
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
ในหน้านี้:
เอกสารเผยแพร่นี้มี ได้รับการตรวจสอบโดย NDEP สำหรับหลักภาษาธรรมดา เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบของเรา
เครื่องหมาย ในหนังสือเล่มนี้แสดงถึงการดำเนินการที่คุณสามารถทำได้เพื่อจัดการกับโรคเบาหวานของคุณ
เบาหวานมีสามประเภทหลัก: เบาหวาน
คุณคือผู้ที่จัดการโรคเบาหวานของคุณในแต่ละวัน พูดคุยกับแพทย์ของคุณเกี่ยวกับวิธีที่คุณสามารถดูแลเบาหวานให้แข็งแรงได้ดีที่สุด คนอื่น ๆ ที่สามารถช่วยได้ ได้แก่
คุณอาจเคยได้ยินคนพูดว่าพวกเขาเป็น "เบาหวาน" หรือ "น้ำตาลสูงไปหน่อย" คำเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าโรคเบาหวานไม่ใช่โรคร้ายแรง นั่น ไม่ ถูกต้อง โรคเบาหวานเป็น เรื่องร้ายแรงแต่คุณสามารถเรียนรู้ที่จะจัดการกับมันได้
ผู้ที่เป็นเบาหวานจำเป็นต้องเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เคลื่อนไหวให้มากขึ้นทุกวัน และรับประทานยาแม้ว่าจะรู้สึกดีก็ตาม มันเยอะมากที่จะทำ มันไม่ง่าย แต่ก็คุ้มค่า!
การดูแลตัวเองและโรคเบาหวานจะช่วยให้คุณรู้สึกดีทั้งในปัจจุบันและอนาคต เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดของคุณ (กลูโคส) ใกล้เคียงปกติ คุณมีแนวโน้มที่จะ:
น้อยลง นอกจากนี้ คุณจะมีโอกาสเกิดปัญหาสุขภาพน้อยลงด้วย จากโรคเบาหวาน เช่น
พูดคุยกับทีมดูแลสุขภาพของคุณเกี่ยวกับวิธีจัดการ A1C, Bความดันเลือด และ Cโฮลสเตอรอลของคุณ สิ่งนี้สามารถช่วยลดโอกาสที่คุณจะเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรือปัญหาเบาหวานอื่นๆ ได้
A1C คือการตรวจเลือดที่วัดระดับน้ำตาลในเลือดเฉลี่ยของคุณในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา มันแตกต่างจากการตรวจน้ำตาลในเลือดที่คุณทำในแต่ละวัน
คุณจำเป็นต้องรู้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณเมื่อเวลาผ่านไป คุณไม่ต้องการให้ตัวเลขเหล่านั้นสูงเกินไป ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอาจเป็นอันตรายต่อหัวใจ หลอดเลือด ไต เท้า และดวงตา
เป้าหมาย A1C สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานจำนวนมากต่ำกว่า 7 อาจแตกต่างออกไปสำหรับคุณ ถามว่าเป้าหมายของคุณควรเป็นอย่างไร
ความดันโลหิตคือแรงที่เลือดของคุณกระทำต่อผนังหลอดเลือด
หากความดันโลหิตสูงเกินไปจะทำให้หัวใจทำงานหนักเกินไป อาจทำให้หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง ทำลายไตและดวงตาได้
เป้าหมายความดันโลหิตสำหรับผู้ป่วยเบาหวานส่วนใหญ่ต่ำกว่า 140/90 อาจแตกต่างกันสำหรับคุณ ถามว่าเป้าหมายของคุณควรเป็นอย่างไร
คอเลสเตอรอลในเลือดของคุณมี 2 ชนิด ได้แก่ LDL และ HDL
LDL หรือคอเลสเตอรอลที่ “ไม่ดี” สามารถสร้างและอุดตันหลอดเลือดของคุณได้ อาจทำให้หัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองได้
HDL หรือคอเลสเตอรอลที่ "ดี" ช่วยขจัดคอเลสเตอรอลที่ "ไม่ดี" ออกจากหลอดเลือดของคุณ
ถามว่าคอเลสเตอรอลของคุณควรเป็นเท่าใด เป้าหมายของคุณอาจแตกต่างจากคนอื่นๆ หากคุณอายุมากกว่า 40 ปี คุณอาจต้องรับประทานยากลุ่มสแตตินเพื่อสุขภาพของหัวใจ
เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกหนักใจ เศร้า หรือโกรธเมื่อคุณเป็นโรคเบาหวาน คุณอาจทราบขั้นตอนที่ควรทำเพื่อสุขภาพที่ดี แต่มีปัญหาในการทำตามแผนเมื่อเวลาผ่านไป ส่วนนี้มีเคล็ดลับในการรับมือกับโรคเบาหวาน กินอาหารให้ดี และตื่นตัว
พบทีมดูแลสุขภาพของคุณ อย่างน้อยปีละสองครั้ง เพื่อค้นหาและรักษาปัญหาใด ๆ แต่เนิ่นๆ
หากคุณมี Medicare ให้ตรวจสอบว่าแผนของคุณครอบคลุมการดูแลผู้ป่วยเบาหวานอย่างไร Medicare ครอบคลุมค่าใช้จ่ายบางส่วนสำหรับ:
ก่อนอื่นให้อ่านแถบสีเทาทั่วทั้งหน้า สิ่งนี้จะบอกคุณ:
จากนั้นจดวันที่และผลลัพธ์สำหรับการทดสอบแต่ละครั้งหรือ ตรวจสุขภาพที่คุณได้รับ นำบัตรนี้ติดตัวไปด้วยเมื่อเข้ารับการตรวจสุขภาพ แสดงต่อทีมดูแลสุขภาพของคุณ พูดคุยเกี่ยวกับเป้าหมายของคุณและวิธีการที่คุณทำ
A1C – อย่างน้อยปีละสองครั้ง |
เป้าหมายของฉัน: ______ |
|||
วันที่ |
||||
ผลลัพธ์ |
||||
ความดันโลหิต (BP) – ในการนัดตรวจแต่ละครั้ง |
เป้าหมายของฉัน: ______ |
|||
วันที่ |
||||
ผลลัพธ์ |
||||
โคเลสเตอรอล – ปีละครั้ง |
เป้าหมายของฉัน: ______ |
|||
วันที่ |
||||
ผลลัพธ์ |
||||
ใช้หน้านี้เพื่อจดวันที่และผลการทดสอบ การสอบ หรือการยิงแต่ละครั้ง
แต่ละครั้ง |
ผล |
ผล |
ตรวจเท้า |
||
ทบทวนแผนการดูแลตนเอง |
||
ตรวจน้ำหนัก |
||
ทบทวนยา ตรวจ |
||
ปีละครั้ง |
ฉีดยา |
ปอด |
ตรวจฟัน ตรวจ |
||
ตาขยาย ตรวจ |
||
เท้าสมบูรณ์ |
||
ไข้หวัดใหญ่ |
||
ตรวจไต |
||
อย่างน้อยวันละครั้ง |
ตรวจ |
การ |
อักเสบ |
||
ไวรัสตับอักเสบบี |
การ์ดใบนี้มีสามส่วน แต่ละส่วนจะบอกคุณว่าควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเมื่อใด: ก่อนอาหารแต่ละมื้อ หลังอาหาร 1 ถึง 2 ชั่วโมง และก่อนนอน การตรวจน้ำตาลในเลือดแต่ละครั้ง ให้จดวันที่ เวลา และผลตรวจไว้ด้วย นำบัตรนี้ติดตัวไปด้วยเมื่อเข้ารับการตรวจสุขภาพ แสดงต่อทีมดูแลสุขภาพของคุณ พูดคุยเกี่ยวกับเป้าหมายของคุณและวิธีการที่คุณทำ
วันที่ |
เวลา |
ผลลัพธ์ |
|
น้ำตาลในเลือดของฉันก่อนมื้ออาหาร: เป้าหมายปกติ 80 ถึง 130* เป้าหมายของฉัน: ________ |
|||
น้ำตาลในเลือดของฉัน 1-2 ชั่วโมงหลังอาหาร: เป้าหมายปกติต่ำกว่า 180* เป้าหมายของฉัน: ________ |
|||
น้ำตาลในเลือดของฉันก่อนนอน: เป้าหมายปกติ 110 ถึง 150* เป้าหมายของฉัน: ________ |
|||
* เป้าหมายระดับน้ำตาลในเลือดของคุณอาจแตกต่างออกไปหากคุณเป็นผู้สูงอายุ (อายุมากกว่า 65 ปี) และเป็นเบาหวานมาเป็นเวลานาน อาจแตกต่างกันหากคุณมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น โรคหัวใจ หรือน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป
ของกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของ โครงการการศึกษาโรคเบาหวานแห่งชาติ (NDEP) ได้รับการสนับสนุนร่วมกันโดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์กรพันธมิตรกว่า 200 องค์กร
ตรวจสอบครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2559
แน่นอนค่ะ นี่คือการเรียบเรียงข้อมูลจากเว็บไซต์ NIDDK เกี่ยวกับเบาหวาน โรคหัวใจ และหลอดเลือดสมอง เพื่อใช้ในการสอนหรือจัดโครงการสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน โดยเน้นความเข้าใจง่ายและนำไปปฏิบัติได้จริง:
ผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไปที่จะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์อัมพาต) และมักเป็นตั้งแต่อายุน้อยกว่าคนปกติเกือบเท่าตัว! เพราะระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเป็นเวลานาน จะค่อยๆ ทำลายเส้นเลือดและเส้นประสาทที่ควบคุมหัวใจและหลอดเลือดทั่วร่างกาย
แต่ข่าวดีคือ การดูแลเบาหวานของคุณอย่างสม่ำเสมอ เป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องหัวใจและสมองของคุณได้!
นอกเหนือจากภาวะเบาหวานแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองได้อีก หากคุณมีเบาหวานอยู่แล้ว ควรให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้เป็นพิเศษ:
การสูบบุหรี่: บุหรี่ทำให้หลอดเลือดตีบแคบอยู่แล้ว ยิ่งผนวกกับเบาหวานจะยิ่งทำลายหลอดเลือดรุนแรงขึ้น เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ขา แผลเรื้อรัง และการถูกตัดอวัยวะ
ความดันโลหิตสูง: หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือด ทำลายหลอดเลือด เพิ่มความเสี่ยงหัวใจวาย เส้นเลือดในสมองตีบ/แตก และปัญหาตา/ไต
ไขมันในเลือดผิดปกติ:
LDL (ไขมันไม่ดี): สูงแล้วจะไปเกาะผนังหลอดเลือด ทำให้ตีบตัน เสี่ยงโรคหัวใจ
HDL (ไขมันดี): ยิ่งสูงยิ่งดี ช่วยลดความเสี่ยง
ไตรกลีเซอไรด์: สูงเกินไปก็เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจเช่นกัน
ภาวะอ้วนและไขมันรอบเอว: น้ำหนักเกินหรืออ้วนทำให้ควบคุมเบาหวานยากขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง แม้ไม่อ้วน แต่หากมีไขมันรอบเอวมาก (ผู้ชายเกิน 40 นิ้ว, ผู้หญิงเกิน 35 นิ้ว) ก็เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจได้
โรคไตเรื้อรัง: เบาหวานเป็นสาเหตุหลักของโรคไต ซึ่งส่งผลกระทบต่อหัวใจโดยตรง ผู้ป่วยเบาหวานประมาณ 40% มีภาวะไตเสื่อม ควรตรวจเช็กไตเป็นประจำ
ประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ: หากคนในครอบครัว (พ่อแม่ พี่น้อง) เคยเป็นโรคหัวใจก่อนอายุ 50 ปี คุณจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า หากมีเบาหวานด้วยยิ่งต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ
การดูแลเบาหวานอย่างเคร่งครัดคือการดูแลหัวใจของคุณ! มาเรียนรู้ "ABC" เพื่อหัวใจที่แข็งแรงกันค่ะ:
1. ควบคุม "ABC" ของเบาหวานของคุณ:
A - A1C Test (การตรวจน้ำตาลสะสม):
เป็นการตรวจวัดระดับน้ำตาลเฉลี่ยในเลือดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
เป้าหมายของคนส่วนใหญ่คือ ต่ำกว่า 7% (หรือตามที่แพทย์แนะนำ)
ค่า A1C ที่สูงไปบ่งบอกว่าน้ำตาลสูงเรื้อรัง ซึ่งจะทำลายหัวใจ หลอดเลือด ไต เท้า และดวงตา
B - Blood Pressure (ความดันโลหิต):
คือแรงดันของเลือดที่กระทำต่อผนังหลอดเลือด
เป้าหมายสำหรับคนส่วนใหญ่คือ ต่ำกว่า 140/90 มม.ปรอท (หรือตามที่แพทย์แนะนำ)
ความดันโลหิตสูงทำให้หัวใจทำงานหนัก เสี่ยงหัวใจวาย อัมพฤกษ์อัมพาต และทำลายไต/ตา
C - Cholesterol (ไขมันในเลือด):
ไขมันสะสมในหลอดเลือดอาจทำให้หลอดเลือดอุดตัน เสี่ยงหัวใจวายหรือหลอดเลือดสมองตีบตัน
ปรึกษาทีมแพทย์เกี่ยวกับเป้าหมายไขมันของคุณ
หากคุณอายุเกิน 40 ปี หรือมีไขมัน LDL (ไขมันไม่ดี) สูงมาก แพทย์อาจพิจารณาให้ยาลดไขมัน (เช่น สแตติน) เพื่อป้องกันหัวใจ
S - Stop Smoking (เลิกบุหรี่):
สิ่งสำคัญที่สุด! ทั้งบุหรี่และเบาหวานทำให้หลอดเลือดตีบแคบ หัวใจจึงต้องทำงานหนักขึ้น
การเลิกบุหรี่จะ ลดความเสี่ยง ของ: หัวใจวาย, อัมพฤกษ์อัมพาต, โรคเส้นประสาท, โรคไต, โรคตา, และการถูกตัดอวัยวะ
ช่วยให้ระดับน้ำตาล ความดัน และไขมันดีขึ้น การไหลเวียนเลือดดีขึ้น และออกกำลังกายได้ง่ายขึ้น
บุหรี่ไฟฟ้าก็ไม่ปลอดภัย! หากต้องการเลิก ให้ขอความช่วยเหลือจากแพทย์หรือสายด่วนเลิกบุหรี่
2. สร้างหรือรักษานิสัยการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ:
รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ: เลือกอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสมกับเบาหวาน
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: ช่วยควบคุมเบาหวาน ลดน้ำหนัก และจัดการความเครียด
รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์สุขภาพดี: หากน้ำหนักเกิน ควรลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนที่ดีส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม
3. เรียนรู้การจัดการความเครียด:
การใช้ชีวิตอยู่กับเบาหวานอาจทำให้เครียด เศร้า เหงา หรือโกรธได้ ความเครียดเรื้อรังสามารถทำให้น้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตสูงขึ้นได้
หาวิธีผ่อนคลายความเครียดที่เหมาะกับคุณ เช่น การหายใจลึกๆ ทำสวน เดินเล่น โยคะ พูดคุยกับคนที่คุณรัก ทำงานอดิเรก หรือฟังเพลง
4. ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งเพื่อปกป้องหัวใจ:
ยาเป็นส่วนสำคัญของแผนการรักษา แพทย์จะสั่งยาตามความเหมาะสม
ยาอาจช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมาย A1C, ความดันโลหิต และไขมัน
ยาบางชนิดช่วยลดความเสี่ยงลิ่มเลือด หัวใจวาย หรือหลอดเลือดสมอง
ยาบางชนิดรักษาอาการเจ็บหน้าอก (Angina) ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคหัวใจ
ยาบางชนิดรักษาภาวะหัวใจล้มเหลว
อย่าหยุดยาเอง: ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเสมอหากมีข้อสงสัยหรือผลข้างเคียง
จำไว้ว่าการรักษาจะได้ผลดีที่สุดเมื่อได้รับการช่วยเหลือทันที!
หากมีสัญญาณเตือนของหัวใจวาย ให้รีบโทร 1669 หรือไปโรงพยาบาลทันที!
เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก: นานกว่า 2-3 นาที หรือเป็นๆ หายๆ
ปวดหรือไม่สบายที่แขนข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง, ไหล่, หลัง, คอ, หรือกราม
หายใจลำบาก
เหงื่อออก, เวียนศีรษะ, หน้ามืด
อาหารไม่ย่อย หรือคลื่นไส้
รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก
ผู้หญิงอาจมีอาการแตกต่างไป เช่น เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียน เหนื่อยล้ามาก (บางครั้งเป็นวันๆ) และปวดร้าวไปที่หลัง คอ คอหอย แขน ไหล่ หรือกราม
ผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะเส้นประสาทเสื่อม อาจไม่รู้สึกเจ็บหน้าอก
หากมีสัญญาณเตือนของหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์อัมพาต) ให้รีบโทร 1669 หรือไปโรงพยาบาลทันที! (ภายใน 1 ชั่วโมงเพื่อป้องกันความเสียหายถาวร!)
อ่อนแรงหรือชาฉับพลันที่ใบหน้า แขน หรือขา ข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย
สับสน หรือมีปัญหาในการพูดหรือทำความเข้าใจ
เวียนศีรษะ, เสียการทรงตัว, หรือมีปัญหาในการเดิน
มีปัญหาในการมองเห็นจากตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
ปวดศีรษะรุนแรงอย่างกะทันหัน
อย่าลังเลที่จะพูดคุยกับทีมดูแลสุขภาพของคุณ! นี่คือคำถามที่คุณควรสอบถาม:
เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อลดโอกาสเกิดโรคหัวใจของฉัน?
เราจะร่วมมือกันอย่างไรเพื่อช่วยให้ฉันรักษาเป้าหมาย A1C, ความดันโลหิต และไขมันได้?
มียาอะไรบ้าง เช่น แอสไพริน หรือ สแตติน ที่จะช่วยปกป้องหัวใจของฉัน?
มียาเบาหวานชนิดใดบ้างที่จะช่วยปกป้องหัวใจของฉัน?
การดูแลเบาหวานคือการดูแลชีวิตของคุณ! การเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างเบาหวานกับโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง จะช่วยให้คุณและคนรอบข้างสามารถป้องกันและรับมือกับภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อชีวิตที่มีคุณภาพและยืนยาว
หากคุณมีคำถามเพิ่มเติม หรือต้องการข้อมูลสนับสนุนในการจัดการเบาหวาน โปรดปรึกษาทีมดูแลสุขภาพของคุณค่ะ