ขั้นตอนและวิธีการทำทรีตเมนต์ด้วยกรด Glycolic
— ตามหลักการแพทย์ เพื่อรักษาฝ้า กระและริ้วรอย
การทำทรีตเมนต์หรือการผลัดเซลล์ผิวหรือ Peeling เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน และให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก แต่การจะให้ได้ผลลัพธ์ที่สูงสุดจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้กรดไกลโคลิกที่ความเข้มข้นสูง ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้
ด้วยเหตุนี้ผมจึงอยากจะแนะนำเพื่อนสมาชิกเบรได้ศึกษาถึงหลักการ และขั้นตอนในการทำทรีตเมนต์อย่างที่แพทย์ผิวหนัง (Dermatologist) ทั่วไปทำกันที่คลินิกและที่โรงพยาบาล เพื่อให้ได้ผลตามที่ต้องการและหลีกเลี่ยงอาการข้างเคียงให้ได้มากที่สุด
บทความนี้น่าจะช่วยเพื่อนสมาชิกส่วนใหญ่ได้เข้าใจและปฏิบัติอย่างถูกวิธี ไม่ต้องเสี่ยงลองผิดลองถูกกันเองหรือไปเรียนรู้มาอย่างผิดวิธี ส่วนสมาชิกบางท่านที่เก่งและชำนาญอยู่แล้ว อาจจะมีเคล็ดลับพิเศษที่แตกต่างออกไป แต่ถ้าท่านอยากจะแบ่งปันให้เพื่อนสมาชิกอื่นได้เรียนรู้บ้างก็แจ้งทางทีมงานของเราได้ครับ
ผมขอเริ่มเลยนะครับ ก่อนอื่นอยากจะให้เพื่อนสมาชิกได้รู้ก่อนว่าในการทำทรีตเมนต์จะมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องหลักๆ ดังนี้ครับ
- PREPEEL GLYCOLIC CREAM: 5% Glycolic acid + HydroSYN complex™ ผสมกับ Hypoallergic vanishing cream base และ moisturizer.
- AHA 30% - 70%: กรดไกลโคลิกใน Hypoallergic clear solution หรือ gel
- RENOVATE SKIN CREAM: Glycolic acid 10% + HydroSYN complex™ ผสม special vanishing cream, Non allergic base และ moisturizers.
หลักการ
- ฝ้า (Melasma) - ฝ้ามีการสร้างและสะสมของเม็ดสีเมลานิน (melanin pigment) เพิ่มขึ้นในชั้นผิวของ epidermis, stratum corneum และ upper dermis โดยมีการเพิ่มการทำงานของเอ็นไซม์ไทโรซิเนส (tyrosinase activity) มากขึ้น
- ร่องผิวที่เกิดจากวัยและริ้วรอย (Aging and Superficial Wrinkle) เกิดจากการเสื่อมตามวัยหลายกระบวนการ (Aging process) ด้วยกัน แต่ผลลัพธ์สุดท้ายจะมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้คือ :-
- Mild scale with cigarette paper appearance เกิดจากผิวชั้น stratum corneum ไม่มีความชุ่มชื้น และมีการหลุดลอกออกช้าลง ทำให้เมื่อดูด้วยตาเปล่าจะเห็น ผิวหนังแห้ง หยาบกร้าน มีริ้วรอยเล็ก (Fine scale) และเกิดมีรอยเหี่ยวย่นเล็กๆ ตื้นๆ ขึ้นทั่วไป
- ผิวหนังชั้น Epidermis ทั่วไปจะบางลง แต่ก็มีบางหย่อมที่หนาตัวขึ้น เกิดเป็นลักษณะของ Seborrheic Keratosis, Lentigines (กระแดด รอยด่างดำบนใบหน้า) เป็นต้น
- เซลล์เมลาโนไซต์ (Melanocyte) ลดจำนวนลงทั่วไป แต่บางแห่งกลับเพิ่มจำนวนมากขึ้น และบางแห่งเซลล์เมลาโนไซต์จะไม่ทำงาน ในขณะที่บางแห่งกลับมีการทำงานเพิ่มขึ้น ทำให้เห็นเป็นหย่อมของสีผิวที่ไม่เรียบเนียน สม่ำเสมอ — มีลักษณะขาวและดำเป็นแห่งๆ ไป
- เนื้อเยื่อ Elastic tissue ทำงานลดลง เกิดมี Solar elastosis
- การสังเคราะห์คอลลาเจน (Collagen synthesis) ลดลง
- สาร Glycosaminoglycan ที่ชั้นผิวลดลง
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เป็นผลรวมที่เกิดจาก Photoaging และ Chronological aging (การแก่ตัวที่เกิดจากแสง และเกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามเวลา)
Glycolic acid เป็นสารที่มีผลช่วยให้ผิวหนังดีขึ้น โดย
กรดไกลโคลิกที่ความเข้มข้นน้อยกว่า 20% (Low concentration) ถือว่าเป็น mild keratolytic และมีสรรพคุณเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ด้วย โดยกรดไกลโคลิกจะผ่านลึกลงไปในชั้นล่างของผิวหนังชั้น stratum corneum และไปขัดขวางการยึดเกาะของเซลล์ผิวหนัง โดยไปยับยั้งพันธะในของช่องว่างระหว่างเซลล์ ทำให้เซลล์ผิวชั้น stratum corneum หลุดออกได้ง่ายขึ้น
ผลที่ตามมาก็คือ จะเกิดมีเซลล์ผิวใหม่เกิดขึ้นมาแทนที่ ทำให้ผิวแลดูอ่อนวัย เต่งตึง ลดรอยเหี่ยวย่น (ตรงข้ามกับ urea ซึ่งมีสรรพคุณเป็น keratolytic ที่ทำให้เฉพาะผิวชั้นบนหลุดออกมาเท่านั้นและมี cell turnover rate เร็วขึ้น)
ในกรณีของฝ้า (melasma) ก็ทำให้เม็ดสีเมลานินหลุดลอกออกมาเร็วขึ้น ทำให้หน้าใสขึ้นทันที ผลจากการใช้กรดไกลโคลิกในการลดริ้วรอยและความเสื่อมโทรมตามวัย สามารถพิสูจน์ได้โดยการดูเนื้อเยื่อด้วยกล้องจุลทรรศน์ (histology) ว่าทำให้โครงสร้างผิวหนังดีขึ้นจริง
HydroSYN complex™ เป็นสารประกอบ 2 ตัวที่ทำงานเสริมฤทธิ์กันในการยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ tyrosinase ทำให้ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน (melanin pigment) ทำให้ได้ผลเป็นทวีคูณเมื่อใช้ร่วมกับ glycolic acid ในการรักษาคนที่มีปัญหาเรื่องจุดด่างดำ (Hyperpigmentation) เช่น ฝ้าหรือกระ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ (Anti-inflammation) จึงช่วยลดอาการข้างเคียงของกรดไกลโคลิกได้
- PREPEEL GLYCOLIC CREAM จึงเป็นสูตรที่ควรใช้ก่อนทำ peeling ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อทำให้ผิวหน้าปรับตัวต่อกรดไกลโคลิกก่อน และเมื่อทำ peeling จะทำให้ลดผลข้างเคียงของการทำ peeling ได้ ส่วน HydroSyn complex ก็เริ่มทำงานได้ก่อนเลย ทำให้ผิวหนังขาวใส (Whitening effect) เกิดขึ้นเร็ว
- AHA 30% - 70% (glycolic acid) เป็นสาร chemical peeling ที่ทำให้ stratum corneum, สิวเสี้ยนหรือสิวอุดตัน (Comedones), seborrheic keratosis และ aging lesions อื่นๆ หลุดลอกออกมาได้
- RENOVATE SKIN CREAM ใช้ทาหลังจากทำ peeling แล้ว ทำให้ผิวหนังนุ่มนวล ลดอาการระคายเคียงและลดการอักเสบที่เป็นผลจาก glycolic acid (ในเปอร์เซ็นต์สูง) เพื่อให้กรดไกลโคลิกออกฤทธิ์ต่อเนื่อง ทำให้ผิวหนังดูดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขั้นตอนการรักษาฝ้า กระและริ้วรอย
- อธิบายให้ลูกค้าของท่านเข้าใจถึงกระบวนการทั้งหมดและผลที่จะเกิดขึ้นจากการใช้ รวมไปถึงผลลัพธ์ที่จะเห็นผลชัดเจนในระยะ 1 – 2 เดือน แต่จะเริ่มเห็นผลภายใน 2 สัปดาห์
- เริ่มต้นโดยใช้ Anti-Wrinkle Foam ล้างหน้าเช้าและก่อนนอน จากนั้นให้ทาทั่วใบหน้าด้วย Silky Touch Sunblock SPF 50 With Silicone Base ในตอนเช้าและทา PREPEEL GLYCOLIC CREAM ทั่วหน้าก่อนนอน โดยให้ทำเช่นนี้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนที่จะนัดลูกค้ามาทำ peeling หรืออาจจะทำ peeling ในวันแรกเลยก็ได้ แล้วจัด PREPEEL GLYCOLIC CREAM ให้กลับมาทาต่อที่บ้านในสัปดาห์แรกเลยก็ได้
- ทำทรีตเมนต์หรือ Peeling โดยให้ลูกค้าล้างหน้าให้สะอาด และใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ 70% เช็ดให้ทั่วหน้าเพื่อล้างเอาไขมันที่ใบหน้าออก จากนั้นให้เอา prepeel cleanser เช็ดทำความสะอาดขั้นสุดท้าย
จากนั้นใช้วาสลีนทาบริเวณขอบตาและมุมปาก แล้วใช้สำลีพันปลายไม้จุ่ม AHA 30% พอหมาดๆ ทาให้ทั่ว ทิ้งไว้ 2-3 นาที (ระวัง บริเวณที่ใกล้ขอบตา อย่าให้ยาไปถูกมากเกินไป) เมื่อครบเวลาแล้วให้สเปรย์ด้วย peel neutralizer หรืออาจจะใช้ผ้าหรือสำลีชุบน้ำเย็นเช็ดให้ทั่วหน้า (ลูกค้าอาจจะความรู้สึกแปลบๆ บริเวณที่ทายา - stinging effect) ครั้งต่อไปจะใช้ AHA นาน 5 – 8 นาที อีก 5 ครั้ง โดยห่างกันครั้งละ 2 สัปดาห์ – 1 เดือน
NOTE: ในครั้งแรกที่ทำทรีตเมนต์ควรเริ่มต้นด้วย AHA ที่ความเข้มข้น 30% - 50% และควรทิ้งไว้ 2-3 นาที ครั้งต่อไปก็เพิ่มเวลามากขึ้นเป็น 5 นาที — ครั้งต่อไปก็เพิ่มเวลาขึ้นไปอีกอาจจะถึง 7-10 นาที — ครั้งถัดไป ถ้าไม่ระคายผิวมาก อาจจะปรับความเข้มข้นของ AHA สูงมากขึ้นตามลำดับ |
|
*** ผลลัพธ์ก็จะดีมากขึ้นตามความเข้มข้นของกรดไกลโคลิก
ที่สูงขึ้นและระยะเวลาที่ทาทิ้งไว้
- หลังทำ peeling แล้วให้ใช้ RENOVATE SKIN CREAM ทาทั่วหน้าก่อนนอน โดยล้างหน้าด้วย Anti-Wrinkle Foam ก่อนทายา และใช้ครีมกันแดด Silky Touch Sunblock SPF 50 With Silicone Base ทาทั่วหน้าในตอนเช้าเหมือนเดิม
หลังจากผ่านการทำทรีตเมนต์ไปแล้ว 6 ครั้ง ผิวหน้าของลูกค้าจะดีขึ้นมาก ทั้งฝ้า กระและริ้วรอยย้ำลึก จากนั้นให้คงสภาพผิวหน้าไว้โดยให้ใช้ RENOVATE SKIN CREAM ทาไปตลอด หรืออาจจะใช้ครีมชนิดอื่นร่วมด้วยก็ได้ เพื่อช่วยเสริมในการรักษาฝ้าก็ได้ โดยเฉพาะพวกฝ้าที่หนาๆ ก็อาจจะใช้Perfect Melasma Clear Cream ทาร่วมเช้า – เย็นด้วยก็ได้ จะทำให้ได้ผลดียิ่งขึ้น ในระยะนี้ สภาพผิวหน้าของลูกค้าจะมีอาการดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ และจะดีขึ้นเรื่อยๆ
สรุปขั้นตอนการรักษา
สัปดาห์แรก PREPEEL GLYCOLIC CREAM, Silky Touch Sunblock, Mild soap
สัปดาห์ที่ 2 ทรีตเมนต์ด้วย AHA 30% - 70%, RENOVATE SKIN CREAM, Sunblock, Mild soap
เมื่อครบ 6 ครั้ง (รวม 3 – 6 เดือน) ให้ดูแลรักษาเพื่อคงสภาพผิวด้วย RENOVATE SKIN CREAM, Sunblock, Mild soap + Perfect Melasma Clear Cream
ข้อดีของ Glycolic acid
- ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
- ช่วยรักษาฝ้า กระและริ้วรอยได้
- ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสและกระชับเรียบเนียนได้
- การทำไม่ซับซ้อนและราคาประหยัด
- ไม่มีปัญหาเรื่องแพ้หรือมีก็น้อยมาก
- ดูดซึมผ่านผิวหนังชั้น stratum corneum ได้ดี ถ้าในความเข้มข้นที่สูง จะมีผลต่อผิวชั้น dermis ด้วย
- มีคุณสมบัติเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ด้วย
อาการข้างเคียง
- เกิดผิวหนังอักเสบ (Irritant Contact Dermatitis) ได้
- เกิดผื่นแดง (Erythema) ได้มากกว่าการทำ peeling ด้วยกรด TCA
- เกิดจุดด่างดำ (PIH: Post-inflammatory Hyperpigmentation) ได้ คล้ายกับ PIH
- ที่เกิดจากการ peel ด้วยกรด TCA (วิธีแก้ไข ใช้ครีมกันแดดคุณภาพสูงและครีมที่มีสรรพคุณต้านการอักเสบในตัว)
- มีอาการคันยิบ (Stinging effect) ในสัปดาห์แรกของการทายา คล้ายอาการที่เกิดจากการใช้ Azelaic acid cream
ไม่ควรใช้ใน
- คนที่ใช้กรดวิตามินเอ (Vit A acid) มาก่อน จนมีผิวบาง ต้องให้หยุดยาอย่างน้อย 1 เดือน
- คนที่ใช้ยาอื่นๆ จนมีผิวหนังบางมาก
- คนที่ผ่านการทำทรีตเมนต์บ่อยเกินไป มากกว่า 1ครั้งใน 1 สัปดาห์
- คนที่มีผิวขาว, บอบบาง และอายุน้อย ให้ระวัง
- คนที่มีปัญหาเรื่องความเครียดและกังวลมาก
- มีประวัติเป็นเริม (Herpes simplex) ภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนทำทรีตเมนต์