siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

4 ขั้นตอนในการจัดการโรคเบาหวานของคุณตลอดชีวิต

ในหน้านี้:

Man and a woman cooking together

เอกสารเผยแพร่นี้มี ได้รับการตรวจสอบโดย NDEP สำหรับหลักภาษาธรรมดา เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบของเรา

ดำเนินการที่คุณสามารถทำได้

เครื่องหมาย ในหนังสือเล่มนี้แสดงถึงการดำเนินการที่คุณสามารถทำได้เพื่อจัดการกับโรคเบาหวานของคุณ

ขั้นตอนที่ 1: เรียนรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน

โรคเบาหวานคืออะไร?

เบาหวานมีสามประเภทหลัก: เบาหวาน

คุณเป็นสมาชิกที่สำคัญที่สุดของทีมดูแลสุขภาพของคุณ

คุณคือผู้ที่จัดการโรคเบาหวานของคุณในแต่ละวัน พูดคุยกับแพทย์ของคุณเกี่ยวกับวิธีที่คุณสามารถดูแลเบาหวานให้แข็งแรงได้ดีที่สุด คนอื่น ๆ ที่สามารถช่วยได้ ได้แก่

วิธีเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคเบาหวาน

ใช้โรคเบาหวานอย่างจริงจัง

คุณอาจเคยได้ยินคนพูดว่าพวกเขาเป็น "เบาหวาน" หรือ "น้ำตาลสูงไปหน่อย" คำเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าโรคเบาหวานไม่ใช่โรคร้ายแรง นั่น ไม่ ถูกต้อง โรคเบาหวานเป็น เรื่องร้ายแรงแต่คุณสามารถเรียนรู้ที่จะจัดการกับมันได้

ผู้ที่เป็นเบาหวานจำเป็นต้องเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เคลื่อนไหวให้มากขึ้นทุกวัน และรับประทานยาแม้ว่าจะรู้สึกดีก็ตาม มันเยอะมากที่จะทำ มันไม่ง่าย แต่ก็คุ้มค่า!

ทำไมต้องดูแลเบาหวาน?

การดูแลตัวเองและโรคเบาหวานจะช่วยให้คุณรู้สึกดีทั้งในปัจจุบันและอนาคต เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดของคุณ (กลูโคส) ใกล้เคียงปกติ คุณมีแนวโน้มที่จะ:

น้อยลง นอกจากนี้ คุณจะมีโอกาสเกิดปัญหาสุขภาพน้อยลงด้วย จากโรคเบาหวาน เช่น

การดำเนินการที่คุณสามารถทำได้

ขั้นตอนที่ 2: รู้จัก ABCs ของโรคเบาหวานของคุณ

พูดคุยกับทีมดูแลสุขภาพของคุณเกี่ยวกับวิธีจัดการ A1C, Bความดันเลือด และ Cโฮลสเตอรอลของคุณ สิ่งนี้สามารถช่วยลดโอกาสที่คุณจะเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรือปัญหาเบาหวานอื่นๆ ได้

A สำหรับการทดสอบ A1C (เอ-วัน-ซี)

มันคืออะไร?

A1C คือการตรวจเลือดที่วัดระดับน้ำตาลในเลือดเฉลี่ยของคุณในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา มันแตกต่างจากการตรวจน้ำตาลในเลือดที่คุณทำในแต่ละวัน

ทำไมมันถึงสำคัญ?

คุณจำเป็นต้องรู้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณเมื่อเวลาผ่านไป คุณไม่ต้องการให้ตัวเลขเหล่านั้นสูงเกินไป ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอาจเป็นอันตรายต่อหัวใจ หลอดเลือด ไต เท้า และดวงตา

เป้าหมาย A1C คืออะไร?

เป้าหมาย A1C สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานจำนวนมากต่ำกว่า 7 อาจแตกต่างออกไปสำหรับคุณ ถามว่าเป้าหมายของคุณควรเป็นอย่างไร

B สำหรับความดันโลหิต

มันคืออะไร?

ความดันโลหิตคือแรงที่เลือดของคุณกระทำต่อผนังหลอดเลือด

ทำไมมันถึงสำคัญ?

หากความดันโลหิตสูงเกินไปจะทำให้หัวใจทำงานหนักเกินไป อาจทำให้หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง ทำลายไตและดวงตาได้

เป้าหมายความดันโลหิตคืออะไร?

เป้าหมายความดันโลหิตสำหรับผู้ป่วยเบาหวานส่วนใหญ่ต่ำกว่า 140/90 อาจแตกต่างกันสำหรับคุณ ถามว่าเป้าหมายของคุณควรเป็นอย่างไร

C สำหรับคอเลสเตอรอล (ko-LESS-tuh-ruhl)

มันคืออะไร?

คอเลสเตอรอลในเลือดของคุณมี 2 ชนิด ได้แก่ LDL และ HDL

LDL หรือคอเลสเตอรอลที่ “ไม่ดี” สามารถสร้างและอุดตันหลอดเลือดของคุณได้ อาจทำให้หัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองได้

HDL หรือคอเลสเตอรอลที่ "ดี" ช่วยขจัดคอเลสเตอรอลที่ "ไม่ดี" ออกจากหลอดเลือดของคุณ

เป้าหมาย LDL และ HDL คืออะไร?

ถามว่าคอเลสเตอรอลของคุณควรเป็นเท่าใด เป้าหมายของคุณอาจแตกต่างจากคนอื่นๆ หากคุณอายุมากกว่า 40 ปี คุณอาจต้องรับประทานยากลุ่มสแตตินเพื่อสุขภาพของหัวใจ

การดำเนินการที่คุณสามารถทำได้

 


ขั้นตอนที่ 3: เรียนรู้วิธีอยู่กับโรคเบาหวาน

เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกหนักใจ เศร้า หรือโกรธเมื่อคุณเป็นโรคเบาหวาน คุณอาจทราบขั้นตอนที่ควรทำเพื่อสุขภาพที่ดี แต่มีปัญหาในการทำตามแผนเมื่อเวลาผ่านไป ส่วนนี้มีเคล็ดลับในการรับมือกับโรคเบาหวาน กินอาหารให้ดี และตื่นตัว

รับมือกับโรคเบาหวานของคุณ

กินดี.

มีความกระตือรือร้น

รู้ว่าต้องทำอะไรทุกวัน

พูดคุยกับทีมดูแลสุขภาพของคุณ

ดำเนินการที่คุณสามารถทำได้

 

ขั้นตอนที่ 4: รับการดูแลตามปกติเพื่อสุขภาพที่ดี

พบทีมดูแลสุขภาพของคุณ อย่างน้อยปีละสองครั้ง เพื่อค้นหาและรักษาปัญหาใด ๆ แต่เนิ่นๆ

ในการนัดตรวจแต่ละครั้ง ต้องแน่ใจว่าคุณมี:

ปีละ 2 ครั้ง มี:

ปี ปีละครั้ง ตรวจให้แน่ใจว่าคุณมี:

อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต รับ:

เมดิแคร์ และเบาหวาน

หากคุณมี Medicare ให้ตรวจสอบว่าแผนของคุณครอบคลุมการดูแลผู้ป่วยเบาหวานอย่างไร Medicare ครอบคลุมค่าใช้จ่ายบางส่วนสำหรับ:

ดำเนินการที่คุณสามารถทำได้

 

สิ่งที่ควรจำ:

บันทึกการดูแลผู้ป่วยเบาหวานของฉัน: หน้า 1

วิธีการใช้บันทึก

ก่อนอื่นให้อ่านแถบสีเทาทั่วทั้งหน้า สิ่งนี้จะบอกคุณ:

จากนั้นจดวันที่และผลลัพธ์สำหรับการทดสอบแต่ละครั้งหรือ ตรวจสุขภาพที่คุณได้รับ นำบัตรนี้ติดตัวไปด้วยเมื่อเข้ารับการตรวจสุขภาพ แสดงต่อทีมดูแลสุขภาพของคุณ พูดคุยเกี่ยวกับเป้าหมายของคุณและวิธีการที่คุณทำ

A1C – อย่างน้อยปีละสองครั้ง

เป้าหมายของฉัน: ______

วันที่

ผลลัพธ์

ความดันโลหิต (BP) – ในการนัดตรวจแต่ละครั้ง

เป้าหมายของฉัน: ______

วันที่

ผลลัพธ์

โคเลสเตอรอล – ปีละครั้ง

เป้าหมายของฉัน: ______

วันที่

ผลลัพธ์

บันทึกการดูแลผู้ป่วยเบาหวานของฉัน: หน้า 2

วิธีการใช้ บันทึก.

ใช้หน้านี้เพื่อจดวันที่และผลการทดสอบ การสอบ หรือการยิงแต่ละครั้ง

แต่ละครั้ง

ผล

ผล

ตรวจเท้า

ทบทวนแผนการดูแลตนเอง

ตรวจน้ำหนัก

ทบทวนยา ตรวจ

ปีละครั้ง

ฉีดยา

ปอด

ตรวจฟัน ตรวจ

ตาขยาย ตรวจ

เท้าสมบูรณ์

ไข้หวัดใหญ่

ตรวจไต

อย่างน้อยวันละครั้ง

ตรวจ

การ

อักเสบ

ไวรัสตับอักเสบบี

ตรวจน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง

วิธีใช้ การ์ดใบนี้

การ์ดใบนี้มีสามส่วน แต่ละส่วนจะบอกคุณว่าควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเมื่อใด: ก่อนอาหารแต่ละมื้อ หลังอาหาร 1 ถึง 2 ชั่วโมง และก่อนนอน การตรวจน้ำตาลในเลือดแต่ละครั้ง ให้จดวันที่ เวลา และผลตรวจไว้ด้วย นำบัตรนี้ติดตัวไปด้วยเมื่อเข้ารับการตรวจสุขภาพ แสดงต่อทีมดูแลสุขภาพของคุณ พูดคุยเกี่ยวกับเป้าหมายของคุณและวิธีการที่คุณทำ

วันที่

เวลา

ผลลัพธ์

น้ำตาลในเลือดของฉันก่อนมื้ออาหาร:

เป้าหมายปกติ 80 ถึง 130*

เป้าหมายของฉัน: ________

น้ำตาลในเลือดของฉัน 1-2 ชั่วโมงหลังอาหาร:

เป้าหมายปกติต่ำกว่า 180*

เป้าหมายของฉัน: ________

น้ำตาลในเลือดของฉันก่อนนอน:

เป้าหมายปกติ 110 ถึง 150*

เป้าหมายของฉัน: ________

* เป้าหมายระดับน้ำตาลในเลือดของคุณอาจแตกต่างออกไปหากคุณเป็นผู้สูงอายุ (อายุมากกว่า 65 ปี) และเป็นเบาหวานมาเป็นเวลานาน อาจแตกต่างกันหากคุณมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น โรคหัวใจ หรือน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป

ของกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของ โครงการการศึกษาโรคเบาหวานแห่งชาติ (NDEP) ได้รับการสนับสนุนร่วมกันโดยสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์กรพันธมิตรกว่า 200 องค์กร

ตรวจสอบครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2559

 

แน่นอนค่ะ นี่คือการเรียบเรียงข้อมูลจากเว็บไซต์ NIDDK เกี่ยวกับเบาหวาน โรคหัวใจ และหลอดเลือดสมอง เพื่อใช้ในการสอนหรือจัดโครงการสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน โดยเน้นความเข้าใจง่ายและนำไปปฏิบัติได้จริง:


โครงการ "หัวใจแข็งแรง ห่างไกลอัมพฤกษ์อัมพาต: ดูแลเบาหวานวันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีในวันหน้า"


บทนำ: ทำไมเบาหวานจึงสำคัญต่อหัวใจและสมองของคุณ?

ผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไปที่จะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์อัมพาต) และมักเป็นตั้งแต่อายุน้อยกว่าคนปกติเกือบเท่าตัว! เพราะระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเป็นเวลานาน จะค่อยๆ ทำลายเส้นเลือดและเส้นประสาทที่ควบคุมหัวใจและหลอดเลือดทั่วร่างกาย

แต่ข่าวดีคือ การดูแลเบาหวานของคุณอย่างสม่ำเสมอ เป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องหัวใจและสมองของคุณได้!


ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

นอกเหนือจากภาวะเบาหวานแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองได้อีก หากคุณมีเบาหวานอยู่แล้ว ควรให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้เป็นพิเศษ:

  • การสูบบุหรี่: บุหรี่ทำให้หลอดเลือดตีบแคบอยู่แล้ว ยิ่งผนวกกับเบาหวานจะยิ่งทำลายหลอดเลือดรุนแรงขึ้น เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ขา แผลเรื้อรัง และการถูกตัดอวัยวะ

  • ความดันโลหิตสูง: หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือด ทำลายหลอดเลือด เพิ่มความเสี่ยงหัวใจวาย เส้นเลือดในสมองตีบ/แตก และปัญหาตา/ไต

  • ไขมันในเลือดผิดปกติ:

    • LDL (ไขมันไม่ดี): สูงแล้วจะไปเกาะผนังหลอดเลือด ทำให้ตีบตัน เสี่ยงโรคหัวใจ

    • HDL (ไขมันดี): ยิ่งสูงยิ่งดี ช่วยลดความเสี่ยง

    • ไตรกลีเซอไรด์: สูงเกินไปก็เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจเช่นกัน

  • ภาวะอ้วนและไขมันรอบเอว: น้ำหนักเกินหรืออ้วนทำให้ควบคุมเบาหวานยากขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง แม้ไม่อ้วน แต่หากมีไขมันรอบเอวมาก (ผู้ชายเกิน 40 นิ้ว, ผู้หญิงเกิน 35 นิ้ว) ก็เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจได้

  • โรคไตเรื้อรัง: เบาหวานเป็นสาเหตุหลักของโรคไต ซึ่งส่งผลกระทบต่อหัวใจโดยตรง ผู้ป่วยเบาหวานประมาณ 40% มีภาวะไตเสื่อม ควรตรวจเช็กไตเป็นประจำ

  • ประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ: หากคนในครอบครัว (พ่อแม่ พี่น้อง) เคยเป็นโรคหัวใจก่อนอายุ 50 ปี คุณจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า หากมีเบาหวานด้วยยิ่งต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ


วิธีลดโอกาสเกิดหัวใจวายและหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยเบาหวาน

การดูแลเบาหวานอย่างเคร่งครัดคือการดูแลหัวใจของคุณ! มาเรียนรู้ "ABC" เพื่อหัวใจที่แข็งแรงกันค่ะ:

1. ควบคุม "ABC" ของเบาหวานของคุณ:

  • A - A1C Test (การตรวจน้ำตาลสะสม):

    • เป็นการตรวจวัดระดับน้ำตาลเฉลี่ยในเลือดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

    • เป้าหมายของคนส่วนใหญ่คือ ต่ำกว่า 7% (หรือตามที่แพทย์แนะนำ)

    • ค่า A1C ที่สูงไปบ่งบอกว่าน้ำตาลสูงเรื้อรัง ซึ่งจะทำลายหัวใจ หลอดเลือด ไต เท้า และดวงตา

  • B - Blood Pressure (ความดันโลหิต):

    • คือแรงดันของเลือดที่กระทำต่อผนังหลอดเลือด

    • เป้าหมายสำหรับคนส่วนใหญ่คือ ต่ำกว่า 140/90 มม.ปรอท (หรือตามที่แพทย์แนะนำ)

    • ความดันโลหิตสูงทำให้หัวใจทำงานหนัก เสี่ยงหัวใจวาย อัมพฤกษ์อัมพาต และทำลายไต/ตา

  • C - Cholesterol (ไขมันในเลือด):

    • ไขมันสะสมในหลอดเลือดอาจทำให้หลอดเลือดอุดตัน เสี่ยงหัวใจวายหรือหลอดเลือดสมองตีบตัน

    • ปรึกษาทีมแพทย์เกี่ยวกับเป้าหมายไขมันของคุณ

    • หากคุณอายุเกิน 40 ปี หรือมีไขมัน LDL (ไขมันไม่ดี) สูงมาก แพทย์อาจพิจารณาให้ยาลดไขมัน (เช่น สแตติน) เพื่อป้องกันหัวใจ

  • S - Stop Smoking (เลิกบุหรี่):

    • สิ่งสำคัญที่สุด! ทั้งบุหรี่และเบาหวานทำให้หลอดเลือดตีบแคบ หัวใจจึงต้องทำงานหนักขึ้น

    • การเลิกบุหรี่จะ ลดความเสี่ยง ของ: หัวใจวาย, อัมพฤกษ์อัมพาต, โรคเส้นประสาท, โรคไต, โรคตา, และการถูกตัดอวัยวะ

    • ช่วยให้ระดับน้ำตาล ความดัน และไขมันดีขึ้น การไหลเวียนเลือดดีขึ้น และออกกำลังกายได้ง่ายขึ้น

    • บุหรี่ไฟฟ้าก็ไม่ปลอดภัย! หากต้องการเลิก ให้ขอความช่วยเหลือจากแพทย์หรือสายด่วนเลิกบุหรี่

2. สร้างหรือรักษานิสัยการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ:

  • รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ: เลือกอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสมกับเบาหวาน

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: ช่วยควบคุมเบาหวาน ลดน้ำหนัก และจัดการความเครียด

  • รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์สุขภาพดี: หากน้ำหนักเกิน ควรลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนที่ดีส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม

3. เรียนรู้การจัดการความเครียด:

  • การใช้ชีวิตอยู่กับเบาหวานอาจทำให้เครียด เศร้า เหงา หรือโกรธได้ ความเครียดเรื้อรังสามารถทำให้น้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตสูงขึ้นได้

  • หาวิธีผ่อนคลายความเครียดที่เหมาะกับคุณ เช่น การหายใจลึกๆ ทำสวน เดินเล่น โยคะ พูดคุยกับคนที่คุณรัก ทำงานอดิเรก หรือฟังเพลง

4. ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งเพื่อปกป้องหัวใจ:

  • ยาเป็นส่วนสำคัญของแผนการรักษา แพทย์จะสั่งยาตามความเหมาะสม

  • ยาอาจช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมาย A1C, ความดันโลหิต และไขมัน

  • ยาบางชนิดช่วยลดความเสี่ยงลิ่มเลือด หัวใจวาย หรือหลอดเลือดสมอง

  • ยาบางชนิดรักษาอาการเจ็บหน้าอก (Angina) ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคหัวใจ

  • ยาบางชนิดรักษาภาวะหัวใจล้มเหลว

  • อย่าหยุดยาเอง: ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเสมอหากมีข้อสงสัยหรือผลข้างเคียง


สัญญาณเตือนของหัวใจวายและหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์อัมพาต)

จำไว้ว่าการรักษาจะได้ผลดีที่สุดเมื่อได้รับการช่วยเหลือทันที!

หากมีสัญญาณเตือนของหัวใจวาย ให้รีบโทร 1669 หรือไปโรงพยาบาลทันที!

  • เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก: นานกว่า 2-3 นาที หรือเป็นๆ หายๆ

  • ปวดหรือไม่สบายที่แขนข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง, ไหล่, หลัง, คอ, หรือกราม

  • หายใจลำบาก

  • เหงื่อออก, เวียนศีรษะ, หน้ามืด

  • อาหารไม่ย่อย หรือคลื่นไส้

  • รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก

    • ผู้หญิงอาจมีอาการแตกต่างไป เช่น เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียน เหนื่อยล้ามาก (บางครั้งเป็นวันๆ) และปวดร้าวไปที่หลัง คอ คอหอย แขน ไหล่ หรือกราม

    • ผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะเส้นประสาทเสื่อม อาจไม่รู้สึกเจ็บหน้าอก

หากมีสัญญาณเตือนของหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์อัมพาต) ให้รีบโทร 1669 หรือไปโรงพยาบาลทันที! (ภายใน 1 ชั่วโมงเพื่อป้องกันความเสียหายถาวร!)

  • อ่อนแรงหรือชาฉับพลันที่ใบหน้า แขน หรือขา ข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย

  • สับสน หรือมีปัญหาในการพูดหรือทำความเข้าใจ

  • เวียนศีรษะ, เสียการทรงตัว, หรือมีปัญหาในการเดิน

  • มีปัญหาในการมองเห็นจากตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง

  • ปวดศีรษะรุนแรงอย่างกะทันหัน


สิ่งที่คุณควรสอบถามทีมแพทย์

อย่าลังเลที่จะพูดคุยกับทีมดูแลสุขภาพของคุณ! นี่คือคำถามที่คุณควรสอบถาม:

  • เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อลดโอกาสเกิดโรคหัวใจของฉัน?

  • เราจะร่วมมือกันอย่างไรเพื่อช่วยให้ฉันรักษาเป้าหมาย A1C, ความดันโลหิต และไขมันได้?

  • มียาอะไรบ้าง เช่น แอสไพริน หรือ สแตติน ที่จะช่วยปกป้องหัวใจของฉัน?

  • มียาเบาหวานชนิดใดบ้างที่จะช่วยปกป้องหัวใจของฉัน?


การดูแลเบาหวานคือการดูแลชีวิตของคุณ! การเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างเบาหวานกับโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง จะช่วยให้คุณและคนรอบข้างสามารถป้องกันและรับมือกับภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อชีวิตที่มีคุณภาพและยืนยาว

หากคุณมีคำถามเพิ่มเติม หรือต้องการข้อมูลสนับสนุนในการจัดการเบาหวาน โปรดปรึกษาทีมดูแลสุขภาพของคุณค่ะ