ผลกระทบของรังสีต่อการตั้งครรภ์

 

หญิงที่ตั้งครรภ์เมื่อต้องได้รับการตรวจ x-ray จะมีความกังวลว่ารังสีจะมีผลต่อทารกหรือไม่ การที่แพทย์จะสั่งการตรวจรังสีในคนตั้งครรภ์แพทย์จะประเมินประโยชน์และโทษ หากมีประโยชน์มากกว่าโทษแพทย์ก็จะสั่งการตรวจ

รังสีที่เราได้รับมีกี่ประเภท

รังสีที่เราได้รับ มาจาก

  • x-ray ที่ใช้ในการวินิจฉัย
  • รังสีที่ใช้ในการรักษา เช่น การฝั่งแร่ ยาที่อาบรังสีเช่นการรับประทานไอโอดินฉาบรังสี
  • รังสีที่เกิดจากที่ทำงาน
  • รังสีที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม เช่น โรงงานไฟฟ้านิวเคลียระเบิด

ผลกระทบของรังสีต่อทารก

  • ทารกเสียชีวิตในครรภ์
  • อวัยวะผิดรูป
  • ปัญญาอ่อน
  • มะเร็งเม็ดเลือด
  • มะเร็ง

หน่วยที่ใช้วัดรังสี

หน่วยที่ใช้วัดรังสีมีด้วยกันหลายวิธี

  • การวัดปริมาณรังสีที่ได้รับต่อการตรวจมีหน่วยนับคือ radiation-absorbed dose (rad) ซึ่งเป็นการวัดตามอเมริกา และ gray (Gy) ซึ่งเป็นการวัดนานาชาติ โดย 1 Gy =100 rad
  • การวัดปริมาณรังสีที่ได้รับต่อหน่วยเวลาเรียกหน่วยการวัดว่า roentgen equivalent man (rem) unit และ sievert (Sv) unit โดยค่า 1 Sv = 100 rem

ผลของx-ray ต่อทารก

ผลของ x-ray ต่อทารกมีได้ 2 รูปแบบกล่าวคือ

1รูปแบบที่สามารถคาดการณ์ได้

ผลของx-ray ต่อทารกในรูปแบบนี้มักจะเกิดในขณะทารกอยู่ในครรภ์ ในขณะที่เซลล์ของทารกมีจำนวนน้อย และกำลังจะจะพัฒนาเป็นอวัยวะ และมักจะขึ้นกับปริมาณรังสีที่ได้รับ

  • ในช่วงที่เริ่มจะมีการฝังตัวของทารกรังสีขนาด 0.1-0.15 Gy จะทำให้เกิดการแท้ง
  • ในช่วงการตั้งครรภ์ สัปดาห์ที่ 3-7 รังสีขนาด 0.05-0.5 Gy จะทำให้มีความผิดปกติของระบบกระดูก เช่น ขนาดของศีรษะมีขนาดเล็ก
  • ในช่วงที่การตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 8-25 ขนาดรังสี 0.05-0.5 Gy จะทำให้เกิดปัญญาอ่อน

2ผล x-ray ต่อทารกในระยะยาว

ผลต่อทารกระยะยาวจะเกิดหลังจากทารกคลอดออกมาแล้ว ซึ่งพบได้ทั้งมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมไทรอยด์หรือมะเร็ง การเกิดโรคไม่ขึ้นกับขนาดของรังสีที่ได้รับ

การป้องกัน

การป้องกันรังสีโดยเฉพาะในช่วงการตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก หากแพทย์สั่งการตรวจในระยะ 3 เดือนแรกคุณแม่จะต้องถามว่าการตรวจมีผลถึงบุตรหรือไม่ สมาคมรังสีของอเมริกาแจ้งว่าการใช้x-ray เพื่อการวินิจฉัยเพียงครั้งเดียวไม่มีผลต่อทารก การสัมผัสรังสีขนาดน้อยกว่า 50 mGy ก็ไม่พบว่ามีผลต่อทารก

คุณแม่จะได้รับรังสีจากการตรวจ x-ray แต่ละชนิดเท่าไร

การตรวจทางรังสีทั่วไป

  • การตรวจรังสีทรวงอกจะถ่าย 2 ท่ารังสีที่ได้รับประมาณ 0.07 mrad
  • การตรวจรังสีที่ท้องจะได้รับรังสีประมาณ 100 mrad
  • การตรวจรังสีสำหรับผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุซึ่งจะต้องตรวจ กระดูกแขนขา กระโหลก ชายโครงจะได้รับรังสีไม่มาก แต่หากตรวจกระดูกสะโพก หรือกระดูกเชิงกรานจะได้รับรังสีประมาณ 200 mrad

การตรวจ Computed tomography (CT) scan

การตรวจ CTนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อการวินิจฉัยโรค

  • การตรวจ CT ที่ส่วนหัวทารกจะได้รับรังสี 0.05 rad
  • การตรวจกระดูกสันหลังส่วนหน้าอก ทารกจะได้รับรังสี 0.10 rad
  • การตรวจบริเวณท้องทารกจะได้รับรังสีประมาณ 0.17-0.35 rad

การตรวจโดยการกลืนแป้ง การสวนสีทางลำไส้ หรือการฉีดสีเข้าหลอดเลือด

การตรวจดังกล่าวจะเหมือนการถ่ายภาพยนต์ซึ่งจะต้องสัมผัสรังสีมากกว่าการตรวจปอด

  • การฉีดสีหลอดเลือดสมอง ทารกจะได้รับรังสี 10 mrad
  • การกลืนแป้งตรวจกระเพาะและลำไส้เล็กส่วนต้น ทารกจะได้รับรังสี 0.05 rad
  • การกลืนแป้งตรวจลำไส้ ทารกจะได้รับรังสีอาจจะมากถึง 2 rad

การตรวจทาง Nuclear medicine

การตรวจทาง Nuclear medicine เช่นการตรวจ scan ของกระดูก ไทรอยด์ ปอด การตรวจด้วยวิธีนี้ทารกจะได้รับรังสีมากกว่าการ x-ray

  • การตรวจ Ventilation/perfusion scans ทารกจะได้รับรังสี 20-50 mrad
  • การรักษาต่อมไทรอยด์ด้วย Iodine-125 โดยเฉพาะในระยะการตั้งครรภ์ไตรมาศแรกจะมีโอกาศต่อมไทรอยด์ของทารกจะถูกทำลาย หากทราบว่าตั้งครรภ์หลังจากได้รับ Iodine-125 แล้วก็ให้คุณแม่ดื่มน้ำมากๆ ปัสสาวะบ่อยๆ และรับสาร potassium iodide เพื่อลดรังสีที่จะไปยังทารก ปริมาณรังสีที่ทารกได้รับอาจจะมากถึง 10 rad

การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า Magnetic resonance imaging

เป็นการตรวจที่ปลอดภัยสำหรับทารก นอกจากจะต้องมีการฉีดสี Gadolinium เพื่อการวินิจฉัยจะมีความเสี่ยงต่อทารก ซึ่งไม่แนะนำให้ฉีดสีนี้ในระหว่างการตั้งครรภ์

ตารางแสดงการตรวจและรังสีที่ทารกได้รับระหว่างการตรวจ

การตรวจ ค่าเฉลี่ย mGy สูงสุด mGy
x-ray ช่องท้อง Abdominal radiograph 1.4 4.2
x-ray ทรวงอก Chest radiograph < 0.01 < 0.01
ฉีดสีตรวจไต IV pyelogram 1.7 10
ตรวจกระดูกสันหลัง Lumbar spine 1.7 10
x-ray กระดูกเชิงกราน Pelvis 1.1 4
ตรวจกระโหลก Skull < 0.01 < 0.01
ตรวจกระดูกสันหลังบริเวณอก Thoracic spine < 0.01 < 0.01
กลืนแป้งตรวจกระเพาะ Barium meal 1.1 5.8
สวนสีตรวจลำไส้ใหญ่ Barium enema 6.8 24
ตรวจ CT ช่องท้อง Abdominal CT scan 8.0 49
ตรวจ CT ช่องอก Chest CT scan 0.06 0.96
ตรวจ CT ช่องเชิงกราน Pelvic CT scan 25 79
ตรวจ CT ศีรษะ Head CT scan < 0.005 < 0.005

การตรวจ Ultrasonography

การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์จะส่งผลถึงทารกในแง่ความรู้ที่เกิดจากคลื่นเสียงความถี่สูง โดยเฉพาะการตรวจ pulsed Doppler, color flow การป้องกันการเกิดผลเสียจากการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงได้แก่ การลดระยะเวลาในการตรวจ หลีกเลี่ยงอวัยวะที่สำคัญ และปฏิบัติตามคำแนะนำของเครื่องมือ

ผลต่อสุขภาพทารกจากรังสี | ผลกระทบจากโลหะหนัก | ยาฆ่าแมลงมีผลต่อทารกหรือไม่ | ผลกระทบจากสารเคมี | ผลกระทบจากยา | nutrition | สารเสพติด |

เพิ่มเพื่อน