ทำไมต้องใช้ยา Probenecid

ยา Probenecidเป็นยาใช้สำหรับรักษาโรคเกาต์ทั้งข้ออักเสบเรื้อเรื้อ และข้ออักเสบเฉียบพลัน ยานี้จะเร่งการขับกรดยูริกให้มากขึ้น ยานี้ถูกใช้เพื่อเพิ่มปริมาณของยาปฏิชีวนะบางชนิดในเลือดให้เพิ่มมากขึ้น

Probenecid ใช้สำหรับป้องกันการเกิดข้ออักเสบซ้ำของโรคเกาต์ ในขณะที่มีการอักเสบของข้อยานี้อาจจะทำให้ข้ออักเสบกำเริบ ยานี้จะลดกรดยูริกโดยการเร่งการขับยูริกออกทางปัสสาวะเพิ่มขึ้น ยานี้ไม่ควรจะให้ในเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ขวบ

การใช้ยา Probenecid

รับประทานยานี้วันละสองครั้งพร้อมอาหารหรือยากระเพาะอาหารเพื่อลดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร และให้ดื่มน้ำตามหนึ่งแก้วหลังจากรับประทานยา และดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วเพื่อป้องกันการเกิดนิ่วในไต ต้องหลีกเลี่ยงวิตามินซีเพราะจะทำให้ปัสสาวะเป็นกรดซึ่งจะเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้ง่าย

  • โดยมากแพทย์จะให้ยาในขนาดที่ต่ำ และดูการตอบสนองต่อการรักษา เมื่อระดับยูริกลดลง และไม่มีอาการปวดข้อแพทย์จะลดขนาดยาลง เหลือน้อยที่สุดที่คุมอาการได้
  • ห้ามรับประทานยานี้ในขณะที่ข้อมีการอักเสบ
  • หลังจากเริ่มยานี้อาจจะมีอาการกำเริบของข้ออักเสบเพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนหลังจากเริ่มยา
  • หากมีอาการปวดข้อให้รับประทานยา colchicine,NSAID

ผลข้างเคียงของยาProbenecid

คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดศีรษะ ปวดเหงือก ปัสสวะบ่อย

อาการที่ต้องรีบบอกแพทย์

  • หากมีอาการปวดเอว ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะเปลี่ยนเป็นสีแดงต้องรีบบอกแพทย์
  • มีจำเลือดง่าย หรือเลือดออกง่าย
  • ไข้สูงเจ็บคอ
  • ปัสสวะเข้ม เพลีย ตัวเหลืองและตาเหลือง
  • ผื่น

ข้อระวังการใช้ยา Probenecid

  • ก่อนที่แพทย์จะจ่ายยาต้องแจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้งว่าแพ้ยาอะไรบ้าง
  • ต้องบอกแพทย์เรื่องโรคประจำตัว และยาที่ใช้รักษาโดยเฉพาะ โรคนิ่ว มะเร็ง G6PD
  • ไม่ควรขับรถหรือใกล้เครื่องจักรเพราะยานี้จะทำให้ง่วง
  • ไม่ควรดื่มสุรา
  • สำหรับผู้สูงอายุต้องตรวจการทำงานของไต
  • ไม่ควรใช้ในคนตั้งครรภ์

การใช้ยา Probenecid กับยาชนิดอื่น

หากท่านใช้ยาชนิดเหล่านและจำเป็นต้องใช้ Probenecid ท่านมีทางเลือกคือ เปลี่ยนยาเหล่านี้ หรือเปลี่ยนยาลดกรดยูริกเพราะไม่ควรใช้ร่วมกันamoxicillin , ampicillin , carbenicillin , cloxacillin ,dicloxacillin,doripenem,flucloxacillin ,ketorolac, ketorolac intranasal,methotrexate, mezlocillin,mycophenolate,nafcillin,oxacillin , penicillin g aqueous ,penicillin vk, piperacillin, pivampicillin ,pivmecillinam ,temocillin,ticarcillin


หากท่านใช้ยาเหล่านี้และต้องใช้ยา Probenecid จะต้องติดตามใกล้ชิด

aceclofenac,acemetacin,acetohexamide,acyclovir, aminohippurate sodium,ascorbic acid,aspirin,aspirin rectal, balsalazide,bendroflumethiazide, bromfenac,cefaclor

,cefadroxil, cefamandole,cefazolin,cefdinir, cefditoren,cefepime, cefixime,cefmetazole,cefoperazone,cefotaxime,

cefotetan,cefoxitin ,cefpirome,cefpodoxime, cefprozil,ceftaroline,ceftazidime, ceftibuten, ceftizoxime, ceftobiprole, ceftriaxone, cefuroxime, celecoxib, cephalexin, cephalothin, cephradine,

chlorothiazide, chlorpropamide,chlorthalidone,choline magnesium trisalicylate, ciprofloxacin,

clofibrate,diclofenac, diflunisal, dyphylline, ethambutol, etodolac, etoricoxib,fenbufen, fenoprofen,

floctafenine, flurbiprofen, ganciclovir ,glimepiride, glipizide, gliquidone, glyburide, hydrochlorothiazide, hydroflumethiazide, hydroxyurea, ibuprofen, indapamide, indomethacin, ketoprofen, ketorolac,

ketorolac intranasal, loracarbef, lornoxicam, meclofenamate, mefenamic acid, meloxicam, meropenem, mesalamine, methyclothiazide, metolazone, nabumetone, naproxen, oseltamivir, oxaprozin, parecoxib, phenylbutazone, piroxicam, polythiazide, pralatrexate, pyrazinamide,

rofecoxib, rose hips, salicylates (non-asa),salsalate, sodium phenylacetate,

sodium phenylbutyrate, sulfasalazine, sulfinpyrazone, sulindac, tenofovir,

tenoxicam, tiaprofenic acid, tolazamide, tolbutamide, tolfenamic acid, tolmetin, trichlormethiazide,

valdecoxib, valganciclovir, willow bark, zidovudine


การติดตามผลการรักษา

ต้องมีการเจาะเลือดเพื่อติดตามผลการรักษาโดยเจาะระดับยูริก ตรวจการทำงานของตับและไต ตรวจเลือดทั่วไป

หากลืมรับประทานยาจะทำอย่างไร

ให้รับประทานทันที่ที่จำได้ หากระยะเวลาใกล้กับการรับประทานยาครั้งต่อไปก็ให้งด จะไม่มีการรับประทานยาเป็นสองเท่า