อาการของโรคความดันโลหิตสูง
โรคความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ เนื่องจากความดันโลหิตจะเพิ่มอย่างช้าๆทำให้ร่างกายโดยเฉพาะหลอดเลือดปรับตัวทันขึงไม่มีอาการ ผู้ป่วยความดันโลหิตส่วนใหญ่จะมาด้วยโรคแทรกซ้อนโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นความดันโลหิตสูง ดังนั้นจึงแนะนำให้วัดความดันทุก 2 ปีสำหรับคนที่ความดันโลหิตปกติ อาการที่ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่พาผู้ป่วยมาโรงพยาบาลได้แก่
ปวดศีรษะ
ผู้ป่วยมักจะมีอาการปวดศีรษะในกรณีที่ความดันขึ้นอย่างรวดเร็วหรือเกิดภาวะ Hypertensive crisis โดยทั่วไปความดันโลหิตตัวบน Systolic จะมากกว่า 110 มม ปรอท หรือ Diastolic มากกว่า 110 มม ปรอท อาการปวดศีรษะมักจะปวดมึนๆบางคนปวดตลอดวัน ปวดมากเวลาถ่ายอุจาระ หากเป็นมากจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน
เลือดกำเดาไหล
ร้อยละ 17 ของผู้ป่วยที่เลือดกำเดาไหลจะเป็นความดันโลหิตสูงดังนั้นผู้ที่มีเลือดกำเดาออกต้องวัดความดันโลหิต
มึนงง Dizziness
อาการมึนงงเป็นอาการทั่วๆไปพบได้ในหลายภาวะ เช่นเครียด นอนไม่พอ ทำงานมากไป น้ำตาลในเลือดสูง แต่ก็อาจจะพบในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยมักจะบอกว่ารู้สึกไม่แจ่มใส สมองตื้อๆ
ตามัว
ในรายที่ความดันโลหิตสูงเป็นมากและมีการเปลี่ยนแปลงของจอรับภาพผู้ป่วยก็จะมีปัญหาทางสายตา
เหนื่อยง่ายหายใจหอบ
อาการหอบ เหนื่อยง่าย เวลาออกแรง เช่น เดิน วิ่ง ทำงาน มีสาเหตุมากมาย เช่น โลหิตจาง(ซีด) โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง โรคปอด ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ โรคหัวใจ ภาวะหัวใจล้มเหลว (heart failure) แม้แต่ความวิตกกังวล หรือ โรคแพนิค ก็ทำให้เหนื่อยได้เช่นกัน อาการเหนื่อยง่ายจากโรคหัวใจ และ ภาวะหัวใจล้มเหลวนั้น จะเหนื่อย หอบ หายใจเร็ว โดยเป็นเวลาออกแรง แต่ในรายที่เป็นรุนแรง จะเหนื่อยในขณะพัก บางรายจะเหนื่อยมากจนนอนราบไม่ได้ (นอนแล้วจะเหนื่อย ไอ) ต้องนอนศีรษะสูงหรือ นั่งหลับ คำว่าเหนื่อย หอบ ในความหมายของแพทย์หมายถึง อัตราการหายใจมากกว่าปกติ แต่ในความหมายของผู้ป่วยอาจรวมไปถึง อาการเหนื่อยเพลีย หมดแรง เหนื่อยใจ
แน่หน้าอก
โรคความดันโลหิตสูงมักแสดงอาการหลายอย่าง เช่น: - ปวดศีรษะรุนแรง - อ่อนเพลีย - ปัญหาการมองเห็น - อาการเจ็บหน้าอก - หายใจเหนื่อย - ชีพจรผิดปกติ
อาการต่อไปนี้เข้าได้กับอาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจขาดเลือด
- เจ็บแน่นๆ อึดอัด บริเวณกลางหน้าอกส่วนใหญ่จะเป็นด้านซ้าย หรือ ทั้งสองด้าน (มักจะไม่เป็นด้านขวาด้านเดียว) บางรายจะร้าวไป ที่แขนซ้าย หรือ จุกแน่นที่คอ บางรายเจ็บบริเวณกรามคล้ายเจ็บฟัน
- อาการตามข้อ 1 เกิดขึ้นขณะออกกำลัง หรือทำงานหนัก เช่น เดินเร็วๆ รีบ หรือ ขึ้นบันได วิ่ง โกรธโมโห โดยมากมักจะไม่เกิด 10 นาที อาการดังกล่าวจะดีขึ้นเมื่อหยุดออกกำลัง
- ในบางรายที่อาการรุนแรง อาการแน่นหน้าอกอาจเกิดขึ้นในขณะพัก เช่น นั่ง หรือ นอน หรือ หลังอาหาร
- กรณีที่เกิดหลอดเลือดหัวใจอุดตัน กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน อาการจะรุนแรงมาก อาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น เหงื่อออก มาก เป็นลม (อาการเช่นนี้ยังพบได้ในโรคของหลอดเลือดแดงใหญ่ปริ ฉีก) หมดสติ
จะเริ่มวัดความดันโลหิตเมื่อไร
การทดสอบความดันโลหิตถือเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสุขภาพส่วนใหญ่ การตรวจคัดกรองความดันโลหิตเป็นส่วนสำคัญของการดูแลสุขภาพโดยทั่วไป
คุณควรตรวจความดันโลหิตบ่อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับอายุและสุขภาพโดยรวมของคุณ
- ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปซึ่งมีความดันโลหิตที่เหมาะสมและไม่มีปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจ ควรตรวจความดันโลหิตอย่างน้อยหนึ่งครั้งทุกๆ 2 ถึง 5 ปี
- หากคุณอายุ 18 ถึง 39 ปี และคุณไม่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อความดันโลหิตสูง ให้ไปตรวจความดันโลหิตอย่างน้อยทุกๆ 3 ถึง 5 ปี
- ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือน้อยกว่าที่มีความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูงควรได้รับการตรวจความดันโลหิตทุกปี ปัจจัยเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูง ได้แก่ โรคอ้วนและการเป็นคนผิวดำ
- ผู้ที่มีภาวะสุขภาพเรื้อรังเช่น ความดันโลหิตสูงหรือต่ำ หรือโรคหัวใจ อาจจำเป็นต้องได้รับการตรวจความดันโลหิตบ่อยขึ้น
ผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณอาจแนะนำให้คุณตรวจความดันโลหิตที่บ้าน เครื่องวัดความดันโลหิตอัตโนมัติที่บ้านใช้งานง่าย บางส่วนสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ ทำให้คุณสามารถส่งข้อมูลไปยังเวชระเบียนออนไลน์ได้ ถามผู้ให้บริการของคุณว่านี่เป็นตัวเลือกสำหรับคุณหรือไม่
เป็นความคิดที่ดีที่จะเก็บบันทึกการอ่านค่าความดันโลหิตที่บ้านของคุณไว้ นอกจากนี้ ให้ผู้ดูแลตรวจสอบจอภาพของคุณปีละครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับค่าที่อ่านได้แม่นยำ
การตรวจวัดความดันโลหิตที่บ้านไม่สามารถทดแทนการไปพบผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณได้
คำจำกัดความดันโลหิตสูง | สาเหตุความดันโลหิตสูง |
ทบทวนวันที่ 17/2/2566
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว