ท่าดีสุขภาพเยี่ยม

เมื่อพูดถึงสุขภาพดีมักจะหมายถึงการรับประทานอาหารคุณภาพ การออกกำลังกาย การพักผ่อนที่พอเพียง หลีกเลี่ยงสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น สุรา บุหรี่ ยาเสพติด การยืน นั่ง หรือนอนก็เป็นส่วนสำคัญทำให้สุขภาพดี เนื่องจากร่ายไม่ต้องรับแรงที่ไม่สมดุล การยืนเดินนั่งถูกท่าเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมฟิตเนสเพื่อให้ท่าดูสง่างาม

ทำไมท่าดีถึงสุขภาพดี

การที่อยู่ในท่าที่ดีหมายถึงการที่กระดูก กล้ามเนื้อ ข้อต่ออยู่ในแนวที่เหมาะสมทำให้ร่างกายไม่ต้องทำงานหนัก อวัยวะต่างๆสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อวัยวะในร่างกายรวมทั้งระบบประสาทก็ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ในทางตรงกันข้ามหากร่างกายอยู่ในท่าที่ไม่ดีหรือสมดุลอวัยวะต่างๆก็จะทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ในระยะยาวก็อาจจะเกิดผลเสียต่อระบบต่างๆเช่น ระบบย่อยอาหาร ระบบหายใจ ระบบข้อและกล้ามเนื้อ


สาเหตุที่ทำให้ท่าไม่ถูกต้อง

ปัจจุบันมีปัจจัยที่ทำให้ท่าทางผิดปกติไป เช่น การที่เราใช้เวลาดูทีวีมากเกินไป ชีวิตการทำงานนั่งแต่บนโต๊ะทำงาน หรือต้องขับรถบ่อยทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย แต่การที่ท่าไม่ถูกต้องมักจะเกิดจากหลายสาเหตุร่วมกัน

  • การได้รับอุบัติเหตุ หรือหกล้ม
  • ที่นอนนิ่มหรือแข็งเกินไป
  • น้ำหนักตัวมากเกินไป
  • สาตาผิดปกติ
  • มีปัญหาเกี่ยวกับเท้าหรือรองเท้า
  • กล้ามเนื้ออ่อแรง
  • การนั่ง การยืนหรือการนอนไม่ถูกต้อง
  • มีความเครียดจากการทำงาน
  • สิ่งแวดล้อมที่ทำงานไม่ถูกต้อง


การตรวจสอบท่าตัวเอง

ท่านสามารถตรวจสอบท่าตัวเองได้อย่างง่ายๆโดยวิธีดังต่อไปนี้

  1. ยืนให้ส้นเท้าห่างกำแพง 6 นิ้วศีรษะและหลังชิดกำแพง แล้วใช้นิ้วมือวัดระยะห่างระหว่างกำแพงและเอวหากห่าง 1-2 นิ้วมือถือว่าปกติ ระยะห่างระหว่างกำแพงและคอหากพบว่าห่าง 2 นิ้วมือถือว่าปกติ หากไม่ได้ตามนี้ควรจะปรึกษาแพทย์
  2. ยืนส่องกระจกบานใหญ่ให้เห็นทั้งตัวแล้วสังเกตส่วนต่างๆของร่างกายdf
  • ศรีษะและคอควรจะตั้งตรง ไม่เอียง
  • ไหล่ ระดับของไหล่ควรจะอยู่ระนาบเดียวกัน หากสูงต่ำไม่เท่ากันควรจะปรึกษาแพทย์
  • ช่องว่างระหว่างแขนและลำตัวควรจะเท่ากัน
  • ระดับของสะโพกควรจะอยู่ในระนาบเดียวกัน
  • เข่าควรจะชิดกันไม่โก่ง

ถ่ายรูุปด้านข้างแล้วสังเกตสิ่งต่อไปนี้

  • ศีรษะควรจะตรงไม่เอนไปข้างหน้าหรือหลัง
  • คางควรจะขนานกับพื้น
  • ไหล่ควรจะอยู่แนวเดียวกับหู และไหล่ไม่ตก
  • หน้าท้องควรจะแบนราบ
  • หลังตรงอาจจะมีรอยโค้งเล็กน้อยบริเวณเอว
  • เข่าตรง

กลวิธีที่จะให้มีรูปร่างและท่าทางดี

  • อย่าให้อ้วน โดยเฉพาะอ้วนลงพุงเพราะจะทำให้กล้ามเนื้อหลังและท้องอ่อนแรง
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง
  • เลือกเตียงนอนที่ไม่แข็งหรือนิ่มเกินไป
  • ระวังเรื่องอุบัติเหตุโดยเฉพาะบริเวณหลัง
  • ตรวจ check สายตา
  • ขณะนั่ง ยืนหรือนอนต้องทำให้ถูกต้อง

ท่าผิดปกติที่พบได้บ่อยๆได้แก่

  1. ท่าของคนที่เป็นโรคกระดูกพรุนจะมีลักษณะดังนี้
  • ศีรษะเอนไปข้างหน้า
  • ไหล่งุ้มไปข้างหน้า
  • หลังโค้งมน
  • อกฝ่อ
  • ท้องแฟบ
  • ก้นย้อย
  1. ท่าทหาร ท่านี้หลังจะตรงมากทำให้กระดูกหลังได้รับแรงกระแทกเต็มที่ทำให้มีอาการปวดหลัง ลักษณะที่สำคัญคือ
  • ศีรษะจะเอนไปทางหลัง
  • ไหล่จะถูกดึงไปทางหลัง
  • เอวแอ่น
  • เข่าตรง
  1. หลังค่อม มักจะเกิดตั้งแต่ในวัยรุ่นนั่งไม่ถูกต้อง
  • หลังโก่ง
  • ศีรษะเอนไปข้างหน้า

ข้อเสียของการที่มีท่าที่ไม่ดี

  • การเคลื่อนไหวไม่คล่องตัว
  • มีอาการปวดตามส่วนต่างๆของร่างกาย เช่นไหล่ คอ หลัง แขน
  • อาจจะมีอาการเจ็บกรามเนื่องจากคางที่ยื่นไปข้างหน้า
  • ปอดทำงานไม่เต็มที่เนื่องจากการโครงสร้างที่ผิดไป
  • ปวดหลัง
  • เส้นประสาทถูกกดทับ
  • ท้องผูก
  • ดูแก่กว่าวัย

การป้องกัน

  • การยืนต้องถูกต้อง ศีรษะตรง คางขนานกับพื้น อกแอ่นไปข้างหน้าเล็กน้อย ไหล่แอ่นมาข้างหลังเล็กน้อย หากต้องทำงานยืนนานให้พักเท้าข้างหนึ่ง ยืนด้วยเท้าข้างหนึ่งสลับการ
  • เมื่อนั่งให้หาหมอนหนุนที่เอว หาที่รองเท้าให้เข่าสูงกว่าข้อสะโพก หากต้องนั่งนานให้ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสาย
  • การปรับโต๊ะคอมพิวเตอร์
  • การปรับเบาะเมื่อเวลาขับรถ ปรับให้เข่าสูงกว่าสะโพกและมีหมอนหนุนเอว
  • การนอนให้นอนตะแคงนอนก่ายหมอนข้าง หรือนอนหงายมีหมอนข้างรองบริเวณเข่า อย่าหนุนหมอนที่สูงเกินไป อย่านอนคว่ำ
  • การยกของให้ย่อเข่าแล้วยกแทนการก้มแล้วยกโดยเฉพาะการก้มแล้วเอี้ยวตัว