยเบาหวาน, ความดันสูง, โรคไต) 1,500 ¾ ช้อนชา

แหล่งโซเดียมแฝง: ศัตรูตัวฉกาจในอาหาร

น่าตกใจที่โซเดียมกว่า 75-77% ที่เราได้รับ ไม่ได้มาจากการเติมเครื่องปรุงบนโต๊ะอาหาร แต่มาจาก "โซเดียมแฝง" ในอาหารสำเร็จรูปและอาหารนอกบ้าน

5 เคล็ดลับ "ลดเค็ม" ที่ทำได้จริงในชีวิตประจำวัน

  1. ชิมก่อนปรุง: เลิกนิสัยเติมเครื่องปรุงรสเค็มโดยอัตโนมัติ

  2. กินก๋วยเตี๋ยวแบบไม่ซดน้ำ: "กินเส้นกินเนื้อ เหลือตัวน้ำ" ช่วยลดโซเดียมได้มหาศาล

  3. ใช้สมุนไพรเพิ่มรสชาติ: ปรุงรสด้วยความเปรี้ยวจากมะนาว หรือความเผ็ดร้อนจากพริก, ขิง, กระเทียม แทนความเค็ม

  4. อ่านฉลากโภชนาการ: เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ "ทางเลือกสุขภาพ" หรือเปรียบเทียบปริมาณโซเดียมบนฉลากเสมอ

  5. เพิ่มโพแทสเซียม: การทานผักใบเขียวและผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง (เช่น กล้วย, ส้ม, ผักโขม) จะช่วยขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกายได้

อ่านฉลากอย่างไรให้รู้ว่า "เค็ม" แค่ไหน?

ระดับโซเดียม ปริมาณโซเดียมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค
ไม่มีโซเดียม (Sodium-Free) น้อยกว่า 5 มก.
โซเดียมต่ำมาก (Very Low Sodium) น้อยกว่า 35 มก.
โซเดียมต่ำ (Low Sodium) น้อยกว่าหรือเท่ากับ 140 มก.

ข้อควรรู้: อาหารเพื่อสุขภาพโดยทั่วไป ไม่ควรมีโซเดียมเกิน 480 มก. ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค หรือ 600 มก. ต่อมื้อ

 

บทสรุป

การลดเค็มคือหนึ่งในการลงทุนด้านสุขภาพที่คุ้มค่าที่สุด เริ่มต้นจากการปรับพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ในวันนี้ เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงในระยะยาว

 

111111

เกลือและโซเดียม: คู่มือฉบับสมบูรณ์เพื่อการบริโภคอย่างเข้าใจ

เกลือ (โซเดียมคลอไรด์) เป็นเครื่องปรุงที่ขาดไม่ได้ในครัวไทย แต่การบริโภคในปริมาณที่มากเกินไปกำลังกลายเป็น "มหันตภัยเงียบ" ที่ทำร้ายสุขภาพคนไทยโดยไม่รู้ตัว ปัจจุบันคนไทยบริโภคโซเดียมเฉลี่ยสูงถึง 3,600 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งสูงกว่าที่ร่างกายต้องการกว่าเท่าตัว!

บทความนี้จะเจาะลึกทุกเรื่องที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับโซเดียม ตั้งแต่ประโยชน์, โทษ, แหล่งที่มา, ไปจนถึงเคล็ดลับการลดเค็มที่ทำได้จริงในชีวิตประจำวัน

1. โซเดียม: แร่ธาตุจำเป็นที่ต้องมี...แต่พอดี

โซเดียมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของร่างกาย:

อย่างไรก็ตาม ร่างกายต้องการโซเดียมในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และอาหารตามธรรมชาติส่วนใหญ่ก็มีโซเดียมเพียงพออยู่แล้ว

2. ภัยเงียบจาก "การกินเค็มเกิน": ผลเสียที่มากกว่าแค่ตัวบวม

เมื่อร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป ไตจะเก็บน้ำไว้มากขึ้นเพื่อเจือจางโซเดียม ทำให้ปริมาณของเหลวในหลอดเลือดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้นและความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งในระยะยาวจะนำไปสู่โรคร้ายแรงต่างๆ:

3. เราควรบริโภคโซเดียมเท่าไหร่ต่อวัน?

ตามคำแนะนำล่าสุด:

ตารางเปรียบเทียบปริมาณโซเดียมในเกลือ 1 ช้อนชา:

โซเดี่ยมตามปริมาณเกลือ(เป็นช้อน)

4. แหล่งโซเดียมแฝง: ศัตรูตัวฉกาจในอาหารไทย

จากการศึกษาของอเมริกา(ซึ่งประเทศไทยก็น่าจะมีลักษณคล้ายกัน)พบว่าคนอเมริกาได้รับเกลือจากแหล่งดังต่อไปนี้

น่าตกใจที่โซเดียมกว่า 75% ที่เราได้รับ ไม่ได้มาจากการเติมเกลือหรือน้ำปลาบนโต๊ะอาหาร แต่มาจาก "โซเดียมแฝง" ในอาหารสำเร็จรูปและอาหารนอกบ้าน

แหล่งโซเดียมสูงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ:

5. เคล็ดลับ "ลดเค็ม" ที่ทำได้จริง

6.เมื่อไรจึงจะเรียกว่าอาหารนั้นมีเกลือต่ำหรือเกลือดสูง

ปริมาณโซเดี่ยมในอาหารเราสามารถได้ข้อมูลจากสลากอาหารซึ่งจะระบุไว้ สมาคมโรคหัวใจของอเมริกาแนะนำไว้ว่าคนปกติไม่ควรที่จะรับประทานเโซเดี่ยมเกินวันละ 1500มิลิกรัม ปริมาณโซเดี่ยมในอาหารจะบ่งบอกว่าอาหารเป็นอาหารที่มีเกลือต่ำหรือสูง

อาหารที่ไม่มีโซเดี่ยม มีปริมาณโซเดี่ยมน้อยกว่า 5 mg
อาหารที่มีโซเดี่ยมต่ำมาก มีปริมาณโซเดี่ยมน้อยกว่า 35 mg
อาหารที่มีโซเดี่ยมต่ำ มีปริมาณโซเดี่ยมเท่ากับหรือน้อยกว่า140 mg
อาหารลดโซเดี่ยม Reduced (or less) sodium มีปริมาณโซเดี่ยมน้อยกว่าปกติร้อยละ25
อาหารที่มีโซเดี่ยมน้อย Light in sodium มีปริมาณโซเดี่ยมร้อยละ50ของปกติ

การที่จากบอกว่าเป็นอาหารสุขภาพจะต้องมีปริมาณโซเดี่ยมไม่เกิน 480 mg ต่อชนิดของอาหาร และไม่เกินโซเดี่ยมไม่เกิน 600 mg ต่อมื้อ

7.ใครไม่ควรที่จะรับประทานเกลือเกินกำหนด

ตามที่กำหนดไว้ในแนวทางการรับประทานอาหารว่าไม่ควรที่จะรับประทานเกลือเกินวันละ 2300 มอลิกรัมหรือเกลือแกงไม่เกิน1 ช้อนชา แต่คนส่วนใหญ่ยังรับประทานเกลือโซเดี่ยมเกินกว่ากำหนด สำหรับกลุ่มเสี่ยงแนะนำมิให้รับประทานเกลือเกินวันละ 1500มิลิกรัม กลุ่มดังกล่าวได้แก่

หากท่านอยู่กลุ่มดังกล่าวแนะนำให้บริโภคเกลือต่ำ

 

 

บทสรุป: การลดเค็มคือหนึ่งในการลงทุนด้านสุขภาพที่คุ้มค่าที่สุด เริ่มต้นจากการปรับพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ในวันนี้ เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงในระยะยาว

 

111111

เกลือ

ปัจจุบันทั้งประเทศไทยและต่างประเทศได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับเกลือ และสุขภาพกันค่อนข้างมากเนื่องจากทั้งคนไทย และต่างประเทศบริโภคเกลือกันมากเกินไป บางประเทศบริโภคเกลือโซเดี่ยมปริมาณ 3400 มกซึ่งคนปกติบริโภคไม่เกิน 1500 มก ซึ่งจะเป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง การบริโภคเกลือน้อยลงนอกจากลดการเกิดโรคความดันโลหิตสูงแล้วยังลดการเกิด โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ กระดูกพรุน มะเร็งกระเพาะอาหาร และโรคไต

เกลือโซเดี่ยมเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อปริมาณน้ำในเลือด ภาวะเป็นกรดด่าง การทำงานของระบบประสาท การทำงานของเซลล์ การหดตัวของกล้ามเนื้อ แต่การรับประทานเกลือมากเกินไปก็อาจจะเกิดผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ความดันโลหิตสูง มะเร็งกระเพาะอาหาร โรคไต อ่านผลเสียของการรับประทานเกลือ

ประโยชน์ของเกลือโซเดี่ยมต่อสุขภาพ

อาหารที่เรารับประทานเกือบทุกชนิดจะมีปริมาณเกลืโซเดี่ยมอยู่เพียงพอ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเติมเกลือ การเติมเกลือมีเหตุผลเดียวคือเพื่อปรุงรสตามความต้องการ ประโยชน์ของเกลือต่อสุขภาพได้แก่

คนเราได้รับเกลือจากทางไหนบ้าง

ปัญหาใหญ่ก็คือคนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตัวเองได้รับเกลือในแต่ละวันมากเกินไป ส่วนใหญ่ปริมาณโซเดี่ยมร้อยละ 75 เราได้มากจากอาหารสำเร็วรูปหรืออาหารที่ปรุงเสร็จแล้วทั้งจากอาหารตามร้านค้า และอาหารพร้อมปรุง จึงทำให้คนทั่วไปคิดว่าตัวเองได้รับเกลือน้อย

คนไทยเมื่อรับประทานอาหารมักจะใส่เครื่องปรุงโดยไม่ชิมรสชาด โดยทั่วไปอาหารที่เรารับประทานจะมีเกลืออยู่แล้วไม่จำเป็นต้องเติมเกลือ การรับประทานเกลือมากจะทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง

เกลือแกงและโซเดี่ยม

ทางการแพทย์จะแนะนำมิให้รับประทานโซเดี่ยมเกินวันละ 1500 มิลิกรัม ซึ่งไม่เท่ากับน้ำหนักของเกลือแกง โดยทั่วไปโซเดี่ยมในเกลือจะมีน้ำหนักประมาณ ร้อยละ 40 ของน้ำหนักเกลือ ในชีวิตประจำวันเราใส่เกลือดโดยใช้ช้อนชา(บางคนอาจจะใช้ช้อนโต๊ะ)จึงมีการคำนวณน้ำหนัก

 

ลดปริมาณเกลือในอาหารของเด็ก

จากข้อมูลการศึกษาของอเมริกาพบว่าประชาชน9คนใน10คนบริโภคเกลือเกินโดยเฉลี่ยบริโภคเกลือโซเดี่ยม 3700 มิลิกรัม และยังพบอีกว่าเด็ก1 คนใน 6 คนความดันโลหิตสูงขึ้น และหากไม่ควบคุมเด็กเหล่านี้จะกลายเป็นโรคความดันโลหิตสูงในอนาคตซึ่งจะทำให้เป็นภาระต่อครอบครัวและสังคม เราจะลดปริมาณเกลือโซเดี่ยมสำหรับเด็กอย่างไร

 

การรับประทานอาหารของสังคมของอเมริกาน่าจะบริโภคอาหารสำเร็จรูปมาก และนิยมรับประทานอาหารนอกบ้านมาก ทำให้ได้รับปริมาณเกลือโซเดี่ยมมากประกอบกับอาหารสำเร็จรูปส่วนใหญ่จะมีเกลือโซเดี่ยมปริมาณค่อนข้างสูง สำหรับบ้านเราเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมทำให้คนรับประทานอาหารสำเร็จรูปและรับประทานอาหารนอกบ้านเพิ่มขึ้น ดังนั้นการจะลดการบริโภคเกลือโซเดี่ยมจะต้องมีการร่วมมือกันหลายฝ่าย

นอกจากจะพยายามลดอาหารเค็มหรือปริมาณเกลือโซเดี่ยมแล้ว การรับประทานอาหารที่มีเกลือโปรแตสเซี่ยมสูงจะช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากการรับประทานเกลือโซเดี่ยมสูง

อาการของผู้ที่มีโซเดี่ยมในเลือดต่ำ

อาการของผู้ที่บริโภคเกลือมากเกินไป

วิธีการลดเกลือโซเดี่ยม

วิธีลดเกลือโซเดี่ยมที่บ้าน

วิธีเลือกซื้ออาหารเกลือต่ำ

วิธีลดเกลือเมื่อรับประทานอาหารนอกบ้าน

เคล็กลับในการรับประทานอาหารที่มีเกลือต่ำ

ต้องได้เกลือโปแตสเซี่ยมอย่างเพียงพอ

เกลือโซเดี่ยมและเกลือโปแตสเซี่ยมอกฤทธิ์ตรงกันข้าม เกลือโซเดี่ยมจะเพิ่มความดันโลหิตและโรคหัวใจในขณะที่เกลือโปแตสเซี่ยมจะขยายหลอดเลือด เพิ่มการขับเกลือโซเดี่ยม ขยายหลอดเลือดและลดความดันโลหิต เกลือโปแตสเซี่ยมพบมากในอาหารจำพวกผักใบเขียว ผลไม้ เช่นองุ่น แครอท ส้ม องุ่น ควรจะรับประทานเกลือโปแตสเซี่ยมวันละ 4700 มิลิกรัม

จากการศึกษาพบว่าผู้ที่รับประทานเกลือโซเดี่ยมมากจะมีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ20 เมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานเกลือโซเดี่ยมน้อย และผู้ที่รับประทานเกลือโปแตสเซี่ยมมากจะมีอัตราการเสียชิวิตน้อยลงร้อยละ20 เมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานเกลือโปแตสเซี่ยมต่ำ

 

หากรับประทานเกลือโซเดี่ยมสูงจะเกิดอะไรกับร่างกาย

เมื่อเรารับประทานเกลือโซเดี่ยมสูงจะทำให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนเพื่อให้ไตดูดซึมน้ำเพิ่ม เพื่อที่จะเจือจางเกลือโซเดี่ยมให้มีค่าคงที่ ผลจะทำให้มีน้ำเพิ่มขึ้นทั้งในกระแสเลือดและรอบเซลล์ การที่ปริมาณเลือดเพิ่มขึ้นจะทำให้หัวใจทำงานเพิ่มขึ้น และความดันโลหิตสูงขึ้น เมื่อความดันโลหิสูงเป็นระยะเวลานานก็จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจ และกล้ามเนื้อในผนังหลอดเลือดหนาตัวเกิดโรคหลอดเลือดแข็ง หัวใจวาย กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง

ผลเสียของการบริโภคเกลือโซเดี่ยมสูง

วันหนึ่งเราควรจะรับประทานเกลือโซเดี่ยมเท่าไร

ปริมาณโซเดี่ยมที่รับประทานต่อวันตามอายุ
อายุ แนะนำให้รับประทานวันละ สูงสุดไม่เกิน

เด็กอายุน้อยกว่า1ปีไม่ควรเติมเกลือในอาหาร

 
1-3 ปี 1,000 mg 1,500 mg
4-8 ปี 1,200 mg 1,900 mg
9-13 ปี 1,500 mg 2,200 mg
14-50 ปี 1,500 mg 2,300 mg
51-70 ปี 1,300 mg 2,300 mg
71+ ปี 1,200 mg 2,300 mg

คุณพ่อคุณแม่ที่ทำอาหารเลี้ยงเด็กน้อยของท่านได้เติมซอสหรือซี่อิ้วหรือเปล่า หากเติมก็เลิกนะครับ

สรุป

อาหารที่มีปริมาณเกลือมากได้แก่

อาหารที่อาจจะมีปริมาณเกลือสูงขึ้นกับกรรมวิธีการผลิตได้แก่

เรื่องเกี่ยวกับเกลือ | เกลือและสุขภาพ | เกลือและสุขภาพเด็ก | แนวทางในการลดปริมาณเกลือ | การลดเกลือที่บ้าน | การลดเกลือเมื่อต้องจ่ายตลาด | ทานอาหารนอกบ้านให้มีเกลือต่ำ | อาหารจานด่วนที่มีเกลือมาก | ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเกลือ | ฉลาดเลือกอาหาร | รับประทานอาหารเกลือต่ำ | องค์การอนามัยโลกแนะนำเรื่องการรับประทานเกลือ | วิธีเลือกอาหารที่มีเกลือน้อย | เกลือทำให้โรคหลอดเลือดแดงแข็ง

ทบทวนวันที่ 1/6/2566

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว

เพิ่มเพื่อน