การเตรียมตัวก่อนกลับบ้าน
ผู้ป่วยอัมพาตที่รับตัวไว้ในโรงพยาบาลหลังจากอาการของโรคคงที่ แพทย์จะให้กลับบ้าน ดังนั้นญาติผู้ป่วยและแพทย์ควรปรึกษากันว่าจะดูแลผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาลอย่างไร ที่จะนำเสนอเป็นเพียงหัวข้อตัวอย่าง การวางแผนควรกระทำตั้งแต่วันแรกที่นอนโรงพยาบาล ดังนี้
- การเตรียมที่อยู่ที่ปลอดภัย
- การเตรียมเครื่องช่วยในการดำเนินชีวิต
- เตรียมวางแผนการฟื้นฟูสภาพที่บ้าน
- การเตรียมผู้ช่วยเหลือ
การเตรียมที่อยู่ที่ปลอดภัย
เนื่องจากผู้ป่วยอัมพาตหลังออกจากโรงพยาบาลร่างกายยังไม่แข็งแรงพอจึงจำเป็นต้องเตรียมสถานที่เพื่อให้ปลอดภัย และส่งเสริมให้มีการฟื้นฟูสภาพดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โดยต้องจัดเตรียมดังต่อไปนี้
- ห้องนอน ควรจัดห้องนอน ห้องน้ำ และห้องอาหารให้อยู่ชั้นเดียวกัน เพื่อที่ผู้ป่วยสามารถเดินช่วยตัวเองให้มากที่สุด
- เตียง ผู้ป่วยที่ยังช่วยตัวเองไม่ดี หรือรับประทานอาหารเองไม่ได้ควรใช้เตียงเหมือนเตียงในโรงพยาบาล พื้นเตียงควรเป็นพื้นไม้ โดยสามารถปรับหัวเตียง และมีราวสำหรับให้ผู้ป่วยยึดจับสำหรับพลิกตัว เตียงควรมีความสูงพอเหมาะที่จะดูแลผู้ป่วยได้ง่าย ผู้ป่วยสามารถนั่งที่ขอบเตียงโดยเท้าแตะพื้น
- หากผู้ป่วยไม่สามารถพลิกตัวด้วยตัวเอง อาจมีความจำเป็นต้องใช้เตียงลมเพื่อป้องกันแผลกดทับ
- ไม่ควรมีของตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพราะอาจตกแตกได้
- ควรติดราวไว้ในห้องน้ำ และทางเดินเพื่อให้ผู้ป่วยยึดเวลาเดิน
- ดูเรื่องแสงต้องสว่างพอ
- ไม่ควรมีธรณีประตูเพราะผู้ป่วยอาจจะสะดุดได้
การเตรียมเครื่องช่วยในการดำเนินชีวิต
ผู้ป่วยที่ยังไม่แข็งแรงเดินด้วยตัวเองไม่คล่องจำต้องมีเครื่องช่วยเดิน เช่น
- เตียงนอนควรเป็นเตียงที่แข็งแรง พื้นเตียงควรเป็นไม้ และสามารถปรับความสูงต่ำได้
- ที่นอน ต้องเป็นที่นอนที่แน่น ไม่นุ่มหรือแข็งเกินไป ผ้าปูที่นอนต้องขึงตึง ไม่มีรอยย่นหรือรอยพับ เพื่อกันไม่ให้เกิดการถูไถกับผิวหนังผู้ป่วยอันจะนำมาซึ่งแผลกดทับได้
- cane ไม้เท้าช่วยเดิน อาจมีขาเดียว 3ขา หรือ4ขา เหมาะสำหรับประคองตัว
- walker เป็นคอกสี่เหลี่ยมมี4ขาใช้สำหรับประคองตัว
- braces อุปกรณ์ให้ข้อเท้า และเท้าอยู่ในตำแหน่งที่เดินได้
- Wheelchair รถเข็นสำหรับผู้ป่วยที่เดินไม่ได้
- อุปกรณ์เสริมอื่น เช่น กระโถน ถาดอาหารเป็นต้น
การเตรียมผู้ช่วยเหลือคนไข้
โดยทั่วไปผู้ช่วยเหลือคนไข้มักจะเป็นญาติของผู้ป่วย เช่น สามีหรือภรรยา ลูก พี่น้อง หรือเพื่อนบ้าน หรืออาจจะเป็นเจ้าหน้าที่ตามศูนย์บริการ ผู้ช่วยเหลือคนไข้จะมีหนึ่งคนเป็นหลักที่จะดูแลผู้ป่วยเป็นส่วนใหญ่ ส่วนคนอื่นอาจมาช่วยเป็นครั้งคราว เช่นช่วยตอนกลางคืน หรือวันหยุด ดังนั้นก่อนที่ผู้ป่วยจะกลับบ้านผู้ช่วยเหลือคนไข้สามารถจะต้องเข้าใจและสามารถให้บริการแก่ผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังต้องเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมย์ของผู้ป่วยด้วยและผู้ช่วยเหลือคนไข้สามารถควรได้รับการอบรบการดูแลผู้ป่วย การช่วยเหลือผู้ป่วยแต่ละรายจะไม่เท่ากันเนื่องจากสภาพผู้ป่วยไม่เหมือนกัน ก่อนผู้ป่วยกลับบ้านท่านผู้อ่านลองตรวจดูว่าผู้ช่วยเหลือคนไข้ที่ท่านจัดหาสามารถทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้หรือยัง
การดูแลผู้ป่วยอัมพาต
ความสำคัญอันดับหนึ่งในการดูแลผู้ป่วยอัมพาตคือการป้องกันโรคแทรกซ้อนและไม่ให้เกิดการทำลายส่วนต่างๆ ของร่างกายเพิ่มขึ้น ในการดูแลผู้ป่วยจากภาวะสมองขาดเลือด ท่านอาจใช้แนวทางดังนี้
- เนื่องจากมีความอ่อนแรงหรืออัมพาตที่ซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย ผู้ป่วยอาจช่วยเหลือตัวเอง ไม่ค่อยได้ และต้องการความช่วยเหลือเพื่อเปลี่ยนท่าทางทุกสองชั่วโมงเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ ผู้ป่วยควรได้รับการรักษาด้วยกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง ด้วยการรักษาโดยให้ทำกิจกรรมเบาๆ รวมถึงสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงและยากต่อการกลืนอาหาร
- การหดตัวของกล้ามเนื้อและข้อต่อ ร่วมกับความไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้ เป็นอาการที่จะเกิดขึ้นหลังการเป็นอัมพาต ซึ่งผู้ป่วยควรได้รับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง
- การสูญเสียการรับรู้ทางประสาทสัมผัส (Sensory loss) ผู้ป่วยบางรายอาจไม่สามารถรู้สึกได้ถึงความร้อน ความเย็น ความเจ็บปวด ในส่วนของร่างกายที่เป็นอัมพาต จึงอาจทำให้ตัวเองบาดเจ็บโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นผู้ป่วยควรได้รับการแนะนำให้ใส่ใจกับอวัยวะส่วนที่เป็นอัมพาตนั้น
- ความวุ่นวายและสับสนทางอารมณ์ ผู้ป่วยบางรายอาจมีความสับสน สูญเสียความทรงจำ และคิดอย่างไม่เป็นเหตุเป็นผล ดังนั้นจึงสำคัญมากที่ครอบครัวจะมีความเข้าใจ แสดงความใส่ใจ และให้การช่วยเหลือ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ป่วยเป็นอย่างมาก
- Aphasia คือ การสูญเสียความสามารถในการพูด โดยอาจเป็นการสูญเสียความสามารถในความเข้าใจและการใช้คำศัพท์เพียงบางส่วนหรือทั้งหมด การแก้ไขด้านการพูด (Speech therapy) จึงอาจช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมามีทักษะในการสื่อสารได้บ้างภายใน 6-12 เดือน
การดูแลผู้ป่วยที่พอช่วยตัวเองได้ เช่นพูดคุยรู้เรื่อง อ่อนแรงไม่มาก หายใจเองได้ รับประทานอาหารได้
- ผู้ช่วยเหลือคนไข้สามารถช่วยผู้ป่วยทำกายภาพตามแพทย์สั่งได้หรือไม่
- ผู้ช่วยเหลือคนไข้สามารถจัดยาตามแพทย์สั่งได้หรือไม่
- ผู้ช่วยเหลือคนไข้สามารถช่วยผู้ป่วย อาบน้ำ แปรงฟัน ขับถ่าย แต่งตัว
- ผู้ช่วยเหลือคนไข้สามารถช่วยผู้ป่วยในการดำเนินชีวิตประจำวันเช่นเดินด้วย cane, walker
- ผู้ช่วยเหลือคนไข้สามารถให้อาหารตามแพทย์แนะนำได้หรือไม่ โปรดระลึกอยู่เสมอว่าผู้ป่วยอาจมีปัญหาเรื่องการกลืนอาจจะสำลักเกิดปอดบวมได้
การดูแลผู้ป่วยที่ช่วยตัวเองไม่ได้ เช่น พลิกตัวเองไม่ได้ รับประทานอาหารทางสายยาง บางรายอาจมีท่อช่วยหายใจคาอยู่ที่คอ ผู้ช่วยเหลือคนไข้สามารถดูแลผู้ป่วยดังกล่าวข้างต้นแล้วยังต้องดูแลเป็นพิเศษดังต่อไปนี้
- ควรมีเตียงเหมือนกับที่ใช้ในโรงพยาบาลพร้อมทั้งเตียงลมเพื่อป้องกันแผลกดทับ
- ผู้ช่วยเหลือคนไข้สามารถพลิกตัวผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมงเพื่อป้องกันแผลกดทับ
- ผู้ช่วยเหลือคนไข้สามารถทำความสะอาดในปากได้
- ผู้ช่วยเหลือคนไข้สามารถทำความสะอาดร่างกายผู้ป่วยบนเตียงได้ และดูแลผิวหนังเป็น
- ผู้ช่วยเหลือคนไข้สามารถผสมอาหารเหลวสำเร็จรูป หรือเตรียมอาหารตามสูตรได้หากเตรียมอาหารไม่ดีอาจเกิดท้องเสียหรือได้อาหารไม่เพียงพอ
- ผู้ช่วยเหลือคนไข้สามารถให้อาหารทางสายยางได้อย่างถูกวิธี
การวางแผนการรักษา | โรคแทรกซ้อน |
---|
โรคหลอดเลือดสมอง | ชนิดของโรคหลอดเลือดสมอง | ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดอัมพาตและการป้องกัน | อาการของโรคหลอดเลือดสมอง | อาการเตือนหลอดเลือดสมอง | การวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมอง | การรักษาโรคหลอดเลือดสมอง | การเตรียมตัวก่อนออกจากโรงพยาบาล | โรคแทรกซ้อนโรคหลอดเลือดสมอง | หลังจากโรคหลอดเลือดสมอง | การป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง