การเติมสารเพิ่มความหวานจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานและโรคแทรกซ้อน

จากการศึกษาทั้งในสัคว์ทดลองและในคนพบว่าการเติมสารให้ความหวาน ทำให้อุบัติการของโรคเบาหวานชนิดที่2เพิ่มสูงมากขึ้น

  • จากการศึกษาพบว่าเมื่อรับประทานอาหารที่เป็นแป้งมีพลังงานเท่ากับน้ำตาล พบว่าอาหารที่มีน้ำตาลจะทำให้เกิดโรคเบาหวาน และโรคแทรกซ้อน(ทางระบบประสาท ทางไต และทางตา)มากกว่าอาหารพวกแป้งที่มีพลังงานเท่ากัน
  • การลดลงเหลือร้อยละ5-10ของพลังงานทั้งหมดจะลดการเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน
  • มีรายงานว่าการรับประทานน้ำตาลจะเป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง (ตีพิมพ์ใน (Open Heart. 2014;1:e000167)
  • ข้อเท็จจริงคนอเมริกาจะรับประทานน้ำตาลวันละ 22-47 ช้อนชา(สำหรับประเทศไทย)
  • น้ำตาล Sugar (or sucrose) ที่เรารับประทานทำจากอ้อยประกอบไปด้วยกลูโคส และฟรักโตสเท่ากันคือร้อยละ50 น้ำตาลทั้งสองชนิดมีการเชื่อมต่อด้วย chemical bonds

 

  • น้ำตาล High-fructose corn syrup ที่ใช้สำหรับเติมให้ความหวานก็ประกอบไปด้วยกลูโคสและฟรักโตสเท่าๆกันแต่ไม่ได้มีการเชื่อมต่อ
  • พบว่าทั้งน้ำตาล Sugar (or sucrose) หรือ น้ำตาล High-fructose corn syrup ทำให้อุบัติการณ์การเกิดเบาหวานเพิ่มสูงขึ้น พบว่าหากรับประทานน้ำตาลวันละ150kcalต่อวันจะมีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น 11 เท่า หากบดน้ำตาลเหลือไม่เกินร้อยละ5 ของพลังงานที่รับประทานจะทำให้ระดับอินซูลินกลับสู่ปกติ
  • จึงแนะนำให้รับประทานอาหารธรรมชาติแทนอาหารที่ผ่านกระบวนการผลิต เช่นทานผลแทนน้ำตาลฟรักโตส
  • สมาคมโรคหัวใจของอเมริกาแนะนำว่าสตรีไม่ควรที่จะรับน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชา(24กรัม หรือ 100 แคลอรี่ี่) ส่วนผู้ชายไม่เกิน 9 ช้อนชา(36 กรับหรือ 150 แคลอรี่ี่)และตัดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลไม่เกิน1000ซีซี(450 แคลอรี่ี่)ต่อสัปดาห์
  • แนะนำว่าเพื่อสุขภาพไม่ควรจะปรุงรสหวานไม่ว่าจะเป็น้ำตาลประเภทใด

เอกสารอ้างอิง Mayo Clin Proc. 2015. Published online January 29, 2015

เรื่องที่เกี่ยวข้อง