หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
อายุไม่ควรเป็นเกณฑ์เดียวเพื่อพิจารณาว่ามีจำเป็นต้องทานวิตามินรวมหรือไม่ ผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดีและกระฉับกระเฉงส่วนใหญ่สามารถรับวิตามิน และแร่ธาตุที่ต้องการได้โดยการบริโภคอาหารที่หลากหลายและสมดุล อย่างไรก็ตาม คนอื่นๆ อาจจำเป็นต้องทานอาหารเสริมวิตามินรวม ด้วยเหตุผลหลายประการ
สาเหตุที่ผู้สูงอายุอาจจะเกิดภาวะขาดวิตามิน
แม้ว่าโรคขาดสารอาหารแบบคลาสสิกที่เกิดจากการบริโภควิตามิน และแร่ธาตุบางชนิดไม่เพียงพอนั้นหายากในปัจจุบัน แต่ผู้ใหญ่สูงอายุที่อาศัยอยู่ในชุมชนจำนวนมากมีความเสี่ยงต่อภาวะทุพโภชนาการ การศึกษาในปี 2542 พบว่า 67% ถึง 88% ของผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุที่มีปัญหาทางโภชนาการที่บ้าน มีความเสี่ยงทางโภชนาการปานกลางถึงสูง.
ค่าอาหารที่แนะนำ (RDA) สำหรับ วิตามินและแร่ธาตุยังคงคล้ายคลึงกันสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 75 ปีเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ที่อายุน้อยกว่า แต่ความต้องการพลังงาน(แคลอรี่)อาจลดลงมากถึงร้อยละ 25% ในทางกลับกัน การผ่าตัดหรือการบาดเจ็บอื่นๆ อาจเพิ่มความต้องการสารอาหารสำหรับวิตามินบางชนิดและ แร่ธาตุ ในทางปฏิบัติหมายความว่าผู้สูงอายุจะต้องได้รับวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณที่เท่ากัน แต่ผู้สูงอายุรับอาหารในปริมาณที่น้อยลงทำให้ได้รับวิตามินและเกลือแร่ลดลง และข้อเท็จจริงที่ว่าผู้สูงอายุจำนวนมากได้รับสารอาหารไม่เพียงพอหรือมีการดูดซึมบกพร่อง
การบริโภคสารอาหารอาจไม่เพียงพอเนื่องจากความยากจน, อาการเบื่ออาหาร, การแยกทางสังคม, ภาวะซึมเศร้า, ภาวะสมองเสื่อม, ความทุพพลภาพในการทำงาน, ปัญหาการเคี้ยวและการกลืน, รับประทานยาหลายชนิด, ภาวะทางการแพทย์เฉียบพลันหรือเรื้อรังและการเลือกอาหารไม่เหมาะสม ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามทำให้ไม่สามารถรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและหลากหลาย ซึ่งรวมถึงผลไม้ ผัก ธัญพืชไม่ขัดสี ผลิตภัณฑ์จากนม และเนื้อสัตว์หรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ ที่ควรรับประทานเป็นประจำทุกวัน บุคคลเหล่านี้ควรทานอาหารเสริมที่มีแร่ธาตุหลายชนิด
แร่ธาตุที่มีแนวโน้มว่าจะบริโภคต่ำกว่าที่ร่างกายต้องการ มากที่สุดคือธาตุเหล็ก แคลเซียม สังกะสี และแมกนีเซียม วิตามินที่มีแนวโน้มว่าจะขาดมากที่สุดคือไรโบฟลาวินและวิตามินดี บี6 และบี1 2
สิ่งที่สำคัญคือผู้สูงอายุรับประทานอาหารน้อยละทำให้ได้รับสารอาหารหลายชนิดไม่พอเช่น ได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอเนื่องจากอาหารที่มีแคลเซียมต่ำ และมักจะมีวิตามิน D, A, B6 และ B1 2 ไรโบฟลาวิน แมกนีเซียม โพแทสเซียม และโฟเลต ต่ำด้วย การขาดสารไรโบฟลาวินในผู้สูงอายุนั้นพบได้บ่อย โดยเกิดขึ้นใน 20% ถึง 27% ของสูงอายุ ผู้ทานมังสวิรัติที่หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทั้งหมด รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากนมและไข่ อาจต้องให้แคลเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี และวิตามิน B12 และวิตามิน D .
หากผู้สูงอายุมีสุขภาพดี รับประทานอาหารได้ดีก็ไม่มีความจำเป็นต้องได้รับวิตามินรวม ยกเว้นผู้สูงอายุหลังผ่าตัด หรือหลังเจ็บป่วย หรือรับประทานอาหารได้น้อย นอกจากนั้นยังไม่มีหลักฐานว่าวิตามินสามารถป้องกันโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เหตุผลที่ผู้สูงอายุไม่ควรรับวิตามินรวม
แนวทางของแพทย์ในการตอบสนองความต้องการสารอาหารของผู้ป่วยอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ จุดเน้นเปลี่ยนจากการป้องกันการขาดสารอาหารเป็นการป้องกันโรคเรื้อรัง
สารอาหาร | ปริมาณที่ต้องการต่อวัน | หากขาดจะเกิดโรค |
---|---|---|
Calcium | 1,200 mg | โรคกระดูกพรุน ความดันโลหิตสูง |
Iron | 10mg | โลหิตจาง |
Magnesium | 320 mg (women) 420 mg (men) |
ภูมิคุมกันผิดปกติ |
Riboflavin | 1.1 mg | แผลในปาก |
Vitamin B6 | 1.5 mg | ผิวหนังอักเสบ โรคหัวใจ |
Vitamin B1 2 | 2.4 microgram | โลหิตจาง |
Vitamin D | 10 ^ g (51-70 years) 15 n g (> 70 years) |
โรคกระดูกพรุน ความดันโลหิตสูง |
Zinc | 12 mg | ภูมิคุมกันผิดปกต |
แม้ว่าวิตามินและเกลือแร่จะมีประโยชน์ แต่ยังไม่ไมีหลักฐานว่าการให้วิตามินและเกลือแร่จะป้องกันโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ ควรจะทำตามคำแนะนำของแพทย์ ข้อเสียของการให้วิตามิน
https://www.ccjm.org/content/ccjom/67/3/155.full.pdf