หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
การรักษาโรคไตเรื้อรังมักมีการจำกัดอาหารเป็นส่วนสำคัญเพื่อช่วยควบคุมความเสี่ยง และรักษาสุขภาพของไตอย่างเหมาะสม การกินอาหารที่เหมาะสมและการควบคุมปริมาณสารอาหารที่เข้าสู่ร่างกายเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดการเสี่ยงต่อการเสียชีวิต และลดโอกาสในการพัฒนาภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับโรคไตเรื้อรัง ดังนั้น สำหรับผู้ที่มีโรคไตเรื้อรังหรือมีความเสี่ยงต่อโรคนี้ การปฏิบัติตามแผนอาหารที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
1. ควบคุมปริมาณโปรตีน: ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังควรจำกัดปริมาณโปรตีนที่รับประทาน เนื่องจากการเผาผลาญโปรตีนอาจทำให้เกิดภาวะไตทำงานมากขึ้นและเสี่ยงต่อการสะสมสารพิษในร่างกายได้ แนะนำให้เลือกรับประทานโปรตีนจากแหล่งที่มีคุณภาพ เช่น ปลาน้ำจืด ไก่หรือเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ และเนื้อสัตว์ที่ถูกตัดเอาไขมันออก ควบคุมปริมาณโปรตีน: ผู้ป่วยควรจำกัดปริมาณโปรตีนตามคำแนะนำของแพทย์ โดยทั่วไป ควรได้รับโปรตีนประมาณ 0.6-0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน เลือกโปรตีนคุณภาพสูง เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ ปลา ถั่ว
2. ควบคุมปริมาณโซเดียม: การลดปริมาณโซเดียมในอาหารช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดความดันโลหิตสูง และการเกิดภาวะไตเสื่อม ควรลดการใช้เกลือในการปรุงอาหารและเลือกรับประทานอาหารที่ไม่มีปริมาณโซเดียมสูง เช่น ผักสด ผลไม้ และอาหารที่ไม่ได้รับการปรุงแต่งด้วยเกลือมากนัก
3. ควบคุมปริมาณน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต: การรับประทานอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตสูงอาจทำให้เกิดภาวะเบาหวานหรือความดันโลหิตสูงได้ แนะนำให้ควบคุมปริมาณน้ำตาล และคาร์โบไฮเดรตในอาหาร โดยเลือกรับประทานผลไม้ที่มีน้ำตาลธรรมชาติ เช่น แอปเปิ้ล สตรอเบอร์รี่ และควรเลือกคาร์โบไฮเดรตที่มีคุณภาพ เช่น ข้าวโพด ข้าวซ่า และเส้นเป็นต้น
4. ควบคุมปริมาณน้ำ: การรับประทานน้ำเพียงพอมีความสำคัญอย่างมากสำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง เนื่องจากการดื่มน้ำเพียงพอช่วยละลายสารพิษและสารตะกั่วที่สะสมอยู่ในร่างกาย และช่วยลดความเข้มข้นของไต ทำให้ไตทำงานได้ดีขึ้น ผู้ป่วยควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน และลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และกาแฟ
5. ควบคุมปริมาณโปแตสเซียม: การรับประทานโปแตสเซียมในปริมาณที่เหมาะสมช่ว
พลังงาน คำนวณจากน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต้องการพลังงาน 30 กิโลแคลอรี่ ในกรณีทำงานปานกลาง ถ้าทำงานเบา น้ำหนัก 1 กิโลกรัม:25 กิโลแคลอรี่แทน ควรได้รับพลังงานเพียงพอ ทั้ง คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน โดยเฉพาะไขมันควรเป็นไขมันที่ไม่อิ่มตัว ข้าวทานได้ปกติ ในรายที่ต้องระวังฟอสฟอรัสในเลือดสูงให้เลี่ยงการทานข้าวกล้อง ธัญพืชไม่ขัดสี (ทานแป้งปลอดโปรตีนแทน เช่น เส้นเซี่ยงไฮ้ ข้าวหอมมะลิสีขาว เส้นหมี่ เส้นใหญ่)
พลังงาน
- พลังงานในอาหารต้องเพียงพอต่อความต้องการ เพื่อป้องกันภาวะขาดสารอาหารและการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ
-คนที่อายุต่ำกว่า 60 ปี ควรได้รับพลังงาน 35 กิโลแคลอรี/กิโลกรัมน้ำหนักตัวที่เหมาะสม/วัน
-ผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีควรได้รับพลังงาน 30 กิโลแคลอรี/กิโลกรัมน้ำหนักตัวที่เหมาะสม/วัน
ตัวอย่าง เช่น อายุ 45 ปี น้ำหนักที่เหมะสม 55 กิโลกรัม พลังงานที่ควรได้รับ คือ 55x30=1,650 กิโลแคลอรี/วัน
การควบคุมอาหารอย่างถูกต้องตั้งแต่ระยะแรกของโรค จะช่วยชะลอความเสื่อมของไต โดยรับประทานอาหารที่มีโปรตีนต่ำ ซึ่งจะมีผลให้ของเสีย (เช่น ยูเรีย) มีปริมาณน้อยลง ไตส่วนที่เหลือทำงานได้เบาลง
พลังงาน เป็นสิ่งจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังต้องการพลังงานเพียงพอเพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อ น้ำหนักตัว และกิจกรรมประจำวัน
ความต้องการพลังงาน ของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อายุ เพศ น้ำหนักตัว ระดับกิจกรรม และระยะของโรคไต
โดยทั่วไป ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ก่อน การบำบัดทดแทนไต ควรได้รับพลังงานประมาณ 30-35 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัวต่อวัน
แหล่งพลังงาน หลักสำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ได้แก่
ตัวอย่างอาหาร ที่ให้พลังงานสำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ได้แก่
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่
ข้อควรระวัง
แหล่งอ้างอิง