ยาแก้ปวดลดไข้พาราเซตามอล Paracetamol
หากเกิดอาการดังต่อไปนี้ให้หยุดยาและปรึกษาแพทย์
- ไข้ต่ำ คลื่นไส้ แน่ชายโครงขวา เบื่ออาหาร
- ปัสสาวะสีเข้ม อุจาระซีด
- ตัวเหลือง ตาเหลือง
ข้อบ่งชี้ในการใช้ยา
ยานี้เป็นยาบรรเทาอาการปวดและลดไข้ แต่ไม่ช่วยบรรเทาอาการบวมและร้อนแดงเนื่องจาก ข้ออักเสบ
ใช้ยานี้อย่างไร
- ยาจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 10-30 นาที และจะมีฤทธิ์ต่อเนื่องไปได้ 4-6 ชั่วโมง รับประทานได้ วันละ 1-6 ครั้งตามอาการ
- ยานี้มีขายในรูปแบบหลายชนิด เช่น ยาเม็ดขนาด 325 มก. และ 500 มก.
- ขนาดใช้ยาในผู้ใหญ่ คือ 325-650 มก. ทุก 4-6 ชั่วโมง หรือ 1,000 มก. วันละ 3-4 ครั้ง ไม่ เกินวันละ 4 กรัม
- ยาน้ำสำหรับเด็กและทารก มีขายหลายความแรง (ต้องดูฉลากข้างขวดให้ รอบคอบ) มักมีหลอดหยดหรือช้อนชาแนบมากับขวดยาด้วย ขนาดใช้ยาของเด็กและทารกใช้ ตามน้ำหนักของร่างกาย คือ 10-15 มก. ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ทุก 4-6 ชั่วโมง ไม่เกิอนวันละ 2.6 กรัม การให้ยาจะหยดเข้าในปากโดยตรง
- ผู้ใหญ่ไม่ควรเกิน 10 วันและเด็กไม่เกิน 5 วัน หากยังมีอาการปวดหรือมีไข้อยู่หรือมีไข้สูงเกิน กว่า 3 วัน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ก่อนใช้ยานี้จะต้องแจ้งแพทย์
- หากท่านเคยแพ้ยา paracetamol มาก่อน
- ก่อนรับประทานยาแก้หวัด ยาแก้ไอ หรือยาแก้แพ้อื่น ๆหรือยาแก้ปวด ควร อ่านส่วนประกอบของสูตรยาในฉลากให้แน่ใจก่อนว่าไม่มีส่วนผสมของยา paracetamol นี้ผสมอยู่ด้วยเพราะอาจจะทำให้ได้รับยาเกินขนาด
- รับประทานยาทั้งขนาด และเวลาตามที่แพทย์สั่ง และถามแพทย์หากรับประทานตามปกติแล้วยังไม่หายปวดจะเพิ่มยาได้หรือไม่
- วันหนึ่งต้องไม่รับประทานเกินวันละ 4000 มก(ขนาด500 มก ไม่กิน 8 เม็ด)
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากท่านเป็นโรคตับ
- หากท่านดื่มสุรามากกว่า 3 หน่วยสุราต้องแจ้งแพทย์เพราะอาจจะเกิดผลต่อตับได้ง่าย
ผลข้างเคียงของยา
ยาพาราเซ็ตตมอลมีผลข้างเคียงน้อยมา แต่อาจจะพบได้แก่
- ผื่น
- ลมพิษ
- คันตามตัว
- บวมหน้า ริมฝีปาก
- เสียงแหบ
- หายใจลำบาก
ความปลอดภัยของยานี้ในสตรีมีครรภ์
หรับสตรีมีครรภ์ ยานี้จัดอยู่ในประเภท B