jrprint

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน

adv

ภาวะม่านตาอักเสบ (Uveitis)

ภาวะม่านตาอักเสบ เป็นการอักเสบของของผนังชั้นกลางของลูกตา ส่งผลให้เนื้อเยื่อในภายในลูกตาทำงานได้น้อยลง จากการถูกทำลายโดยเซลล์เม็ดเลือดขาวและสารกระตุ้นการอักเสบ อาจส่งผลต่อการมองเห็นได้เป็นอย่างมาก สามารถทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี

ดวงตาของคนเราจะมีลักษณะเป็นทรงกลมคล้ายลูกบอล ภายในประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ เรียงกันเป็นชั้นๆ ทั้งหมดสามชั้น


ม่านตา

 

ภาวะม่านตาอักเสบ หรือ ยูเวียอักเสบ (uveitis) เป็นคำรวมๆที่ใช้เรียกภาวะที่มีการอักเสบของเนื้อเยื่อชั้นกลางภายในลูกตา(uvea) ซึ่งประกอบไปด้วย

เมื่อมีการอักเสบของเนื้อเยื่อยูเวียนี้จึงสามารถส่งผลต่อคุณภาพการมองเห็นได้เป็นอย่างมาก อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี

พบว่า 10-14% ของผู้ป่วยจะมีความรุนแรงของโรคมากจนทำให้สูญเสียการมองเห็นได้ ที่สำคัญโรคนี้ยังพบบ่อยในวัยทำงาน คืออายุระหว่าง 20-59 ปี จึงถือว่าเป็นภาวะมีความสำคัญต่อระบบสาธารณสุขโดยรวมของประเทศและของโลก

ผู้ป่วยโรคม่านตาอักเสบสามารถมีอาการนำและอาการแสดงได้หลายแบบขึ้นกับอวัยวะที่มีการอักเสบ เช่น

ปัจจุบันเราสามารถแยกแยะประเภทและชนิดของม่านตาอักเสบได้หลายแบบ โดยสาเหตุที่พบบ่อยของม่านตาอักเสบในประเทศไทยของเรารวมถึงกลุ่มประเทศแถบเอเชีย ได้แก่ การติดเชื้อ โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคเส้นเลือดอักเสบ โรคมะเร็ง เป็นต้น โดยในอดีตโรคม่านตาอักเสบเราสามารถให้คำวินิจฉัยและบอกสาเหตุเฉพาะเจาะจงได้แค่ 40-50%เท่านั้น แต่ด้วยความรู้ความเข้าใจในตัวโรคที่มากขึ้น อีกทั้งมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ปัจจุบันเราสามารถระบุสาเหตุของม่านตาอักเสบได้มากถึง 80% โดยเฉพาะในกลุ่มโรคติดเชื้อ

ดังนั้นหากเรามีอาการแสดงที่ทำให้สงสัยว่ามีภาวะยูเวียอักเสบหรือม่านตาอักเสบ หรือเป็นผู้ที่มีภาวะเสี่ยงที่จะมีภาวะม่านตาอักเสบร่วมด้วย ได้แก่ ผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง เช่นโรคพุ่มพวง หรือ SLE โรคกระดูกสันหลังอักเสบ (Ankylosing Spondylitis) โรคผิวหนังแข็ง (Scleroderma) และผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ควรมาพบและปรึกษาจักษุแพทย์เฉพาะทางสาขาภูมิคุ้มกันและการอักเสบ (Uveitis specialist) เพื่อวินิจฉัยและรักษาต่อไป โดยจักษุแพทย์ก็จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกายและตาอย่างละเอียด นอกจากนี้หากจำเป็นอาจแนะนำให้เข้ารับการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ เพื่อให้การวินิจฉัยและรักษาต่อไป

ประเภทของภาวะม่านตาอักเสบ

สามารถแบ่งตามตำแหน่งของการอักเสบที่เกิดขึ้น ดังนี้

แบ่งตามกายวิภาค คือ แบ่งเป็น

แบ่งตามสาเหตุของการเกิดโรค ซึ่งมีด้วยกันหลายสาเหตุ อาทิ

นอกจากนี้ภาวะม่านตาอักเสบยังมีทั้งชนิดที่เป็น

ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านม่านตาอักเสบในการวินิจฉัยหาตำแหน่งที่แน่ชัด และสาเหตุของการอักเสบ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างถูกต้องและทันท่วงที ซึ่งการวินิจฉัยสามารถทำได้โดยการซักประวัติ เนื่องจากร้อยละ 50 ของผู้ป่วยมักจะกลับมาเป็นซ้ำ พร้อมทั้งตรวจร่างกายและตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ เช่น ตรวจเลือด ตรวจสารทางพันธุกรรมเพื่อนำผลมาใช้ในการยืนยันสาเหตุ ผู้ป่วยบางรายอาจได้รับการฉีดสีเพื่อประเมินจอตาร่วมด้วย

อาการม่านตาอักเสบ เป็นอย่างไร?

อาการของม่านตาอักเสบ มีความหลากหลายขึ้นกับตำแหน่งและความรุนแรงของการอักเสบ โดยสามารถเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันหรือค่อยเป็นค่อยไป และเป็นได้ในเฉพาะตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง ใครก็ตามที่มีอาการปวดตา แพ้แสงอย่างรุนแรง และการมองเห็นเปลี่ยนแปลง ควรได้รับการตรวจโดยจักษุแพทย์ทันที

อาการและอาการแสดงของม่านตาอักเสบขึ้นอยู่กับชนิดของการอักเสบ

ม่านตาอักเสบเฉียบพลันอาจเกิดขึ้นในตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง และในผู้ใหญ่จะมีอาการเจ็บตา ตาพร่ามัว ไวต่อแสง รูม่านตาเล็ก และมีรอยแดง

ม่านตาอักเสบระดับกลางทำให้เกิดการมองเห็นไม่ชัดและการลอยตัว โดยปกติแล้วจะไม่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวด

ม่านตาอักเสบส่วนหลังอาจทำให้สูญเสียการมองเห็น ม่านตาอักเสบประเภทนี้สามารถตรวจพบได้ในระหว่างการตรวจตาเท่านั้น

 อาการทั่วไปที่พบได้บ่อยได้แก่

ส่วนภาวะม่านตาอักเสบที่สัมพันธ์กับโรคทางกายอื่นๆ ก็จะมีอาการของโรคนั้นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดหลังจากโรคของกระดูกและข้อ ดังนั้นผู้ป่วยอาจได้รับการวินิจฉัยโรคอื่นก่อนแล้วจึงมีอาการของม่านตาอักเสบ หรือในทางตรงกันข้ามอาจเกิดภาวะม่านตาอักเสบก่อนแล้วพบว่ามีโรคอื่นที่สัมพันธ์กัน

การอักเสบที่เกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน

ผู้ป่วยจะมีอาการปวดตา แพ้แสง ตาแดงและตามัว เห็นลอยจุดหรือก้อนเมฆเคลื่อนไหวในการมองเห็น

การอักเสบแบบเรื้อรัง 

การดำเนินของโรคจะค่อยเป็นค่อยไป จึงอาจไม่มีอาการใดๆ จนกระทั่งมาพบแพทย์เมื่อมีอาการตามัวลงจากภาวะแทรกซ้อน เช่น ต้อกระจก ต้อหิน รวมทั้งจุดภาพชัดบวม เป็นต้น ส่งผลให้สูญสียการมองเห็นแบบถาวรได้

สาเหตุการอักเสบของม่านตามี ดังนี้

การรักษาจะรักษาตามสาเหตุ เช่น สาเหตุจากการติดเชื้อ แพทย์อาจให้ยาต้านไวรัสหรือยาต้านเชื้อแบคทีเรีย ร่วมกับยาลดการอักเสบ ส่วนม่านตาอักเสบจากการไม่ติดเชื้อ แพทย์มักให้ยาสเตียรอยด์เป็นหลัก อาจเป็นในรูปแบบยาหยอดตาหรือยารับประทาน โดยต้องติดตามอาการหรือระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังการให้ยา โดยเฉพาะยากลุ่มสเตียรอยด์ ซึ่งอาจทำให้ความดันตาสูงหรือเลนส์ตาเกิดต้อกระจกได้ อย่างไรก็ตามหากไม่รักษา การอักเสบของม่านตาเองก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ต้อหินหรือต้อกระจกขึ้นได้เช่นกัน ดังนั้น แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาให้การรักษาแบบเหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ทั้งจากตัวโรคเองหรือจากการใช้ยา
ทั้งนี้ หากเกิดความผิดปกติทางตา ควรพบจักษุแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันการลุกลามของโรค หรือควรตรวจสุขภาพตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

ภาวะแทรกซ้อน

ตรวจพบ uveitis ได้อย่างไร?

การวินิจฉัยโรคม่านตาอักเสบรวมถึงการตรวจอย่างละเอียดและบันทึกประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วยอย่างครบถ้วน การทดสอบในห้องปฏิบัติการอาจทำได้เพื่อแยกแยะการติดเชื้อหรือโรคภูมิต้านตนเอง

การประเมินระบบประสาทส่วนกลางมักจะดำเนินการกับผู้ป่วยที่มีกลุ่มย่อยของม่านตาอักเสบระดับกลาง เรียกว่า pars planitis เพื่อตรวจสอบว่าพวกเขามีโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (multiple sclerosis) ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับ pars planitis หรือไม่

การตรวจตาที่ใช้ ได้แก่ :

วิธีรักษาม่านตาอักเสบ

การรักษาทั่วไปในระยะเริ่มต้นมีเป้าหมายเพื่อลดการอักเสบให้ได้เร็วและมากที่สุด เพื่อป้องกันการเสียหายของเนื้อเยื่อในลูกตาจากการอักเสบที่ตามมา ประเภทของยาที่ใช้รักษาประกอบด้วย

การรักษา Uveitis ส่วนหน้า

ม่านตาอักเสบด้านหน้าอาจรักษาได้โดย:

การรักษาม่านตาอักเสบส่วนกลาง หลัง และ Pan-Uveitis

โรคส่วนกลาง หลัง และม่านตาอักเสบมักรักษาได้ด้วยการฉีดยารอบดวงตา การให้ยาทางปาก หรือในบางกรณี ใช้ยาแคปซูลปลูกฝังไว้ภายในดวงตา อาจให้ยากดภูมิคุ้มกันชนิดอื่นได้

เมื่อรับการวินิจฉัยและรักษาแล้ว ผู้ป่วยควรพบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามอาการ ประเมินการอักเสบอย่างใกล้ชิด เนื่องจากต้องมีการปรับยาอยู่ต่อเนื่อง ตลอดจนเฝ้าระวังผลข้างเคียงจากการใช้ยาที่อาจตามมา เช่น  ภาวะต้อกระจก หรือ ความดันตาสูง

เมื่อการอักเสบในม่านตาสงบแล้ว หากผู้ป่วยกลับมามีอาการอีกครั้งหรืออาการแย่ลง ควรเข้ารับการตรวจโดยจักษุแพทย์โดยเร็ว

หลักการรักษาภาวะม่านตาอักเสบคือแก้ไขที่ต้นเหตุ ควบคุมการอักเสบและลดภาวะแทรกซ้อน ฉะนั้นจำเป็นที่แพทย์จะต้องซักประวัติอย่างละเอียดทั้งทางกายและทางตา ร่วมกับการตรวจร่างกายและการทดสอบทางห้องปฏิบัติการ เพื่อวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำแล้วจึงให้การรักษาต่อไป ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้

ทบทวนวันที่

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว

Google
 

เพิ่มเพื่อน