หากมีอาการดังต่อไปนี้ให้หยุดยาและปรึกษาแพทย์โดยทันที

  • ปวดศีรษะ มึนงง ตามัว
  • ไข้หนาวสั่น ปวดตามตัว ครั่นเนื้อครั่นตัว
  • ผิวแดง หรือมีตุ่มตามผิวหนัง
  • ปัสสาวะออกน้อย หรือไม่ออก
  • ตัวเหลืองตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม
  • ปวดท้องร้าวไปหลัง คลื่นไส้อาเจียน
  • จ้ำเลือดตามลำตัวหรือเลือดออกง่าย

ผลข้างเคียงที่รุนแรงไม่มากได้แก่

  • มีแผลหรือบวมก้นหรืออวัยวะเพศ
  • ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน
  • ฝ้าขาวในปาก
  • ลิ้วบวมกลืนลำบาก
  • ตกขาวและคันช่องคลอด

ข้อบ่งชี้ในการใช้ยา

  • ใช้รักษาโรคที่เกิดจากเชื้อ Rickettsiae เช่น typhus
  • โรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อ Mycoplasma pneumoniae
  • ฝีมะม่วงที่เกิดจากเชื้อ Chlamydia trachomatis
  • ริดสีดวงตา
  • หนองในเทียม
  • แผลริมอ่อน
  • กาฬโรค
  • อหิวาตกโรค
  • Brucellosis due to Brucella species (in conjunction with streptomycin)
  • การติดเชื้อชนิดอื่นที่ผลเพาะเชื้อว่าเชื้อไม่ดื้อต่อยา เช่น
    • Escherichia coli
    • Enterobacter aerogenes 
    • Shigella species
    • Acinetobacter species
    • Respiratory tract infections caused by Haemophilus influenzae
    • Respiratory tract and urinary tract infections caused by Klebsiella species
  • เชื้อกรัมบวกเช่น
    • การติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อ Streptococcus pneumoniae
    • การติดเชื้อผิวหนังจากเชื้อ Staphylococcus aureus
  • หนองในแท้ gonorrhea ให้ 500 mgทุก 6 ชั่วโมงเป็นเวลา 7 วัน
  • ซิฟิลิส Syphilis ให้ยาทั้งหมด 30ถึง 40 gแบ่งให้ 10-15 วัน
  • Yaws caused by Treponema pertenue
  • Listeriosis
  • โรค Anthrax due to Bacillus anthracis
  • บิดมีตัว amebiasis

ขนาดและวิธีการให้ยา

ผู้ใหญ่ขนาดที่ใช้วันละ 1-2 กรัมสำหรับการติดเชื้อที่ไม่รุนแรงโดยให้ 500 มก วันละ 2ครั้ง หรือ 250 มก วันละ 4 ครั้ง สำหรับรายที่ติดเชื้อรุนแรงจะให้ 500 มก วันละ 4 ครั้ง

สำหรับเด็กอายุมากกว่า 8 ขวบให้ 25-50 มก/กก

จะให้ยาไปอีก 1-2 วันหลังจากอาการหายแล้ว

ผลข้างเคียง

ยานี้ผลข้างเคียงไม่มาก ไม่ค่อยพบอาการข้างเคียงจากยานี้ แต่ก็เกิดขึ้นได้

  • ทางเดินอาหารได้แก่อาการ คลื่นไส้อาเจียน แน่นท้อง ท้องร่วง
  • ทางผิวหนัง จะมีผื่นแดงเล็บเปลี่ยนสี แพ้แสงแดด
  • ไตเสื่อม
  • เกิดดีซ่านซึ่งจะต้องใช้ยาในขนาดที่สูง
  • แพ้ยามีผื่นขึ้น มีไข้ ปวดข้อ ลมพิษ

ข้อควรระวัง

  • ไม่ควรใช้ยานี้ในขณะตั้งครรภ์เพราะอาจจะมีผลเสียต่อทารก
  • ควรบอกแพทย์หากตั้งครรภ์ หรืออยู่ในระยะให้นมบุตร
  • หรือเป็นโรคตับ
  • ห้ามใช้ยานี้ในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 8 ขวบเพราะอาจจะทำให้ฟันเหลือง
  • หากตั้งครรภ์ในระหว่างใช้ยานี้ ให้หยุดยาและปรึกษาแพทย์
  • ผลการรักษาของยานี้อาจลดลงเมื่อรับประทานพร้อมกับยาชนิดใดชนิดหนึ่งต่อไปนี้ :
  • ยาลดกรด
  • ธาตุเหล็ก
  • ยาเสริมแคลเซียม
  • หรือยาระบายแมกนีเซียม
  • จึงควรรับประทานห่างกันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ห้ามใช้ยาที่หมดอายุ เพราะอาจทำให้เกิดโรคไตได้ (ยาเตตรราชัยคลินที่หมดอายุ ผงยาจะเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีน้ำตาล)

สตรีมีครรภ์

สำหรับสตรีมีครรภ์ ยานี้จัดอยู่ในประเภท D ไม่ควรจะใช้