
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
เมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ลินสีด (Linseed) คือธัญพืชขนาดเล็กสีน้ำตาลหรือสีทองที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "ซูเปอร์ฟู้ด" มาตั้งแต่สมัยโบราณ ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่อัดแน่น โดยเฉพาะ ไฟเบอร์ และ กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ ทำให้เมล็ดแฟลกซ์กลายเป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยมสำหรับอาหารในชีวิตประจำวัน สามารถรับประทานได้ทั้งแบบเต็มเมล็ด, แบบบด, นำไปสกัดเป็นน้ำมัน, แป้ง หรือเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ
ข้อมูลจาก USDA ระบุว่า เมล็ดแฟลกซ์เต็มเมล็ด 1 ช้อนโต๊ะ (ประมาณ 10 กรัม) ให้คุณค่าทางโภชนาการดังนี้:
แคลอรี่: 55 kcal
ไขมัน: 4.3 กรัม
คาร์โบไฮเดรต: 3 กรัม
ใยอาหาร (ไฟเบอร์): 2.8 กรัม
โปรตีน: 1.9 กรัม
น้ำตาล: 0.2 กรัม
โซเดียม: 3.1 มิลลิกรัม
คาร์โบไฮเดรตส่วนใหญ่ในเมล็ดแฟลกซ์คือ ใยอาหาร (Fiber) ซึ่งมีสูงถึง 2.8 กรัมต่อหนึ่งช้อนโต๊ะ ไฟเบอร์นี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในการ ส่งเสริมสุขภาพลำไส้, ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล และทำให้รู้สึก อิ่มนานขึ้น ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ เมล็ดแฟลกซ์ยังมีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Load) เป็นศูนย์ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือด
ไขมันในเมล็ดแฟลกซ์ส่วนใหญ่เป็น ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated Fats) ซึ่งเป็นไขมันดี โดยเฉพาะ กรดอัลฟาไลโนเลนิก (ALA) ซึ่งเป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 จากพืชที่สำคัญต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
แม้จะมีโปรตีนไม่สูงมาก แต่การเติมเมล็ดแฟลกซ์ในอาหารก็ช่วยเพิ่มโปรตีนได้เล็กน้อย นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น วิตามิน B1 (ไทอามีน), แมงกานีส, และ แมกนีเซียม ซึ่งจำเป็นต่อระบบเผาผลาญและการทำงานของระบบประสาท
แม้ว่าเมล็ดแฟลกซ์จะไม่ใช่ยารักษาวิเศษ แต่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นได้ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน:
บำรุงสุขภาพหัวใจ: การศึกษาพบว่าเมล็ดแฟลกซ์อาจช่วย ลดความดันโลหิต และชะลอการเกิดภาวะหลอดเลือดแข็งตัวได้
อาจช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิด: เมล็ดแฟลกซ์อุดมไปด้วย ลิกแนน (Lignans) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มไฟโตเอสโตรเจน งานวิจัยบางชิ้นชี้ว่าอาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมากได้
ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: ใยอาหารในเมล็ดแฟลกซ์ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2 หรือภาวะก่อนเบาหวาน
บรรเทาอาการท้องผูก: ด้วยปริมาณไฟเบอร์ที่สูงมาก เมล็ดแฟลกซ์จึงเป็นยาระบายตามธรรมชาติที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
อาจช่วยในการควบคุมน้ำหนัก: ไฟเบอร์ทำให้รู้สึกอิ่มนาน ลดความอยากอาหาร จึงอาจมีส่วนช่วยในการจัดการน้ำหนัก
เพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารจากเมล็ดแฟลกซ์ได้ดีที่สุด แนะนำให้รับประทานในรูปแบบบด คุณสามารถบดเองสดๆ ด้วยเครื่องบดกาแฟ หรือซื้อแบบที่บดมาแล้ว
วิธีรับประทานง่ายๆ:
โรยบนโยเกิร์ต สลัด หรือซีเรียล
ผสมในสมูทตี้ (จะทำให้เครื่องดื่มข้นขึ้น)
ใช้เป็นส่วนผสมในการทำขนมอบ เช่น คุกกี้ มัฟฟิน หรือขนมปัง
การเก็บรักษา:
เมล็ดเต็ม: เก็บในภาชนะที่ปิดสนิทในที่แห้งและเย็นได้นานถึง 12 เดือน
เมล็ดบด: ไวต่อการเกิดกลิ่นเหม็นหืน ควรเก็บในภาชนะทึบแสงในตู้เย็นหรือช่องแช่แข็ง
น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์: เก็บในที่เย็นและมืด ห่างจากความร้อน
แม้จะมีประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการ:
เมล็ดดิบหรือยังไม่สุก: อาจมีสารประกอบที่อาจเป็นพิษ ควรรับประทานเฉพาะเมล็ดที่สุกและแห้งแล้วเท่านั้น
ปริมาณที่แนะนำ: โดยทั่วไปผู้ใหญ่สามารถรับประทานได้ 1-2 ช้อนโต๊ะต่อวัน การรับประทานมากเกินไปอาจทำให้ท้องอืดหรือท้องเสียได้
สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร: ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน เนื่องจากอาจส่งผลต่อฮอร์โมน
ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ: ควรหลีกเลี่ยง เพราะโอเมก้า 3 อาจทำให้เลือดแข็งตัวช้าลง
การแพ้: แม้จะพบได้น้อย แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ หากสงสัยว่ามีอาการแพ้ควรปรึกษาแพทย์