การวินิจฉัยโรคกรวยไตอักเสบ
การติดเชื้อไต (pyelonephritis) เป็นโรคที่่เกิดจากแบคทีเรียที่เดินทางมาจากกระเพาะปัสสาวะของคุณไปยังไตของคุณ โรคนี้รุนแรงกว่ากระเพาะปัสาวะอักเสบ เนื่องจากไตมีเลือดไปเลี้ยงมากอาจจะเกิดโรคแทรกซ้อนคือโลหิตเป็นพิษ ไตเสื่อมหรือไตวายถาวร การวินิจฉัยโรคกรวยไตอักเสบอาศัยประวัตการเจ็บป่วยิและการตรวจร่างกายและจากผลการตรวจปัสสาวะ(การวิเคราะห์ด้วยกล้องจุลทรรศน์ )ศึกษาในห้องปฏิบัติการอื่น ๆ
อาการที่เกิดจากการติดเชื้อที่ไตมักจเกิดภายในไม่กี่ชั่วโมงจะมีไข้หนาวสั่น มีอาการปวดหลังหรือด้านข้างของคุณ คลื่นไส้อาเจียน หากมีการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะจะมีอาการปัสสาวะขัด หรือแสบเวลาปัสสาวะ
ตรวจร่างกาย
การตรวจร่างกาย
- อาจจะมีไข้สูงถึง 103°F (39.4°C) สำหรับผู้ป่วยที่อาการหนักอาจจะมีอุณหภูมิต่ำกว่า 37 °C
- ชีพขจรอาจจะปกติ หรืออาจจะเร็วจาก ไข้ ขาดน้ำ หรือภาวะโลหิตเป็นพิษ
- ความดันโลหิตมากจะปกติ หากความดันโลหิตตัวบน systolic pressure น้อยกว่า 90 มิลิเมตรปรอท ให้ระวังภาวะโลหิตเป็นพิษ
- ผู้ป่วยอาจจะมีอาการเจ็บบริเวณท้องน้อยเมื่อกดจะปวดมากขึ้น
- เมื่อทุบบริเวณเอวจะทำให้ปวดมากขึ้น
เมื่อท่านไปพบแพทย์
ท่านที่มีอาการเข้ากับโรคกรวยไตอักเสบ คือมีไข้สูงหนาวสั่น ปวดเอว หรือหลัง ร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน แพทย์จะต้องรีบให้ยาปฏิชีวนะโดยเร็วเพื่อป้องกันเชื้อลามเข้ากระแสเลือด หรือเกิดโรคไต โดยเฉพาะท่านที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น การตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคไตอยู่ก่อน หรือสุขภาพโดยรวมไม่ดีจะต้องประเมิน หลังการรักษา 48 ชั่วโมง โดยทั่วไปจะต้องได้รับยาประมาณ 2 สัปดาห์
ดูคุณ GP ถ้าคุณมีไข้และท้องถาวรหรือปวดอวัยวะเพศกลับลดลงหรือถ้าคุณสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบปกติของคุณปัสสาวะ
ไตติดเชื้อส่วนใหญ่ต้องการการรักษาที่รวดเร็วด้วยยาปฏิชีวนะที่จะหยุดการติดเชื้อจากการทำลายไตหรือแพร่กระจายไปยังกระแสเลือด
สาเหตุของการติดเชื้อ
การติดเชื้อไตมักจะเกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียที่เรียกว่าเชื้อ E. coli เชื้อจะเข้าทางณุปัสสาวะแล้วเข้าท่อปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะ ท่อไต และสุดท้ายไปยังไต ทำให้เกิดการอักเสบ
ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อกรวยไตอักเสบ
การติดเชื้อที่ไตพบน้อยประมาณว่าหนึ่งในทุก 830 คนจะเป็นโรคกรวยไตอักเสบ โรคนี้พบมากใน
- พบบ่อยในผู้หญิง ในความเป็นจริงผู้หญิงหกครั้งมีแนวโน้มที่จะได้รับการติดเชื้อไตกว่าผู้ชาย นี้เป็นเพราะท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นทำให้มันง่ายขึ้นสำหรับแบคทีเรียที่จะไปถึงไต
- ผู้หญิงอายุน้อยที่มีความเสี่ยงมากที่สุดเพราะพวกเขามีแนวโน้มที่จะใช้งานมากขึ้นทางเพศสัมพันธ์ และการมีเพศสัมพันธ์บ่อยเพิ่มโอกาสในการได้รับการติดเชื้อที่ไต
- เด็กที่อายุน้อยกว่านี้ยังมีความเสี่ยงที่จะพัฒนาไตติดเชื้อเพราะพวกเขาอาจจะเกิดมาพร้อมกับความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะหรือมีสภาพที่เรียกว่า vesico-ureteric กรดไหลย้อนที่มีการไหลของปัสสาวะจากกระเพาะปัสสาวะถึงไต
การป้องกันกรวยไตอักเสบ
โดยการป้องกันมิให้เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย
- การเช็ดก้นให้ถูกวิธี
- การรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ
- การดื่มน้ำมากๆ
การทดสอบปัสสาวะ
การตรวจปัสสาวะสามารถช่วยในบอก่ว่าคุณจะมีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI)หรือไม่ เจ้าหน้าที่จะให้กระบอกเล็กสำหรับการเก็บปัสสาวะซึ่งสามารถเก็บปัสสาวะที่บ้าน และจดเวลาที่เก็บ
การตรวจปัสสาวะ
- การตรวจปัสสาวะจะตรวจปริมาณเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะ เมื่อนำปัสสาวะไปปั่นที่ความเร็ว 2000 รอบต่อนาทีเป็นเวลา 5 นาที หากพบว่ามีปริมาณเม็ดเลือดขาวมากกว่า 5-10 ผู้ที่มีมีจำนวนเม็ดเลือดขาวมากกว่า 20 (>20 WBCs/hpf) ส่วนใหญ่จะเป็นกรวยไตอักเสบ
- การทดสอบ dipstick เม็ดโลหิตขาว esterase (LET) ช่วยให้หน้าจอสำหรับ pyuria LET ผลมีความไวของ 75-96% และความจำเพาะของ 94-98% สำหรับการตรวจสอบมากกว่า 10 WBC / HPF เป็น
- การทดสอบการผลิตไนไตรท์ (NPT) สำหรับการติดเชื้อมีความไว 92-100% และมี ความจำเพาะ 35-85% มันอาจจะเป็นแสดงเป็นลบในกรณีที่มีการใช้ยาขับปัสสาวะ, รับประทานอาหารที่มี nitrate
- การใช้การตรวจ LET-NPT จะมีความไว 79.2% และความจำเพาะ 81%
- ปัสสาวะของผู้ป่วยกรวยไตอักเสบจะมีเม็ดเลือดแดงเพียงเล็กน้อย หากมีเม็ดเลือดแดงปริมาณมาก หรือถ่ายเป็นเลือกจะต้องตรวจหาว่าเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่ว หรือมะเร็งของไต
- ปัสสาวะของผู้ป่วยจะพบโปรตีนโดยมากน้อยกว่า 2 กรัมต่อวัน หากพบมากกว่า 3 กรัมต่อวันจะต้องตรวจว่ามีการอักเสบของเนื้อไตร่วมด้วยหรือไม่
- การหาปริมาณ neutrophil lipocalin gelatinase ในปัสาวะ การหาปริมาณ neutrophil lipocalin gelatinase ในปัสสาวะจะมีความไว 92.5% และและความจำเพาะ 90.7% เมื่อค่า NGAL ที่ 29.4 นาโนกรัม / มิลลิลิตร ประโยชน์ของการตรวจชนิดนี้ได้แก่
- เป็นการแยกโรคออกจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- และหากค่าสูงจะพบว่ามีโรคแทรกซ้อนสูง
การเพาะเชื้อจากปัสสาวะ
ควรจะเพาะเชื้อโรคจากปัสสาวะ และเลือดทุกราย เนื่องจากเชื้อโรคมีการดื้อยาสูง ทำให้ทราบว่าจะใช้ยาอะไรในการรักาาโรคกรวยไตอักเสบ
การเก็บปัสสาวะ
การเก็บปัสสาวะเพื่อการตรวจ มีด้วยกัน 3 วิธี
การเก็บปัสสาวะโดยการเก็บเอง
เมื่อเก็บปัสสาวะอย่างถูกต้องจะช่วยในการวินิจฉัยโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ
- สำหรับผู้หญิงควรจะล้างบริเวณปลายเปิดของท่อปัสสาวะ
- การล้างทำความสะอาดให้ล้างจากด้านหน้าไปยังด้านหลัง
- ใช้มือแยกแคมเล็กออก
- ใช้แก้ลองปัสสาวะมิให้ปัสสาวะถูกแคมเล็ก
- สำหรับผู้ชายให้เปิดหนังหุ้มปลายออก
- ทำความสะอาดส่วนหัวของอวัยวะเพศ
- ปัสสาวะใส่ขวดแก้ว
สวนท่อปัสสาวะ
การใส่สายสวนปัสสาวะเพื่อเก็บปัสสาวะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเพียงเล็กน้อย ดังนั้นการใส่สายสวนจะทำเมื่อ
- ไม่สามารถปัสสาวะ
- อ้วนมาก ทำให้เก็บปัสสาวะลำบาก
- คนที่ป่วยมากไม่สามารถเก็บปัสสาวะได้
- เด็กเล็กที่ไม่สามารถเก็บปัสสาวะ
การเก็บปัสสาวะโดยใช้เข็มเจาะบริเวณหัวเหน่าSuprapubic needle aspiration
การเก็บปัสสาวะด้วยวิธีนี้จะทำเมื่อมีความจำเป็น
- ไม่สามารถเก็บปัสสาวะด้วยวิธีอื่น
- ต้องการเก็บปัสสาวะที่ไม่ปนเปื้อน
- ต้องการเก็บปัสสาวะว่ามีการติดเชื้อจริงหรือไม่ ในกรณีที่เก็บปัสสาวะด้วยวิธีปกติแล้วสงสัยว่ามีเชื้อโรค
- เก็บปัสสาวะในทารก
การตรวจทางรังสี
การตรวจทางรังสีควรจะตรวจในกรณีดังต่อไปนี้
- เอดส์
- โรคเบาหวานควบคุมได้ไม่ดี
- ผู้ที่มีการปลูกถ่ายอวัยวะ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งไต)
- ผู้มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องอื่น ๆ
- กลุ่มผู้ป่วยโลหิตเป็นพิษหรือ
- ช็อตการติดเชื้อ
แพทย์อาจจะส่งตรวจทางรังสีเพิ่มเติมในกรณีดังต่อไปนี้
- ไม่ตอบสนองต่อการรักษาหลังได้รับยาปฏิชีวนะ
- อาการแย่ลง
- มีอาการอื่นเพิ่มขึ้น
- ผู้ป่วยอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน
เด็กที่มีการติดเชื้อซ้ำจะต้องส่งเข้าโรงพยาบาลเพื่อตรวจเพิ่มเติม
การตรวจเพิ่มเติมที่มักจะตรวจ
- เอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan)
- อัลตราซาวนด์สแกน
- สแกนไอโซโทป
การถ่ายภาพในช่วงต้นของการนำเสนอของ pyelonephritis เฉียบพลันอาจจะมีประโยชน์มากขึ้นกว่าที่เคยคิด
บ่งชี้ในการถ่ายภาพการศึกษามีดังนี้
- ไข้หรือวัฒนธรรมเลือดบวกผลที่ยังคงมีอยู่ได้นานกว่า 48 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยแย่ลงแบบเฉียบพลัน
- อาการไม่ดีขึ้นหลังจากรักาาไปแล้ว 72 ชั่วโมง
- เป็นกรวยไตอักเสบที่มีโรคแทรกซ้อน
การทำ computer scan
การตรวจด้วยวิธี Contrast-enhanced helical/spiral computed tomography (CECT) เป็นการตรวจที่มีความไวและจำเพาะมากกว่าการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง การฉีดสี การตรวจนี้จะสามารถบอกการไหลเวียนของเลือดในเนื้อไต การขับสีออก
การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง Ultrasonography (US)
เหมาะสำหรับการตรวจข้างเตียงผู้ป่วยในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ใช้ตรวยดูว่าไตโตหรือเปล่า ตรวจหานิ่ว ตรวจฝีในไต ไตอักเสบ