ปอดบวม Mycoplasmal pneumonia
เชื้อ Mycoplasma pneumoniae เป็นเชื้อแบคทีเรียขนาดที่เล็กที่สุด สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจมีอาการเหมือนไข้หวัดคือมีน้ำมูก ไอ หรืออาจจะมีอาการปอดบวม มีไข้ ไอ เหนื่อน หอบ อาการมักจะไม่หนัก
สารบัญ
- สาเหตการติดเชื้อ Mycoplasmal pneumonia
- วิธีการแพร่กระจาย Mycoplasma pneumoniae
- การระบาดของMycoplasma pneumoniae
- อาการและอาการแสดงของMycoplasma pneumoniae
- การวินิจฉัย Mycoplasma pneumoniae
- การรักษา Mycoplasma pneumoniae
- ภาวะแทรกซ้อน Mycoplasma pneumoniae
- คนที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ Mycoplasma pneumoniae
- การป้องกันการติดเชื้อ Mycoplasma pneumoniae
สาเหตการติดเชื้อ Mycoplasmal pneumonia
เชื้อ Mycoplasma pneumoniae เป็นเชื้อแบคทีเรียขนาดที่เล็กที่สุด เป็นแบคทีเรียที่สามารถแพร่กระจายเชื้อได้ง่าย สามารถก่อโรคในระบบทางหายใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มักหายได้เองมีเพียงส่วนน้อยที่อาการรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล นอกจากนี้ เชื้อยังสามารถก่อโรคในระบบประสาท ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบโลหิต ปัจจุบันมีรายงานเชื้อ M. pneumonia ดื้อยากลุ่ม macrolides เพิ่มมากขึ้นทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชีย เนื่องจากการใช้ยาปฏิชีวนะที่ไม่เหมาะสม การป้องกันทำได้โดยสุขอนามัยที่ดี
วิธีการแพร่กระจาย Mycoplasma pneumoniae
เมื่อมีผู้ติดเชื้อ M. pneumoniae ไอหรือจาม พวกเขาสร้างละอองทางเดินหายใจขนาดเล็กที่มีแบคทีเรียอยู่ คนอื่นสามารถติดเชื้อได้หากหายใจเอาละอองเหล่านั้นเข้าไป คนส่วนใหญ่ที่ใช้เวลาสั้น ๆ กับคนที่ป่วยด้วย M. pneumoniae จะไม่ติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม แบคทีเรียมักแพร่กระจายระหว่างคนที่อาศัยอยู่ด้วยกัน เนื่องจากพวกเขาใช้เวลาร่วมกันมาก

การระบาดของMycoplasma pneumoniae
การระบาดของ M. pneumoniae ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสถานที่แออัด เช่น โรงเรียน หอพักนักศึกษา โรงฝึกทหาร สถานดูแลระยะยาว และโรงพยาบาล ในช่วงที่มีการระบาดในโรงเรียน หากคนในชุมชนเจ็บป่วย พวกเขามักจะเป็นสมาชิกในครอบครัวของเด็กนักเรียนที่ป่วย การติดเชื้อ M. pneumoniae พบได้ทั่วโลก และเกิดตลอดทั้งปี มักก่อโรคในระบบทางเดินหายใจ โดยเป็นสาเหตุของปอดอักเสบชุมชน (Community- Acquired Pneumonia, CAP) ในเด็กโตและผู้ใหญ่ร้อยละ 7 ถึง 40 แต่พบน้อยในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ระยะฟักตัวของเชื้อประมาณ 2 ถึง 3 สัปดาห์ ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มักจะไม่แสดงอาการ มีรายงานการระบาดในค่ายทหาร โรงพยาบาล โรงเรียน และค่ายพักแรม พบว่า ร้อยละ 14.3 ในเด็กไทยอายุ 2 ถึง 15 ปีที่ป่วยเป็น CAP เกิดจากเชื้อ M. pneumoniae
อาการและอาการแสดงของMycoplasma pneumoniae
เชื้อMycoplasma pneumoniae มักก่อให้เกิด โรคระบบทางเดินหายใจ เด็กเล็กที่ติดเชื้อส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการ ส่วนน้อยจะมีน้ำมูก เจ็บคอ หูชั้นกลางอักเสบ กล่องเสียงอักเสบ หลอดลมฝอยอักเสบ และปอดอักเสบได้ สำหรับเด็กโตและวัยรุ่นจะมีอาการไข้ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ปวดกระบอกตา ปวดศีรษะ อาการจะคล้ายคลึงกับการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ หรือไวรัสอื่น ๆ อาการในเด็กมักไม่รุนแรงและหายเองได้ ร้อยละ 10 ของเด็กโตที่ติดเชื้อ M. pneumoniae จะเกิดปอดอักเสบตามมา และร้อยละ 10 จะมีผื่นร่วมด้วยและมักเป็นชนิด maculopapular การตรวจทางรังสีทรวงอกพบได้หลายรูปแบบ เช่น มีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด ต่อมน้ำเหลืองขั้วปอดโต bilateral diffuse infiltration หรือ focal consolidation มักเป็นที่ปอดส่วนล่าง และกระตุ้นให้อาการหอบกำเริบในผู้ป่วยโรคหอบหืด
นอกจากนี้ เชื้อยังสามารถก่อโรคในระบบประสาท ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบโลหิต เป็นต้น
โดยทั่วไปการติดเชื้อที่เกิดจาก Mycoplasma pneumoniae นั้นไม่รุนแรง อาการขึ้นอยู่กับชนิดของการติดเชื้อ
เด็กที่ได้รับ Mycoplasma pneumoniae มักจะมีอาการของไข้หวัด
ประเภทของการติดเชื้อที่พบบ่อยที่สุดคือ tracheobronchitis (โรคหวัด) อาการทั่วไปของโรคหวัด ได้แก่
- เจ็บคอ
- รู้สึกเหนื่อย
- ไข้
- อาการไอแย่ลงอย่างช้าๆ ซึ่งอาจกินเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
- ปวดหัว
เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีที่ได้รับ Mycoplasma pneumoniae อาจมีอาการที่แตกต่างจากเด็กโตและผู้ใหญ่ แต่อาจมีอาการคล้ายหวัดดังต่อไปนี้:
- จาม
- คัดจมูกหรือมีน้ำมูกไหล
- เจ็บคอ
- น้ำตาไหล
- หายใจมีเสียงหวีด
- อาเจียน
- ท้องร่วง
โรคปอดบวม (การติดเชื้อในปอด) อาจเกิดขึ้นได้ อาการทั่วไปของโรคปอดบวม ได้แก่ มี
- ไข้และหนาวสั่น
- ไอ
- รู้สึกเหนื่อย
- หายใจถี่
เมื่อมีคนติดเชื้อแบคทีเรีย อาการมักปรากฏขึ้นหลังจาก 1 ถึง 4 สัปดาห์
อาการนอกปอดของการติดเชื้อ Mycoplasma pneumoniae
หัวใจ
- หัวใจวาย
- กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
- เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
ระบบประสาท
- สมองขาดเลือด
- สมองอักเสบ
- เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- ประสาทไขสันหลังอักเสบ
- ปลายประสาทอักเสบ
- หน้าเบี้ยวครึ่งซีก
ข้อ
- ข้ออักเสบข้อเดียว
- ข้ออักเสบหลายข้อ
ผิวหนัง
- ผื่นลมพิษ
- ผื่นแพ้ Steven Johnson
- ผื่น
ระบบโลหิต
- เกิดลิ่มเลือด
- เกล็ดเลือดต่ำและเกิดผื่น Throbotic Thrombocytopenic Purpera
การวินิจฉัย Mycoplasma pneumoniae
- เจาะเลือดตรวจ CBC มักจะปกติ ถ้าเป็นเชื้อแบคทีเรียเม็ดเลือดขาวจะสูง
- ตรวจเสมหะพบแต่เม็ดเลือดขาวไม่พบเชื้อแบคทีเรีย
- X-ray ปอดพบรอยฝ้าขาวที่ปอด
- เจาะเลือดตรวจ cold agglutinin มากกว่า 1:64 ก็ให้การวินิจฉัยได้ หรือเจาะเลือด 2 ครั้งห่างกัน 2 สัปดาห์ถ้าค่าที่สองมากกว่าค่าแรก 4 เท่าก็ให้การวินิจฉัยได้
- การเพาะเชื้อ เนื่องจากระยะเวลาที่ใช้ในการเพาะเชื้อค่อนข้างนาน และความไวของการตรวจค่อนข้างต่ำจึงไม่เป็นที่นิยม
- การตรวจทางภูมิคุ้มกันวิทยา ปัจจุบันนิยมตรวจโดยวิธี EIA หรือ IFA เพราะสะดวก ทราบผลเร็ว และมีการพัฒนาเป็นชุดตรวจชนิดรวดเร็ว เช่น rapid EIA card และ Immunocard IgM test ทำให้สะดวกยิ่งขึ้น
- การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อ โดยวิธีการ PCR ทราบผลได้รวดเร็ว มีความไว ความจำเพาะสูงในสิ่งส่งตรวจจากคอ หรือช่องจมูก หากเป็นสิ่งส่งตรวจอื่น ยังมีข้อจำกัด
การรักษา Mycoplasma pneumoniae
- ยาปฏิชีวนะที่ใช้คือ tetracycline หรือ erythromycin 500 mg รับประทานวันละ 4 ครั้ง
- ยานี้ทำให้หายเร็วขึ้นแต่ผู้ป่วยยังมีเชื้ออยู่ได้ 1-2 สัปดาห์
- ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการไอ หรืออ่อนเพลียได้อีกหลายสัปดาห์
โดยอาการส่วนใหญ่ที่พบจะไม่ค่อยรุนแรง และสามารถหายได้เอง แต่ถ้ามีอาการมากกว่าปกติ ให้รับมาพบแพทย์เพื่อพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะเพราะอาจเกิดอันตรายจากภาวะแทรกซ้อนในระบบทางเดินปัสสาวะได
ยาที่แนะนำให้ใช้ในการรักษาปอดอักเสบจากเชื้อ M. pneumoniae คือ ยากลุ่ม macrolides และ tetracyclines
- แต่ในเด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี ควรหลีกเลี่ยงการใช้กลุ่ม tetracyclines ขนาดยาที่ใช้ในการรักษา คือ erythromycin 40 ถึง 50 มก./กก./วัน แบ่ง 4 ครั้ง นาน 10 วัน หรือ clarithromycin 15 มก./กก./วัน แบ่ง 2 ครั้ง นาน 10 วัน หรือ azithromycin 10 มก./กก./วัน ในวันแรกและต่อด้วย 5 มก./กก./วัน นาน 4 วัน ซึ่งผลการรักษาในยากลุ่ม macrolides แต่ละตัวไม่แตกต่าง
- สำหรับวัยรุ่นและผู้ใหญ่ ยาที่แนะนำคือ erythromycin หรือ tetracycline ขนาด 2 ก./วัน แบ่ง 4 ครั้ง หรือ doxycycline 200 มก./วัน แบ่ง 2 ครั้ง นาน 10 วัน หรือ azithromycin ขนาด 1 ก./วัน ในวันแรกต่อด้วย 500 มก. นาน 4 วัน หรือ clarithromycin 1 ก./วัน แบ่ง 2 ครั้ง นาน 10 วัน
ปัจจุบันมีรายงานเชื้อ M. pneumonia ดื้อยากลุ่ม macrolides เพิ่มมากขึ้น เกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่ domain V ของ 23S rRNA ยาที่แนะนำในการรักษา M. pneumonia ที่ดื้อยาคือ doxycycline, tetracycline หรือ levofloxacin การให้ยาปฏิชีวนะอาจไม่มีความจำเป็นในโรคหูอักเสบ คอหอยอักเสบ กล่องเสียงอักเสบ หรือหลอดลมฝอยอักเสบที่เกิดจากเชื้อ M. pneumoniae เนื่องจากอาการมักไม่รุนแรงและสามารถหายเองได้
ภาวะแทรกซ้อน Mycoplasma pneumoniae
แม้ว่า M. pneumoniae มักจะทำให้เกิดการติดเชื้อเล็กน้อย แต่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงอาจเกิดขึ้นได้ซึ่งต้องได้รับการดูแลในโรงพยาบาล M. pneumoniae อาจทำให้เกิดหรือทำให้อาการแทรกซ้อนต่อไปนี้แย่ลง:
- โรคปอดอักเสบร้ายแรง
- อาการหอบหืดกำเริบหรืออาการใหม่ของโรคหอบหืด
- สมองอักเสบ (สมองบวม)
- ผุ้ป่วยอาจจะมีโลหิตจางจากการแตกของเม็ดเลือดแดง hemolytic anemia(เซลล์เม็ดเลือดแดงน้อยเกินไป ซึ่งหมายถึงเซลล์ที่จะส่งออกซิเจนในร่างกายน้อยลง)
- ไต ( ปัญหาเกี่ยวกับไต)
- ความผิดปกติของผิวหนัง เช่น Stevens-Johnson syndrome, erythema multiforme, toxic epidermal necrolysis erythema nodusum
- มีการอักเสบของเยื่อแก้วหู ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดหู
- เยื่อหุ้มหัวใจ และกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ผู้ป่วยจะมีอาการหัวใจวาย เหนื่อย และแน่นหน้าอก
- ผู้ป่วยอาจจะมีเยื่อหุ้มสมองและสมองอักเสบได้
คนที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ Mycoplasma pneumoniae
Mycoplasma pneumoniae ระบาดส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่แออัด
Mycoplasma pneumoniae พบได้บ่อยในผู้ใหญ่วัยหนุ่มสาวและเด็กวัยเรียน แต่อาจส่งผลกระทบต่อทุกคน ผู้คนที่อาศัยและทำงานในสถานที่แออัดมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น การตั้งค่าเหล่านี้รวมถึง:
- โรงเรียน
- หอพักวิทยาลัย
- ฝึกทหาร สถาน
- ดูแลระยะยาว
- โรงพยาบาล
บุคคลอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อร้ายแรง ได้แก่:
- ฟื้นตัวจากอาการป่วยทางเดินหายใจ
- ด้วยระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
การป้องกันการติดเชื้อ Mycoplasma pneumoniae
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ M. pneumoniae และผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อได้ตลอดช่วงที่มีอาการ ดังนั้น หลักในการป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อขณะที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล คือ standard และ droplet precaution ส่งเสริมการล้างมือเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อให้แก่ผู้อื่นช่วยป้องกันตนเองและผู้อื่นจาก Mycoplasma pneumoniae โดย ฝึกสุขอนามัยของมือที่ดี
ผู้คนสามารถติดเชื้อ Mycoplasma pneumoniae ได้มากกว่าหนึ่งครั้ง แม้ว่าจะไม่มีวัคซีนป้องกัน M. pneumoniae แต่ก็มีหลายสิ่งที่ผู้คนสามารถทำได้เพื่อป้องกันตนเองและผู้อื่น
สุขอนามัยที่ดี
เช่นเดียวกับเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจ Mycoplasma pneumoniae มักแพร่กระจายโดยการไอและจาม เคล็ดลับในการป้องกันการแพร่กระจายของ เชื้อ M. pneumoniae ได้แก่:
- ปิดปากและจมูกด้วยทิชชู่เมื่อคุณไอหรือจาม
- ใส่กระดาษทิชชูที่ใช้แล้วลงในถังขยะ
- หากคุณไม่มีทิชชู่ ให้ไอหรือจามใส่แขนเสื้อหรือข้อศอก ไม่ใช่มือ
- ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อย 20 วินาที
- หากไม่มีสบู่และน้ำ ให้ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ
ยาปฏิชีวนะป้องกัน
โดยทั่วไป แพทย์จะไม่สั่งยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ผู้อื่นป่วย (เช่น การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ)
ทบทวนวันที่ 8/1/2566
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
เอกสารอ้างอิง
- American academy of pediatrics. Mycoplasma pneumniae and other Mycoplasma species infections. In: Kimberlin DW, Brady MT, Jackson MA, Long SS, eds. Red book 2015 report of the committee on infectious diseases. 30th ed. Elk Grove Village 2015. p. 568-71.
- Pereyre S, Goret Julien, Bebear Cecile. Mycoplasma pneumoniae: current knowledge on macrolide resistance and treatment. Front Microbiol 2016;7:974
- Shah SS. Mycoplasma pneumoniae. In: Long SS, Pickering LK, Prober CG, eds. Principles and Practice of Pediatric – Infectious Diseases, 4thed. Philadelphia: Elsevier Inc; 2012. p.993-7e5.