การวางแผนการตรวจและการรักษา
ผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองมักจะมีสัญญาณเตือน ควรดำเนินชีวิตโดยไม่ประมาก เช่นการออกกำลังกายการควบคุมน้ำหนัก การเลือกรับประทานอาหาร และการตรวจสุขภาพประจำปี เมื่อแพทย์ได้ข้อมูลประวัติผู้ป่วยที่มีสัญญาณอันตราย แพทย์จะตรวจร่างกายโดยวัดความดันโลหิต ฟังหัวใจว่ามีเสียงลิ้นหัวใจว่ารั่วหรือไม่ ฟังเสียงที่หลอกเลือดแดงใหญ่ที่คอ ว่ามีเสียง ฟู่หรือไม่ ถ้าได้ยินเสียงฟู่แพทย์จะส่งตรวจคลื่นความถี่สูง Doppler ultrasound scan เพื่อวัดว่าหลอดเลือดแดงที่คอตีบมากน้อยแค่ไหน ถ้าหากตีบน้อยกว่า 70%แพทย์จะให้ยา aspirin หรือ ticlopidine ถ้าหากตีบเกิน 70%แพทย์แนะนำผ่าตัด
ผู้ที่มีอาการเหมือนโรคสมองขาดเลือดจะต้องรีบไปโรงพยาบาล เพราะผลการรักษาจะขึ้นกับระยะเวลาตั้งแต่มีอาการจนกระทั่งรักษา หากรักษาได้เร็วผลการรักษาจะให้ผลดี
- การดูแลเบื้องต้นแพทย์จะมุ่งเน้นไปที่สัญญาณชีพ เช่น ความดันโลหิตแพทย์จะเริ่มให้ยาเมื่อความดันโลหิตสูงกว่า220/120 mm Hg การหายใจ อุณหภูมิ
- หากมีไข้จะลดไข้โดยการใช้น้ำเช็ดตามตัว เพราะหากไข้สูงเนื้อสมองจะถูกทำลายเพิ่ม
- หากสมองมีอาการบวมแพทย์จะให้ยาลดการบวมของสมอง เช่น mannitol
- ยาต้านเกล็ดเลือด เช่น aspirin
- ยาละลายลิ่มเลือด
- การทำกายภาพ
- สำหรับผู้ที่มีหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอตีบจะต้องผ่าตัดเอาคราบที่หลอดเลือดที่คอออกเรียกการผ่าตัดนี้ว่า Carotid endarterectomy
การใส่ขดลวด
สำหรับผู้ที่หลอดแดงใหญ่ที่คอตีบ และไม่สามารถผ่าตัดได้ก็มีวิธีการรักษาโดยการใส่ขวดลวดถ่างหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอ และมีร่มสำหรับกันไม่ให้ลิ่มเลือดไปอุดยังหลอดเลือดสมองซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
การรักษาโรคหลอดเลือดสมอง
สำหรับญาติที่พบผู้ป่วยที่มีอาการอ่อนแรง อาจจะพบผู้ป่วยนอนกับพื้น หรือพบว่าล้มลง ท่านจะต้องให้ผู้ป่วยนอนตะแคงเพื่อไม่ให้สำลักอาหาร หรือทางเดินหายใจถูกอุด ที่สำคัญหากผู้ป่วยไม่รู้ตัวห้ามป้อนยาหรือน้ำ เพราะจะทำให้สำลักและเกิดปอดบวม
สิ่งที่สำคัญสำหรับการรักษาคือจะต้องทราบว่าอาการอ่อนแรงหรือไม่รู้สึกตัวเกิดเมื่อไรเพราะหากอาการอ่อนแรงเกิดภายใน 3 ชั่วโมงแพทย์จะพิจารณาให้ยาละลายลิ่มเลือดthrombolytic แต่มีผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งมีอาการอ่อนแรงในขณะหลับทำให้ไม่ทราบว่าเป็นมานานแค่ไหน เราจะแบ่งผู้ป่วยออกเป็นสองกลุ่ม
กลุ่มที่1 มีอาการมาน้อยกว่า 3 ช.ม. นับตั้งแต่เริ่มมีอาการจนเมื่อมาถึงโรงพยาบาล แพทย์อาจจะให้ยาละลายลิ่มเลือดช่วยรักษา โดยที่ไม่มีข้อห้าม แต่เนื่องจากตัวยา มีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก จึงต้องได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดจากแพทย์ รวมทั้งตรวจเลือดและเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง เพื่อช่วยในการตัดสินใจว่าจะให้ยาตัวนี้ได้หรือไม่ และต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล อ่านที่นี่
- ต้องได้รับ Aspirin 325 มิลิกรัมใน 24-48 ชั่วโมง หากแพ้ aspirin ให้ clopidogrel แทน
- จะให้ยาลดความดันโลหิตเมื่อความดันโลหิตสูงกว่า 220/120 มิลิเมตรปรอท
- ให้อกซิเจนเพื่อป้องกันภาวะขาดออกซิเจน
- ควบคุมระดับน้ำตาลให้ใกล้เคียงปรกติ
- ต้องติดตามใกล้ชิดใน 72 ชั่วโมงเพื่อเฝ้าติดตามโรคแทรกซ้อน เช่น สมองบวม หรือเลือดออกในศีรษะ
- รักษาโรคร่วม เช่นปอดบวม ทางเดินปัสสาวะอักเสบ
กลุ่มที่ 2 มีอาการมามากกว่า 3 ช.ม. และผู้ป่วยที่มีอาการมาน้อยกว่า 3 ช.ม. แต่ไม่สามารถให้การรักษาในแบบที่ 1 ได้เนื่องจากเหตุผลใดๆ ก็ตามที่แพทย์จะเป็นผู้พิจารณา โดยมากจะต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล หากเป็นมาหลายวันและมีอาการไม่มากแพทย์จะให้กลับไปดูแลที่บ้าน การพิจารณาเลือกใช้ยา หรือการผ่าตัดรักษาขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย ผู้ป่วยบางรายที่มีระดับความดันโลหิตสูงมากๆ อาจต้องได้ยาลดความดันหยดทางน้ำเกลือเข้าหลอดเลือดดำ เพื่อลดระดับความดันโลหิตอย่างรวดเร็วให้ลงมาระดับที่ปลอดภัย ในทางกลับกันผู้ป่วยบางรายอาจได้รับการลดหรืองดยาความดันโลหิตสูงชั่วคราวในช่วงสัปดาห์แรก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ ส่วนการรักษาอื่นๆที่สำคัญได้แก่ การทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพ การดูแลป้องกันมิให้เกิดโรคแทรกซ้อน และการรักษาแก้ไขปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง การสูบบุหรี่ เป็นต้น
การให้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด Anticoagulants
สำหรับผู้ที่มีโรคหัวใจเต้นสั่นพริ้ว หรือมีภาวะหัวใจวาย และมีลิ่มเลือดในหัวใจจะต้องได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือดเพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
การรักษาความดันโลหิตสูง
ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญในการเกิดโรคสมองขาดเลือด ในขณะที่เกิดสมองขาดเลือดหากความดันโลหิตสูงไม่มากแพทย์จะยังไม่ให้ยาลดความดันโลหิต แต่หากสูงมากแพทย์จะให้ยาลดความดันโลหิต ยาที่นิยมใช้ได้แก่
- ยาขับปัสสาวะ thiazide diuretics
- ยากลุ่ม angiotensin converting enzyme (ACE) inhibitors
- ยากลุ่ม calcium channel blockers
- ยากลุ่ม beta-blockers
- ยากลุ่ม alfa-blockers
การเลือกยาขึ้นกับความเห็นของแพทย์
ยาลดไขมันกลุ่ม Statin
สำหรับผู้ที่มีไขมันในเลือดสูงจะเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้หลอดเลือดแข็งดังนั้นจะต้องได้รับยากลุ่ม statin เพื่อลดไขมัน
ผู้ที่มีหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอตีบ Carotid stenosis
ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีคราบที่หลุดจากผนังหลอดเลือดไปอุดหลอดเลือดในสมองทำให้เกิดกลุ่มโรคที่เรียกว่า สมองขาดเลือดชั่วคราวTransient ischemic attack (TIA) กลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้มีการรักษาดังนี้
- carotid endarterectomy คือการผ่าตัดซ่อมหลอดเลือดโดยการผ่าเอาคราบออกให้มากที่สุด
กลับไปหน้าโรคหลอดเลือดสมอง | สาเหตุของโรคสมองขาดเลือด | อาการสมองขาดเลือด | การวินิจฉัยโรคสมองขาดเลือด | การรักษาโรคสมองขาดเลือด | การป้องกันโรคสมองขาดเลือด | การดูแลหลังเกิดโรคสมองขาดเลือด