ผู้ป่วยไตเสื่อมรับประทานเกลือได้หรือไม่
การจำกัดปริมาณเกลือ เป็นส่วนสำคัญในการจัดการ CKD ช่วยชะลอความเสื่อมของไต ควบคุมความดันโลหิต และลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
สำหรับผู้ที่เป็นโรคไตเสื่อม (CKD) การควบคุมการบริโภคเกลือเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากโรคนี้มีผลกระทบต่อการดูแลสุขภาพของไต ดังนั้น ควรจำกัดการบริโภคเกลือในอาหารเพื่อลดการทำงานของไตและควบคุมความดันโลหิตในระดับที่เหมาะสม
การบริโภคโซเดียม
คนปกติรับประทานเกลือโซเดียม ไม่ควรกินเกินวันละ 2,000-2300 มิลลิกรัมต่อวัน หรือประมาณ 1 ช้อนชา หรือเทียบเท่า น้ำปลา 5 ช้อนชา ร่างกายต้องการโซเดียมในปริมาณเล็กน้อยเพื่อควบคุมความดันโลหิต เมื่อเป็นโรคไตร่างกายจะไม่สามารถกำจัดโซเดียมส่วนเกินออกไปได้ ทำใหมีการคั่งของเกลือและน้ำเกิดอาการบวมเท้า ความดันโลหิตสูง หากปริมาณน้ำและเกลือคั่งมากจะเกิดน้ำท่วมปอด และเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ อ่านเรื่องการลดเกลือโดยการเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงรส ขนมคบเคี้ยว อ่านเรื่องเกลือและสุขภาพ
ปริมาณเกลือที่แนะนำสำหรับผู้ป่วยไตเสื่อม (CKD)
ผู้ป่วย CKD ควรจำกัดปริมาณเกลือ (โซเดียม) ที่รับประทานต่อวัน ดังนี้
- ระยะ CKD 1-2: ไม่เกิน 2,300 มิลลิกรัม (ประมาณ 1 ช้อนชา)
- ระยะ CKD 3a: ไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม (ประมาณ 1/2 ช้อนชา)
- ระยะ CKD 3b: ไม่เกิน 1,500 มิลลิกรัม (ประมาณ 1/3 ช้อนชา)
- ระยะ CKD 4: ไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัม (ประมาณ 1/4 ช้อนชา)
เหตุผลที่ต้องจำกัดเกลือ
- เกลือส่วนเกินจะเพิ่มภาระการทำงานของไต
- เกลือสามารถเพิ่มความดันโลหิต
- เกลือสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง
อาหารที่มีเกลือมาก
- อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน
- อาหารกึ่งสำเร็จรูป เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง
- อาหารหมักดอง เช่น ผักดอง ปลาร้า
- อาหาร đóng hộp
- ซอสต่างๆ เช่น ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก ซอสถั่วเหลือง
- น้ำปลา
- อาหารฟาสต์ฟู้ด
วิธีลดปริมาณเกลือ
- อ่านฉลากโภชนาการบนบรรจุภัณฑ์อาหาร
- เลือกซื้ออาหารสด ปรุงเอง
- ลดการปรุงรสด้วยเกลือ ซอสต่างๆ
- ใช้สมุนไพรและเครื่องเทศเพิ่มรสชาติ
- ทานอาหารรสจืด
- หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารกึ่งสำเร็จรูป อาหารหมักดอง อาหาร đóng hộp และอาหารฟาสต์ฟู้ด
คำแนะนำเพิ่มเติม
- ปรึกษาแพทย์หรือโภชนากรเพื่อรับคำแนะนำในการรับประทานอาหารที่เหมาะสม
- ฝึกอ่านฉลากโภชนาการเพื่อดูปริมาณโซเดียม
- ค่อยๆ ลดปริมาณเกลือที่ใช้
- หาวิธีปรุงอาหารให้อร่อยโดยไม่ต้องใช้เกลือมาก
ตัวอย่างอาหารโซเดียมต่ำ
- ผักสด
- ผลไม้สด
- ข้าวกล้อง
- ธัญพืชไม่ขัดสี
- เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
- ปลา
- ไข่
- นม
- โยเกิร์ต
ดังนี้คือข้อแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานเกลือสำหรับผู้ที่เป็นโรคไตเสื่อม:
ควบคุมปริมาณเกลือ: ควรจำกัดการบริโภคเกลือในอาหารโดยรับประทานอาหารที่มีปริมาณเกลือต่ำลง หลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณเกลือสูง เช่น อาหารปรุงสุกและอาหารแบบอบ เนื่องจากอาหารแบบนี้มักจะมีปริมาณเกลือสูง
อาหารที่มีปริมาณเกลือสูง: หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีปริมาณเกลือสูง เช่น อาหารตามร้านอาหารจึน อาหารปรุงสุก เนยถั่ว นมข้น สปาเก็ตตี้ซอส เป็นต้น
การเลือกใช้สมุนไพรแทนเกลือ: สามารถใช้สมุนไพรหรือเครื่องปรุงรสที่ไม่มีเกลือเป็นส่วนผสม เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับอาหารได้
การดูแลสัดส่วนอาหาร: การรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมอย่างมีความสมดุล เช่น ผักผลไม้ โปรตีนจากเนื้อสัตว์หรือแห้ง และคาร์โบไฮเดรตจากข้าว ขนมปังธัญพืช โปรตีนจากถั่วเหลือง เป็นต้น
การใช้วิธีการปรุงอาหารที่เหมาะสม: ควรเลือกใช้วิธีการปรุงอาหารที่ไม่ใช้เกลือมาก เช่น ต้ม นึ่ง ย่าง หรือทอดโดยไม่ใช้น้ำมันมาก
ข้อควรระวัง:
การควบคุมปริมาณเกลือในอาหารเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่เป็นโรคไตเสื่อม แต่ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนที่จะทำการเปลี่ยนแปลงแผนการรับประทานอาหาร เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมต่อสุขภาพร่างกายและโรคประจำตัวของแต่ละบุคคล การปรับเปลี่ยนอาหารควรพิจารณาโดยใช้ข้อมูลจากแพทย์หรือนักโภชนาการที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคไตเสื่อมได้อย่างเหมาะสม
- การควบคุมอาหารเค็ม เป็นหัวใจสำคัญสำหรับผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรัง ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง หรือมีอาการบวม
- เทคนิคการควบคุมอาหารเค็ม ได้แก่ ทำอาหารลดเค็มลงครึ่งหนึ่ง หลีกเลี่ยงการซื้ออาหารปรุงสำเร็จรูป ลดการเติมน้ำปลา/ซีอิ้ว/เกลือ ลงในอาหาร ไม่ควรใช้เกลือ/ซีอิ้ว/น้ำปลา สูตรโซเดียมต่ำ เนื่องจากมีส่วนประกอบเป็นเกลือโพแทสเซียม ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้
- ใช้สมุนไพรหรือเครื่องเทศทดแทนรสชาติ เช่น ใบกระเพรา ใบโหรพา กระวาน พริกไทย ผักชีฝรั่ง หมาร่า เป็นต้น
- อาหารอื่นๆ ที่มีโซเดียมค่อนข้างสูง ได้แก่ อาหารแปรรูป (ไส้กรอก หมูยอ ปลาเค็ม) อาหารแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูป (โจ๊กซอง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป) อาหารกระป๋อง ของหมักดอง (ผักดอง ปลาร้า กะปิ) ขนมกรุบกรอบ (มันฝรั่งทอด) ผงฟู/เบรกกิ่งโซดา (ขนมปัง เค้ก เบเกอรี่) เป็นต้น
- ปริมาณโซเดียมที่ควรบริโภคคือ 2,000 มิลลิกรัม/วัน ดังนั้น การใส่เกลือ 1 ช้อนชาในอาหาร ก็จะได้โซเดียม 2,000 มิลลิกรัมแล้ว หันไปปรุงรสด้วยเครื่องปรุงที่มีปริมาณโซเดียมต่ำแทน
ตัวอย่างอาหาร ที่เหมาะกับผู้ป่วย CKD
- ผัก: ผักใบเขียว กะหล่ำปลี แครอท มะเขือเทศ ฟักทอง
- ผลไม้: แอปเปิ้ล กล้วย ส้ม ฝรั่ง แตงโม
- ธัญพืชไม่ขัดสี: ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีต
- โปรตีน: ปลา ไก่ ไข่ เต้าหู้ ถั่ว
- ไขมันที่ดี: น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่ว
ตัวอย่างอาหาร ที่ควรหลีกเลี่ยง
- อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน
- อาหารหมักดอง เช่น ผักดอง ปลาร้า
- อาหารกึ่งสำเร็จรูป เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง
- อาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารสำเร็จรูป ซอสต่างๆ น้ำปลา
- อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น กล้วย กีวี มะเขือเทศ
- อาหารที่มีฟอสฟอรัสสูง เช่น เครื่องในสัตว์ ถั่วบางชนิด
- อาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม เนย ชีส
การปรุงอาหาร
- ต้ม นึ่ง อบ ย่าง แทนการทอด
- ลดการปรุงรสด้วยเกลือ ซอสต่างๆ
- ใช้สมุนไพรและเครื่องเทศเพิ่มรสชาติ
คำแนะนำเพิ่มเติม
- ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- ทานอาหารเป็นเวลา
- ทานอาหารมื้อย่อย
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ปรึกษาแพทย์หรือโภชนากรเพื่อรับคำแนะนำ
- โรคไตเสื่อม
- อาการโรคไตเสื่อม
- การวินิจฉัยโรคไตเรื้อรัง
- การแบ่งระดับความรุนแรงของโรคไตเสื่อม
- การักษาไตเสื่อม
- การป้องกันไตเสื่อม
- การรับประทานอาหารเพื่อป้องกันไตเสื่อม
- การออกกำลังกายสำหรับไตเสื่อม
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
