Ofloxacin: ข้อมูลยาและการใช้งานที่ครอบคลุม
เผยแพร่เมื่อ:
โดย: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
Ofloxacin คืออะไร?
Ofloxacin (โอฟลอกซาซิน) เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มฟลูออโรควิโนโลน (Fluoroquinolone) ที่ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ DNA gyrase และ Topoisomerase IV ซึ่งจำเป็นต่อการแบ่งตัวของแบคทีเรีย ช่วยกำจัดเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ มีชื่อทางการค้าว่า Floxin และมีทั้งรูปแบบยาเม็ด (100 มก., 200 มก., 300 มก., 400 มก.), ยาหยอดตา (0.3%), และยาหยอดหู (0.3%)
ข้อบ่งชี้ในการใช้ยา Ofloxacin
Ofloxacin ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียที่ไวต่อยานี้ ดังนี้:
ขนาดและวิธีการใช้ยา Ofloxacin
ขนาดยาขึ้นอยู่กับอายุ, น้ำหนัก, และความรุนแรงของการติดเชื้อ ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ คำแนะนำทั่วไป:
การใช้งาน |
ขนาดยาครั้งละ |
ความถี่ |
ระยะเวลา |
ปริมาณยาทั้งวัน |
หลอดลมอักเสบ |
400 มก. |
ทุก 12 ชม. |
10 วัน |
800 มก. |
ปอดบวมจากบ้าน |
400 มก. |
ทุก 12 ชม. |
10 วัน |
800 มก. |
การติดเชื้อผิวหนังที่ไม่มีโรคแทรกซ้อน |
400 มก. |
ทุก 12 ชม. |
10 วัน |
800 มก. |
หนองในแท้ |
400 มก. |
ครั้งเดียว |
1 วัน |
400 มก. |
หนองในเทียม |
300 มก. |
ทุก 12 ชม. |
7 วัน |
600 มก. |
หนองในแท้และเทียม |
300 มก. |
ทุก 12 ชม. |
7 วัน |
600 มก. |
ปีกมดลูกอักเสบ |
400 มก. |
ทุก 12 ชม. |
10-14 วัน |
800 มก. |
กระเพาะปัสสาวะอักเสบจาก E. coli |
200 มก. |
ทุก 12 ชม. |
3 วัน |
400 มก. |
กระเพาะปัสสาวะอักเสบจากเชื้ออื่น |
200 มก. |
ทุก 12 ชม. |
7 วัน |
400 มก. |
ทางเดินปัสสาวะอักเสบที่มีโรคแทรกซ้อน |
200 มก. |
ทุก 12 ชม. |
10 วัน |
400 มก. |
ต่อมลูกหมากอักเสบจาก E. coli |
300 มก. |
ทุก 12 ชม. |
6 สัปดาห์ |
600 มก. |
เยื่อตาอักเสบ |
1-2 หยด (0.3%) |
ทุก 2-4 ชม. (วันแรก), วันละ 4 ครั้ง (วันที่ 2-7) |
7 วัน |
- |
หูชั้นนอกอักเสบ |
10 หยด (0.3%) |
วันละ 2 ครั้ง |
7-10 วัน |
- |
การปรับขนาดยาในผู้ป่วยไตเสื่อม:
อัตราการกรองของไต |
ขนาดยาที่ให้ |
ความถี่ |
20-50 mL/min |
ขนาดปกติ |
ทุก 24 ชม. |
< 20 mL/min |
ครึ่งหนึ่งของขนาดปกติ |
ทุก 24 ชม. |
คำแนะนำการใช้:
- รับประทานยาเม็ดพร้อมน้ำ 1 แก้ว ในขณะท้องว่าง (1 ชม. ก่อนหรือ 2 ชม. หลังอาหาร) หากระคายเคลื่อนกระเพาะ อาจรับประทานพร้อมอาหารหรือนม
- สำหรับยาหยอดตา/หู: ล้างมือก่อนใช้ อย่าสัมผัสปลายขวดเพื่อป้องกันการปนเปื้อน
- ใช้ยาครบตามกำหนด แม้อาการจะหายแล้ว เพื่อป้องกันการดื้อยา หากอาการไม่ดีขึ้นใน 2-3 วัน ควรพบแพทย์
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันการตกตะกอนในไต
- หลีกเลี่ยงแสงแดด เนื่องจากยานี้อาจทำให้ผิวไวต่อแสง ควรป้องกันตัวจากแสงแดดและหลีกเลี่ยงการทำงานในที่แดดจัดเป็นเวลานาน
- ยานี้อาจทำให้ง่วงซึม ควรหลีกเลี่ยงการขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักร
- หลีกเลี่ยงยาลดกรด, วิตามินรวมที่มีสังกะสี, เหล็ก หรือแร่ธาตุอื่น ภายใน 2 ชม. หลังรับประทานยา เพราะลดการดูดซึม
คำแนะนำพิเศษ
- ให้รับประทานยาติดต่อกันทุกวันจนหมด ถึงแม้อาการจะหายแล้วก็ตาม หากรีบหยุดยาก่อนอาจเกิดการติดเชื้อขึ้นอีก
- หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือยังมีอาการแสดงของโรคติดเชื้ออยู่หลังจากรับประทานยาหมดแล้ว ให้พบแพทย์
- ไม่รับประทานยาลดกรด วิตามินรวมที่มีสังกะสี เหล็กหรือแร่ธาตุอื่นภายใน 2 ชั่วโมง หลังรับประทานยานี้เพราะจะทำให้การดูดซึมของยานี้ลดลง
- รับประทานยาวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 3-10 วัน การรักษาบางโรคอาจใช้เวลานานถึง 6 สัปดาห์หรือมากกว่า
- กรณีที่ใช้เพื่อรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (venereal disease) รับประทานเพียงครั้งเดียว
- ห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
- รับประทานยาติดต่อกันจนหมดช่วงการรักษา แม้จะรู้สึกดีขึ้นแล้วก็ตาม
- ควรดื่มน้ำมากๆระหว่างวัน
- ยานี้อาจทำให้ง่วงซึม ไม่ควรขับรถ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร
- ยานี้ทำให้ผิวหนังไวต่อแสงแดดมากขึ้น ไม่ควรทำงานหรืออยู่ในที่มีแสงแดดส่องเป็นเวลานาน และควรป้องกันตัวเองจากแสงแดด
ผลข้างเคียงของ Ofloxacin
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นมีดังนี้:
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย:
- ระคายเคลื่อนกระเพาะอาหาร, เบื่ออาหาร, คลื่นไส้, อาเจียน, ท้องเสีย
- ปวดศีรษะ, วิงเวียน, มึนงง, นอนไม่หลับ
ผลข้างเคียงรุนแรง (หยุดยาและพบแพทย์ทันที):
- อาการแพ้: หายใจลำบาก, กลืนลำบาก, หน้าบวม, ลำคอ, ลิ้น, ริมฝีปาก, ผื่นคัน, ลมพิษ, บวมหรือชาบริเวณหน้า
- หัวใจเต้นผิดปกติ: หน้ามืด, เป็นลม, เหนื่อยง่ายผิดปกติ
- ระบบประสาท: ไข้, ปวดกล้ามเนื้อหรือข้อ, ชัก, มึนงง, ประสาทหลอน, ปวด, ชา
- เส้นเอ็นอักเสบหรือฉีกขาด: ปวด, อักเสบ, หรือฉีกขาดของเส้นเอ็น
- กล้ามเนื้อ: อ่อนแรงตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
- ตับ: ผิวหนังและตาเหลือง, ปัสสาวะสีเข้ม, อุจจาระซีดหรือดำผิดปกติ
- ผิวหนัง: ไวต่อแสงแดด, ผื่นลมพิษ
- อื่นๆ: ติดเชื้อบริเวณช่องคลอด, การมองเห็นเปลี่ยนไป, พบเลือดในปัสสาวะ
ข้อควรระวัง
- ควรบอกแพทย์หรือเภสัชกรว่ากำลังใช้ยาอะไรอยุ่บ้าง โดยเฉพาะยาขยายหลอดลม theophylline ยาลดกรด วิตามินรวมที่มีสังกะสี เหล้กหรือแร่ธาตุอื่น ยาปฏิชีวนะอื่น ยาต้านเลือดแข็ง warfarin และยายับยั้งการหลั่งกรด cimetidine เป็นต้น
- ควรบอกแพทย์หากเป็นโรคลมชัก โรคไต
- แพ้ยาใด ๆ ตั้งครรภ์หรืออยู่ในระยะให้นมบุตร
- ไม่ควรใช้ยานี้ในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ความปลอดภัยของยานี้ในสตรีมีครรภ์
สำหรับสตรีมีครรภ์ ยานี้จัดอยู่ในประเภท C
ข้อควรระวังในการใช้ยา
- เพิ่มความเสี่ยงต่อเอ็นอักเสบหรือขาด โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ (>60 ปี), ผู้ใช้ยาสเตียรอยด์, หรือผู้ที่เปลี่ยนอวัยวะ
- อาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงเพิ่มในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis)
- แจ้งแพทย์หากมีประวัติแพ้ยาในกลุ่มฟลูออโรควิโนโลน, โรคลมชัก, โรคไต, หรือโรคตับ
- หลีกเลี่ยงในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากอาจส่งผลต่อการพัฒนากระดูก
- หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ (อยู่ในประเภท C)
- ผู้ป่วยโรคตับ: ขนาดยาไม่ควรเกินค่าปกติ
หากเกิดอาการดังต่อไปนี้ให้หยุดยาและปรึกษาแพทย์
- หายใจลำบาก กลืนลำบาก หน้าบวม ลำคอ ลิ้น ริมฝีปาก มีผื่นคันลมพิษ บวมหรือชาบริเวณหน้า
- หัวใจเต้นผิดปกติ หน้ามืด เป็นลม เหนื่อยง่ายผิดปกติ
- ไข้ ปวดกล้ามเนื้อ หรือ ข้อ ชัก มึนงง ประสาทหลอน ปวด ชา หรือ
- มีอาการปวด อักเสบ หรือฉีกขาดของเส้นเอ็น
- อ่อนแรงตามส่วนต่างๆของร่างกาย
- ผิวหนังและตาเหลือง ปัสสาวะเป็นสีเข้ม หรือพบเลือดในปัสสาวะ อุจจาระซีดหรือดำผิดปกติ
- ผิวหนังไวต่อแสงแดด
- ติดเชื้อบริเวณช่องคลอด
- การมองเห็นเปลี่ยนไป มีผื่นลมพิษ
ปฏิกิริยาตอยาอื่น
- Theophylline: เพิ่มระดับยาในเลือด อาจเกิดพิษ
- Warfarin: เพิ่มความเสี่ยงเลือดออก
- Cimetidine: อาจรบกวนการขับยา
- ยาลดกรด, วิตามินที่มีสังกะสี/เหล็ก: ลดการดูดซึมของ Ofloxacin
ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่ใช้อยู่เพื่อป้องกันปฏิกิริยาระหว่างยา
วิธีเก็บรักษา
- เก็บที่อุณหภูมิห้อง (15-30°C) หลีกเลี่ยงความชื้นและแสงแดด
- ยาหยอดตา/หู เก็บในที่เย็นและใช้ภายในกำหนดหลังเปิดขวด
- เก็บให้พ้นมือเด็ก
สรุป
Ofloxacin เป็นยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ทางเดินปัสสาวะ, ทางเดินหายใจ, ผิวหนัง, และหนองใน ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์และครบตามกำหนด หากมีอาการรุนแรง เช่น เส้นเอ็นอักเสบ, อาการแพ้, หรือตับอักเสบ ควรรีบพบแพทย์ทันที
หมายเหตุ: ข้อมูลนี้ไม่สามารถแทนคำแนะนำจากแพทย์ได้