การรักษาวัณโรคTuberculosis (TB)
วัณโรคเป็นเชื้อแบคทีเรียมักจะทำให้เกิดโรคที่ปอด และส่วนอื่นๆของร่างกาย เชื้ออาจจะอยู่ในร่างกายโดยที่ไม่เกิดอาการเรียกว่า Latent period เมื่อคุณติดเชื้อ HIV และเมื่อภูมิคุณเริ่มต่ำลงจนกระทั่งเชื้อวัณโรคสามารถแบ่งตัวทำให้คุณเป็นวัณโรค
การติดต่อวัณโรค
คนจะได้รับเชื้อนี้จากอากาศที่มีเชื้อวัณโรค เชื้อนี้ไม่ติดต่อทางการรับประทานหรือการสัมผัส
อาการของโรควัณโรค
ผู้ที่เป็นวัณโรคปอดจะมีอาการไอโดยมากเกิน 3 สัปดาห์ เหงื่อออกกลางคืน น้ำหนักลด อ่อนเพลีย มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต ในรายที่เยื่อหุ้มสมองอักเสบจะมีอาการปวดศีรษะ ซึมลง คอแข็ง
การวินิจฉัยวัณโรคปอด
- การตรวจทดสอบ PPD skin test รอยแดงมากกว่า 5mm
- X-ray ปอดพบรอยโรค
- ตรวจเสมหะพบเชื้อวัณโรค
การรักษาวัณโรคปอด
การรักษาต้องใช้ยา 3 ชนิดคือ Isoniazid(INH), Pyrazinamide(PZA) และ Rifampin หากมีเชื้อดื้อยาก็ให้ Ethambutol เพิ่ม ถ้าไม่ได้ผลหรือเกิดผลข้างเคียงของยาก็ให้ใช้ยาเหล่านี้ Streptomycin (EA) หรือ Amikacin และหรือ L-ofloxacin หรือ Sparfloxacin.
การป้องกันการรับเชื้อวัณโรค
ผู้ที่ติดเชื้อ HIV ควรจะหลีกเลี่ยงกลุ่มเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อวัณโรคให้กับผู้ที่ติดเชื้อ HIVคือ
- การทำงานในสถานพยาบาล คลินิค
- การทำงานในสถานกักกัน
- การทำงานให้กับผู้ที่ไม่มีที่อยู่
ในการหลีกเลี่ยงต้องปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลว่ามีความจำเป็นต้องเปลี่ยนงานหรือไม่
การป้องกันปฐมภูมิ(ยังไม่เป็นวัณโรค)
เมื่อทราบว่าติดเชื้อ HIV จะต้องทดสอบผิวหนังต่อเชื้อวัณโรค[Tuberculin skin test (tst)]โดยการฉีด intermediate-strength purified protein derivative[PPD]
- ผู้ที่ให้ผลการตรวจ tst มากกว่า 5mm ควรจะx-ray ปอดเพื่อตรวจดูว่ามีการติดเชื้อที่ปอดหรือไม่
- มีประวัติผลบวกต่อ PPD
- ผู้ที่ให้ผลบวก tst โดยที่ไม่มีการติดเชื้อวัณโรคที่ปอดหรือที่อื่นควรจะได้ยาป้องกันการติดเชื้อโดยให้ยา Isoniazid 300mg. (รับร่วมกับ Vitamin B6) 9เดือน (CT) หรือ Rifampin 450-600mg (by weight) หรือ Pyrazinamide 50mg/day (CT)
- ผู้ที่ติดเชื้อ HIV เมื่อสัมผัสกับผู้ป่วยวัณโรคที่ปอดต้องได้รับยาป้องกันการติดเชื้อวัณโรค โดยไม่ต้องรอผลการทดสอบผิวหนังแต่ควรจะได้รับการx-ray ปอด
- ผู้ที่มีปริมาณเซลล์ CD-4 ต่ำและการตรวจ tst ให้ผลลบควรจะตรวจ tst ทุกปีโดยเฉพาะหลังการได้รับยาต้านไวรัสและปริมาณเซลล์ CD-4 เพิ่มมากกว่า 200
- ไม่ควรให้วัคซีน BCG แก่ผู้ป่วยเพราะอาจจะทำให้เชื้อแพร่กระจาย
- สำหรับผู้ที่เป็นวัณโรคและได้ยาครบแล้วไม่จำเป็นต้องได้ยาป้องกันตลอดชีวิต
ผลข้างเคียงของยา
- Isoniazid: ชาตามปลายมือปลายเท้าและตับอักเสบ
- Rifampin: ตับและไตอักเสบ ผื่น ปัสสาวะสีเหลือง
- Pyrazinamide: ตับอักเสบ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง
- L-Ofloxacin:ท้องอืด คลื่นไส้ ปวดศีรษะนอนไม่หลับ
ปฏิกิริยาต่อยาชนิดอื่น
- Isoniazid:ไม่ควรใช้ร่วมกับ antabuse, Ketoconazole, tuna fishต้องตรวจการทำงานตับ
- Rifampinอาจจะทำใหระดับ้ยาต้านไวรัสเอดส์ต่อไปนี้มีระดับต่ำamprenavir ,indinavir,lopinarvir,nelfinavir,saquinavir,delavirdne
- Rifabutinอาจจะใช้แทน rifampinแต่ไม่ควรใช้ร่วมกับยาsaquinavir,delavirdne
รายละเอียดเรื่องวัณโรค การป้องกันคนดูแลติดเชื้อวัณโรค
การตรวจเพื่อวินิจฉัยเบื้องต้น | ผู้ที่ติดเชื้อ HIV ใหม่ | การป้องการติดเชื้อ HIV | แนวทางการรักษา | การรักษา | การดูแลผู้ที่ติดเชื้อ HIV | การติดเชื้อฉวยโอกาส | การฉีดวัคซีน