
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
เกลือ (โซเดียมคลอไรด์) เป็นเครื่องปรุงที่ขาดไม่ได้ในหลายครัวเรือน แต่การบริโภคในปริมาณที่มากเกินไปกำลังกลายเป็น "มหันตภัยเงียบ" ที่ทำร้ายสุขภาพคนไทยโดยไม่รู้ตัว ปัจจุบันคนไทยบริโภคโซเดียมเฉลี่ยสูงถึง 3,600 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งสูงกว่าที่ร่างกายต้องการเกือบสองเท่า! บทความนี้จะเจาะลึกทุกเรื่องที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับโซเดียม เพื่อให้คุณบริโภคได้อย่างชาญฉลาดและมีสุขภาพที่ดี
โซเดียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ต้องการในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
รักษาสมดุลของเหลว: ควบคุมปริมาณน้ำทั้งในและนอกเซลล์ของร่างกาย
การทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ: จำเป็นต่อการส่งสัญญาณประสาทและการหดตัวของกล้ามเนื้อ รวมถึงกล้ามเนื้อหัวใจ
รักษาสมดุลอุณหภูมิ: เป็นแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายสูญเสียไปพร้อมกับเหงื่อ
เมื่อร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป ไตจะเก็บน้ำไว้เพื่อเจือจางโซเดียม ทำให้ปริมาณของเหลวในหลอดเลือดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้นและความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งเป็นต้นตอของโรคร้ายแรงต่างๆ:
โรคความดันโลหิตสูง
โรคหัวใจและหลอดเลือด
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
โรคไตเรื้อรัง
เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารและกระดูกพรุน

| กลุ่มประชากร | ปริมาณโซเดียมสูงสุดที่แนะนำ (มก./วัน) | เทียบเท่าเกลือแกงประมาณ |
| คนทั่วไป (อายุ 14-50 ปี) | 2,300 | 1 ช้อนชา |
| กลุ่มเสี่ยงสูง (อายุ >50, ผู้ป่วยเบาหวาน, ความดันสูง, โรคไต) | 1,500 | ¾ ช้อนชา |
วันหนึ่งเราควรจะรับประทานเกลือโซเดี่ยมเท่าไร
| อายุ | แนะนำให้รับประทานวันละ | สูงสุดไม่เกิน |
|---|---|---|
เด็กอายุน้อยกว่า1ปีไม่ควรเติมเกลือในอาหาร |
||
| 1-3 ปี | 1,000 mg | 1,500 mg |
| 4-8 ปี | 1,200 mg | 1,900 mg |
| 9-13 ปี | 1,500 mg | 2,200 mg |
| 14-50 ปี | 1,500 mg | 2,300 mg |
| 51-70 ปี | 1,300 mg | 2,300 mg |
| 71+ ปี | 1,200 mg | 2,300 mg |
โซเดี่ยมตามปริมาณเกลือ(เป็นช้อน)
น่าตกใจที่โซเดียมกว่า 75-77% ที่เราได้รับ ไม่ได้มาจากการเติมเครื่องปรุงบนโต๊ะอาหาร แต่มาจาก "โซเดียมแฝง" ในอาหารสำเร็จรูปและอาหารนอกบ้าน
เครื่องปรุงรส: น้ำปลา, ซีอิ๊ว, ซอสปรุงรส, ซอสหอยนางรม, ผงชูรส
น้ำซุปและน้ำจิ้ม: น้ำซุปก๋วยเตี๋ยว, แกงต่างๆ, น้ำจิ้มสุกี้, น้ำจิ้มซีฟู้ด
อาหารแปรรูป: บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, โจ๊กซอง, อาหารกระป๋อง, ไส้กรอก, หมูยอ
ขนมขบเคี้ยว: มันฝรั่งทอด, ขนมซองต่างๆ
ชิมก่อนปรุง: เลิกนิสัยเติมเครื่องปรุงรสเค็มโดยอัตโนมัติ
กินก๋วยเตี๋ยวแบบไม่ซดน้ำ: "กินเส้นกินเนื้อ เหลือตัวน้ำ" ช่วยลดโซเดียมได้มหาศาล
ใช้สมุนไพรเพิ่มรสชาติ: ปรุงรสด้วยความเปรี้ยวจากมะนาว หรือความเผ็ดร้อนจากพริก, ขิง, กระเทียม แทนความเค็ม
อ่านฉลากโภชนาการ: เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ "ทางเลือกสุขภาพ" หรือเปรียบเทียบปริมาณโซเดียมบนฉลากเสมอ
เพิ่มโพแทสเซียม: การทานผักใบเขียวและผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง (เช่น กล้วย, ส้ม, ผักโขม) จะช่วยขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกายได้
อ่านฉลากอย่างไรให้รู้ว่า "เค็ม" แค่ไหน?
ปริมาณโซเดี่ยมในอาหารเราสามารถได้ข้อมูลจากสลากอาหารซึ่งจะระบุไว้ สมาคมโรคหัวใจของอเมริกาแนะนำไว้ว่าคนปกติไม่ควรที่จะรับประทานเโซเดี่ยมเกินวันละ 1500มิลิกรัม ปริมาณโซเดี่ยมในอาหารจะบ่งบอกว่าอาหารเป็นอาหารที่มีเกลือต่ำหรือสูง
| อาหารที่ไม่มีโซเดี่ยม | มีปริมาณโซเดี่ยมน้อยกว่า 5 mg |
| อาหารที่มีโซเดี่ยมต่ำมาก | มีปริมาณโซเดี่ยมน้อยกว่า 35 mg |
| อาหารที่มีโซเดี่ยมต่ำ | มีปริมาณโซเดี่ยมเท่ากับหรือน้อยกว่า140 mg |
| อาหารลดโซเดี่ยม Reduced (or less) sodium | มีปริมาณโซเดี่ยมน้อยกว่าปกติร้อยละ25 |
| อาหารที่มีโซเดี่ยมน้อย Light in sodium | มีปริมาณโซเดี่ยมร้อยละ50ของปกติ |
ตามที่กำหนดไว้ในแนวทางการรับประทานอาหารว่าไม่ควรที่จะรับประทานเกลือเกินวันละ 2300 มอลิกรัมหรือเกลือแกงไม่เกิน1 ช้อนชา แต่คนส่วนใหญ่ยังรับประทานเกลือโซเดี่ยมเกินกว่ากำหนด สำหรับกลุ่มเสี่ยงแนะนำมิให้รับประทานเกลือเกินวันละ 1500มิลิกรัม กลุ่มดังกล่าวได้แก่
หากท่านอยู่กลุ่มดังกล่าวแนะนำให้บริโภคเกลือต่ำ
ข้อควรรู้: อาหารเพื่อสุขภาพโดยทั่วไป ไม่ควรมีโซเดียมเกิน 480 มก. ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค หรือ 600 มก. ต่อมื้อ
นอกจากจะพยายามลดอาหารเค็มหรือปริมาณเกลือโซเดี่ยมแล้ว การรับประทานอาหารที่มีเกลือโปรแตสเซี่ยมสูงจะช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากการรับประทานเกลือโซเดี่ยมสูง
การลดเค็มคือหนึ่งในการลงทุนด้านสุขภาพที่คุ้มค่าที่สุด เริ่มต้นจากการปรับพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ในวันนี้ เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงในระยะยาว
เรื่องเกี่ยวกับเกลือ | เกลือและสุขภาพ | เกลือและสุขภาพเด็ก | แนวทางในการลดปริมาณเกลือ | การลดเกลือที่บ้าน | การลดเกลือเมื่อต้องจ่ายตลาด | ทานอาหารนอกบ้านให้มีเกลือต่ำ | อาหารจานด่วนที่มีเกลือมาก | ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเกลือ | ฉลาดเลือกอาหาร | รับประทานอาหารเกลือต่ำ | องค์การอนามัยโลกแนะนำเรื่องการรับประทานเกลือ | วิธีเลือกอาหารที่มีเกลือน้อย | เกลือทำให้โรคหลอดเลือดแดงแข็ง
ทบทวนวันที่ 1/6/2566
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว