หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
อัปเดตล่าสุด: 17 กันยายน 2025
หลายคนหันมารับประทานสลัดเพราะเชื่อว่าเป็นมื้ออาหารที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยควบคุมน้ำหนัก และเต็มไปด้วยวิตามินจากผักสด แต่เคยสังเกตไหมว่า "น้ำสลัด" ที่คุณเลือกราดลงบนผักชามโปรด อาจเป็นตัวการเงียบที่ทำลายความตั้งใจดีๆ ของคุณอยู่ น้ำสลัดบางชนิดเต็มไปด้วยน้ำตาล โซเดียม และไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพ จนอาจเปลี่ยนสลัดผักของคุณให้กลายเป็นอาหารจานที่มีแคลอรีสูงเทียบเท่ากับของทอดเลยทีเดียว
วันนี้เราจะมาเจาะลึกโลกลึกลับของน้ำสลัด เพื่อให้คุณสามารถเลือกและปรุงมื้อสลัดที่ "ดีต่อสุขภาพ" ได้อย่างแท้จริง
ก่อนจะหยิบน้ำสลัดขวดไหนใส่ตะกร้า ลองพลิกดูฉลากโภชนาการสักนิด แล้วมองหาสิ่งเหล่านี้:
น้ำตาล: น้ำสลัดหลายชนิด โดยเฉพาะแบบครีมข้น รสหวาน หรือน้ำสลัดไขมันต่ำ (Low-Fat) มักมีการเติมน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมข้าวโพด (High-Fructose Corn Syrup) เข้าไปในปริมาณมากเพื่อปรุงแต่งรสชาติ การบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไปเป็นสาเหตุของโรคอ้วน เบาหวาน และโรคหัวใจ
โซเดียม: น้ำสลัดสำเร็จรูปมักมีโซเดียมสูงเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาและทำให้รสชาติเข้มข้นขึ้น การบริโภคโซเดียมเกินความจำเป็นส่งผลให้ร่างกายบวมน้ำ เพิ่มความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูงและโรคไต
ไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์: น้ำสลัดประเภทครีม เช่น ซีซาร์สลัด เทาซันด์ไอแลนด์ หรือแรนช์ มักมีส่วนผสมของมายองเนส ครีม หรือน้ำมันพืชคุณภาพต่ำ ซึ่งเป็นแหล่งของไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ที่เพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และเป็นอันตรายต่อหลอดเลือดและหัวใจ
วัตถุกันเสียและสารเคมี: เพื่อให้น้ำสลัดมีสีสันน่ารับประทานและเก็บได้นาน ผู้ผลิตมักเติมวัตถุเจือปนอาหาร สีผสมอาหาร และสารกันบูดต่างๆ ซึ่งอาจไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว
เมื่อยืนอยู่หน้าชั้นวางน้ำสลัด ลองใช้เวลาสักนิดพลิกดูฉลากโภชนาการ และยึดหลักง่ายๆ 4 ข้อนี้:
เลือกน้ำสลัดใส (Vinaigrette) เป็นอันดับแรก: โดยส่วนใหญ่ น้ำสลัดที่มีน้ำมันมะกอกเป็นส่วนประกอบหลัก (เช่น บัลซามิก หรืออิตาเลียน) เป็นทางเลือกที่ดีกว่าน้ำสลัดครีมข้น เพราะเป็นแหล่งไขมันดีที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจโดยส่วนใหญ่
อ่านส่วนผสม ยิ่งสั้น ยิ่งดี: เลือกขวดที่ใช้ส่วนผสมที่คุณอ่านแล้วเข้าใจง่าย เช่น น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์, น้ำส้มสายชูหมัก, มัสตาร์ด, เกลือ, พริกไทย หลีกเลี่ยงขวดที่มีรายการสารเคมีหรือสารปรุงแต่งยาวเหยียด
เช็กปริมาณน้ำตาลและโซเดียม: เปรียบเทียบฉลากโภชนาการและเลือกยี่ห้อที่มีปริมาณน้ำตาลและโซเดียมต่อหน่วยบริโภค (serving size) ต่ำที่สุด
ระวังกับดัก "ไขมันต่ำ (Low-Fat)": บ่อยครั้งที่ผู้ผลิตลดไขมันลงแล้วไปเพิ่มน้ำตาลและโซเดียมแทนเพื่อรักษารสชาติ ทำให้น้ำสลัดชนิดนี้อาจไม่ได้ดีต่อสุขภาพอย่างที่คิด
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น นี่คือตารางเปรียบเทียบคุณค่าทางโภชนาการโดยประมาณของน้ำสลัดยอดนิยม
หมายเหตุ: ค่าโดยประมาณต่อ 2 ช้อนโต๊ะ (ประมาณ 30 กรัม) ทั้งนี้อาจแตกต่างกันไปอย่างมากในแต่ละยี่ห้อและสูตร
ชื่อน้ำสลัด | แคลอรี (Kcal) | ไขมันอิ่มตัว (g) | โซเดียม (mg) | น้ำตาล (g) | ปริมาณที่แนะนำต่อมื้อ |
กลุ่มครีมข้น (ควรระวัง) | |||||
ซีซาร์ (Caesar) | ~160 | ~3.0 g | ~380 mg | ~1 g | ไม่เกิน 1-2 ช้อนโต๊ะ |
บลูชีส (Bleu Cheese) | ~150 | ~3.0 g | ~330 mg | ~1 g | ไม่เกิน 1-2 ช้อนโต๊ะ |
แรนช์ (Ranch) | ~140 | ~2.5 g | ~270 mg | ~1 g | ไม่เกิน 1-2 ช้อนโต๊ะ |
เทาซันด์ ไอแลนด์ (Thousand Island) | ~120 | ~2.0 g | ~290 mg | ~4 g | ไม่เกิน 2 ช้อนโต๊ะ |
กลุ่มรสหวาน (ระวังน้ำตาล) | |||||
ฮันนี่มัสตาร์ด (Honey Mustard) | ~120 | ~1.5 g | ~250 mg | ~7 g | ไม่เกิน 2 ช้อนโต๊ะ (ระวังน้ำตาล) |
งาญี่ปุ่น (Japanese Sesame) | ~130 | ~1.5 g | ~350 mg | ~5 g | ไม่เกิน 2 ช้อนโต๊ะ (ระวังน้ำตาล) |
กลุ่มน้ำใส (ระวังโซเดียม) | |||||
อิตาเลียน (Italian) | ~70 | ~1.0 g | ~480 mg | ~2 g | ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ (ระวังโซเดียม) |
บัลซามิก วินิเกรตต์ | ~80 | ~1.0 g | ~250 mg | ~4 g | ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ |
ทางเลือกสุขภาพดี | |||||
น้ำยำแบบไทย (Thai Spicy) | ~20 | ~0 g | ~400 mg | ~3 g | ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ (โซเดียมสูง) |
ข้อสังเกตจากตาราง:
กลุ่มครีมข้น: มีแคลอรีและไขมันอิ่มตัวสูงที่สุดอย่างชัดเจน
กลุ่มรสหวาน: น้ำสลัดฮันนี่มัสตาร์ดและงาญี่ปุ่นมีปริมาณน้ำตาลสูงอย่างน่าตกใจ
กลุ่มน้ำใส: แม้แคลอรีจะต่ำ แต่หลายยี่ห้อมีปริมาณโซเดียมสูงที่สุดในบรรดาน้ำสลัดทั้งหมด
น้ำยำแบบไทย: เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สุดในด้านแคลอรีและไขมัน แต่ต้องระวังปริมาณโซเดียมจากน้ำปลา
กลุ่มที่ควรระวัง (แคลอรีและไขมันสูง):
ซีซาร์ สลัด (Caesar Dressing): ทำจากไข่แดง น้ำมัน พาเมซานชีส มีไขมันและแคลอรีสูงมาก
เทาซันด์ ไอแลนด์ (Thousand Island): มีมายองเนสเป็นส่วนประกอบหลัก ให้พลังงานสูง
แรนช์ (Ranch): ทำจากบัตเตอร์มิลค์ ครีม และมายองเนส เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ควรจำกัดปริมาณ
กลุ่มที่เป็นมิตรต่อสุขภาพ (เมื่อเลือกอย่างฉลาด):
บัลซามิก วินิเกรตต์ (Balsamic Vinaigrette): ทำจากน้ำส้มสายชูบัลซามิกและน้ำมันมะกอก เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ระวังสูตรที่เติมน้ำตาลมากเกินไป
น้ำสลัดงาญี่ปุ่น (Japanese Sesame Dressing): มีรสชาติอร่อยและได้ประโยชน์จากงา แต่ควรเลือกสูตรน้ำตาลและโซเดียมต่ำ
น้ำยำแบบไทย (Thai Spicy Salad Dressing): เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม! ทำจากน้ำมะนาว น้ำปลา พริก และน้ำตาลเล็กน้อย มีไขมันต่ำและให้รสชาติจัดจ้านถูกปากคนไทย
ก่อนจะไปทำความรู้จักน้ำสลัดแต่ละชนิด สิ่งสำคัญคือการเข้าใจว่าอะไรทำให้น้ำสลัดดีหรือไม่ดีต่อสุขภาพ
สิ่งที่ควรระวังในน้ำสลัดสำเร็จรูป:
น้ำตาล: มักถูกเติมเข้ามาเพื่อปรุงรส โดยเฉพาะในน้ำสลัดไขมันต่ำ (Low-Fat)
โซเดียม: ใช้เพื่อเพิ่มรสชาติและยืดอายุการเก็บรักษา
ไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์: มักพบในน้ำสลัดประเภทครีมข้นที่ใช้มายองเนสหรือน้ำมันพืชคุณภาพต่ำ
สารปรุงแต่ง: วัตถุกันเสียและสีผสมอาหารต่างๆ
ทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ:
น้ำสลัดใส (Vinaigrette): มักมีส่วนผสมหลักเป็นน้ำมันมะกอกและน้ำส้มสายชู ซึ่งดีต่อสุขภาพ
ส่วนผสมที่เรียบง่าย: ยิ่งรายการส่วนผสมสั้นและอ่านเข้าใจง่ายเท่าไหร่ ยิ่งดี
ทำเองที่บ้าน: คือทางเลือกที่ดีที่สุดในการควบคุมส่วนผสมทั้งหมด
เรามาดูกันว่าน้ำสลัดที่คุ้นเคยกันดีนั้นมีที่มาและลักษณะเฉพาะตัวอย่างไรบ้าง
1. น้ำสลัดแรนช์ (Ranch Dressing) น้ำสลัดที่ได้รับความนิยมสูงสุดในอเมริกาเหนือ มีรสชาติสมดุลระหว่างความครีมมัน กลิ่นสมุนไพร และความหอมของหัวหอม
ส่วนผสมหลัก: บัตเตอร์มิลค์, ซาวร์ครีม, มายองเนส, ผสมกับสมุนไพรอย่างผักชีลาว (Dill), พาร์สลีย์, ต้นหอม, กระเทียม และพริกไทยดำ
รสชาติ: ครีมมี่นุ่มนวล มีกลิ่นหอมสดชื่นจากสมุนไพร
เหมาะกับ: สลัดทั่วไป, ค็อบบ์สลัด (Cobb Salad) หรือใช้เป็นดิปสำหรับปีกไก่ทอดและผักสด
ข้อควรรู้ด้านสุขภาพ: มีแคลอรีและไขมันอิ่มตัวสูง ควรจำกัดปริมาณการทาน
2. น้ำสลัดบลูชีส (Bleu Cheese Dressing) น้ำสลัดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรสชาติที่หนักแน่นและเป็นเอกลักษณ์ของบลูชีส
ส่วนผสมหลัก: มีพื้นฐานคล้ายน้ำสลัดแรนช์ แต่เพิ่มบลูชีสบดลงไป ทำให้เกิดรสชาติและกลิ่นที่โดดเด่น
รสชาติ: เค็มมัน เข้มข้น และมีกลิ่นเฉพาะตัวของชีสราสีฟ้า
เหมาะกับ: ค็อบบ์สลัด, สลัดผักโขมที่ใส่เบอร์รีและถั่วหวาน หรือใช้เป็นดิปคู่กับปีกไก่บัฟฟาโลวิงส์
ข้อควรรู้ด้านสุขภาพ: เป็นน้ำสลัดที่มีไขมัน โซเดียม และแคลอรีสูงมากอีกชนิดหนึ่ง
3. น้ำสลัดซีซาร์ (Caesar Dressing) น้ำสลัดระดับตำนานที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 1920 โดยซีซาร์ คาร์ดินี (Caesar Cardini) เชฟชาวอิตาเลียนในเม็กซิโก
ส่วนผสมหลัก: น้ำมันมะกอก, ไข่แดง, น้ำมะนาว, วูสเตอร์ซอส, กระเทียม, มัสตาร์ด, พาเมซานชีส และที่ขาดไม่ได้คือปลาแอนโชวี่ (ในสูตรสมัยใหม่)
รสชาติ: ซับซ้อน กลมกล่อม มีทั้งรสเค็มมันจากชีสและแอนโชวี่ รสเปรี้ยวจากมะนาว และกลิ่นหอมของกระเทียม
เหมาะกับ: ซีซาร์สลัดที่ใช้ผักโรเมนเป็นหลัก
ข้อควรรู้ด้านสุขภาพ: แม้จะมีไขมันดีจากน้ำมันมะกอก แต่ก็มีไขมันและโซเดียมสูงจากชีสและแอนโชวี่
4. น้ำสลัดอิตาเลียน (Italian Dressing) แม้จะชื่ออิตาเลียน แต่กลับเป็นน้ำสลัดที่ถือกำเนิดในอเมริกา โดยลูกหลานผู้อพยพชาวอิตาลี
ส่วนผสมหลัก: เป็นน้ำสลัดใส (Vinaigrette) ที่มีเบสเป็นน้ำมันและน้ำส้มสายชู เพิ่มความพิเศษด้วยสมุนไพรสไตล์อิตาเลียน (ออริกาโน, ไธม์), กระเทียม และพริกหยวกสับละเอียด
รสชาติ: สดชื่น เปรี้ยวอมหวาน และหอมกลิ่นสมุนไพร
เหมาะกับ: สลัดผักสดทั่วไป หรือพาสต้าสลัด
ข้อควรรู้ด้านสุขภาพ: เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าน้ำสลัดครีม แต่ควรระวังสูตรสำเร็จรูปที่อาจเติมน้ำตาลและโซเดียมในปริมาณมาก
5. น้ำสลัดฮันนี่มัสตาร์ด (Honey Mustard Dressing) การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหวานของน้ำผึ้งและความเผ็ดซ่าของมัสตาร์ด
ส่วนผสมหลัก: น้ำผึ้ง, มัสตาร์ด (มักใช้ดิจองมัสตาร์ด), น้ำมัน และน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์
รสชาติ: หวานนำ ตามด้วยรสเผ็ดเล็กน้อย และรสเปรี้ยวที่ปลายลิ้น
เหมาะกับ: สลัดที่ใส่ไก่ย่าง, อะโวคาโด หรือสลัดผักที่ใช้ความร้อน เช่น สลัดมันฝรั่งและบรอกโคลี
ข้อควรรู้ด้านสุขภาพ: ตรวจสอบปริมาณน้ำตาลให้ดี เพราะนอกจากน้ำผึ้งแล้ว บางยี่ห้ออาจเติมน้ำตาลเพิ่ม
6. น้ำสลัดเทาซันด์ ไอแลนด์ (Thousand Island Dressing) น้ำสลัดสีส้มอมชมพูยอดนิยม มีรสชาติหวานกว่าน้ำสลัดรัสเซียนเล็กน้อย
ส่วนผสมหลัก: มายองเนส, ซอสมะเขือเทศ และส่วนผสมลับที่สร้างความแตกต่างคือ "แตงกวาดองสับ" (Pickle Relish) ซึ่งเพิ่มรสชาติหวานอมเปรี้ยวและเนื้อสัมผัส
รสชาติ: ครีมมี่ หวานอมเปรี้ยว
เหมาะกับ: สลัดทั่วไป, แซนด์วิช โดยเฉพาะแซนด์วิชรูเบน (Reuben Sandwich)
ข้อควรรู้ด้านสุขภาพ: มีน้ำตาลและไขมันสูงจากมายองเนสและซอสมะเขือเทศ
7. น้ำสลัดรัสเซียน (Russian Dressing) น้ำสลัดอเมริกันอีกชนิดที่เคยมี "ไข่ปลาคาเวียร์" เป็นส่วนผสมในยุคแรกเริ่ม มีรสชาติที่เผ็ดร้อนและซับซ้อนกว่าเทาซันด์ ไอแลนด์
ส่วนผสมหลัก: มายองเนส, ซอสมะเขือเทศ, เพิ่มความจัดจ้านด้วยฮอสแรดิช (Horseradish), พริก และเครื่องเทศ
รสชาติ: ครีมมี่แต่แฝงด้วยความเผ็ดร้อน
เหมาะกับ: แซนด์วิชรูเบน (เป็นส่วนประกอบสำคัญ), สลัดไข่ต้ม หรือสลัดมันฝรั่ง
ข้อควรรู้ด้านสุขภาพ: เช่นเดียวกับเทาซันด์ ไอแลนด์ มีแคลอรี ไขมัน และน้ำตาลสูง
8. น้ำสลัดเฟรนช์ (French Dressing) อย่าให้ชื่อหลอก! นี่คือน้ำสลัดสไตล์อเมริกันที่มีสีส้มสดใส
ส่วนผสมหลัก: โดยพื้นฐานคือวินิเกรตต์ (น้ำมัน+น้ำส้มสายชู) แต่เติมซอสมะเขือเทศหรือปาปริก้าและน้ำตาลเข้าไป ทำให้มีสีส้มและรสชาติหวานนำ
รสชาติ: หวานเด่นชัดและมีความเปรี้ยวเล็กน้อย
เหมาะกับ: สลัดผักใบเขียวธรรมดา หรือเชฟสลัด (Chef's Salad) ที่มีเนื้อสัตว์และชีส
ข้อควรรู้ด้านสุขภาพ: เป็นหนึ่งในน้ำสลัดที่มีปริมาณน้ำตาลสูงที่สุด ควรบริโภคในปริมาณน้อย
9. วินิเกรตต์ (Vinaigrette) นี่ไม่ใช่ชื่อน้ำสลัดชนิดเดียว แต่เป็น "ตระกูล" ของน้ำสลัดที่มีโครงสร้างพื้นฐานเหมือนกัน
ส่วนผสมหลัก: การผสมกันของ "น้ำมัน" (ส่วนใหญ่เป็นน้ำมันมะกอก) และ "กรด" (เช่น น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว) ในอัตราส่วนประมาณ 3:1
รสชาติ: แปรเปลี่ยนไปตามชนิดของน้ำมันและน้ำส้มสายชูที่ใช้ ตั้งแต่บัลซามิกวินิเกรตต์ที่หอมหวาน ไปจนถึงกรีกวินิเกรตต์ที่สดชื่นด้วยเลมอนและออริกาโน
เหมาะกับ: สลัดแทบทุกประเภท ตั้งแต่สลัดผักใบเขียวไปจนถึงสลัดธัญพืช
ข้อควรรู้ด้านสุขภาพ: มักเป็นตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพที่สุด โดยเฉพาะเมื่อทำเองโดยใช้น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ (Extra Virgin Olive Oil)
ซีซาร์, บลูชีส, แรนช์, เทาซันด์ ไอแลนด์: ตามที่เห็นในตาราง น้ำสลัดกลุ่มนี้ให้พลังงานและไขมันสูงมาก เหมาะสำหรับวันที่ต้องการตามใจตัวเองมากกว่าที่จะทานเป็นประจำ
วินิเกรตต์ (อิตาเลียน, บัลซามิก): เป็นทางเลือกที่ดี แต่ควรเลือกยี่ห้อที่โซเดียมต่ำและน้ำตาลน้อย หรือดีที่สุดคือทำเอง
น้ำสลัดงาญี่ปุ่น: เลือกสูตรที่ใช้น้ำมันคุณภาพดีและมีน้ำตาลน้อย
น้ำยำแบบไทย: ทางเลือกอันดับหนึ่งสำหรับคนรักสุขภาพที่ชอบรสชาติจัดจ้าน
การทำน้ำสลัดเองคือวิธีที่ดีที่สุดในการควบคุมส่วนผสมทั้งหมด
"เบสิก วินิเกรตต์" (Basic Vinaigrette) สูตรสุขภาพดี
วัตถุดิบ: น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ (Extra Virgin Olive Oil) 3 ส่วน, น้ำส้มสายชูหมัก (เช่น แอปเปิ้ลไซเดอร์) 1 ส่วน, ดิจองมัสตาร์ด 1 ช้อนชา, เกลือและพริกไทยดำบดสด
วิธีทำ: นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ในขวดโหลที่มีฝาปิดสนิท แล้วเขย่าแรงๆ 15-20 วินาทีจนเข้ากัน สามารถเก็บในตู้เย็นได้นาน 1-2 สัปดาห์
1. สูตรเบสิกวินิเกรตต์ทำเอง: วิธีที่ดีที่สุดในการควบคุมสุขภาพคือการทำน้ำสลัดเอง ใช้เวลาเพียง 2 นาที
ส่วนผสม: น้ำมันมะกอก 3 ส่วน, น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ส่วน, ดิจองมัสตาร์ด 1 ช้อนชา, เกลือและพริกไทย
วิธีทำ: ใส่ทุกอย่างในขวดโหล ปิดฝาแล้วเขย่าให้เข้ากัน
2. "น้ำยำ" สุดยอดน้ำสลัดแบบไทย: อย่าลืมว่าเรามีน้ำสลัดที่ดีต่อสุขภาพและรสชาติจัดจ้านอยู่ในครัวอยู่แล้ว "น้ำยำ" ที่ทำจากน้ำมะนาวสด น้ำปลา พริก และน้ำตาลเล็กน้อย เป็นน้ำสลัดไขมันต่ำโดยธรรมชาติที่เข้ากับสลัดได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสลัดผักสด หรือยำสลัดที่ใส่เนื้อสัตว์
การทำน้ำสลัดเองไม่เพียงแต่จะดีต่อสุขภาพมากกว่า แต่ยังประหยัดและสามารถปรับรสชาติได้ตามใจชอบ ลองเริ่มจากสูตรพื้นฐานนี้
"เบสิก วินิเกรตต์" (Basic Vinaigrette) สูตรสุขภาพดี
วัตถุดิบ:
น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ (Extra Virgin Olive Oil): 3 ส่วน
น้ำส้มสายชูหมัก (เช่น น้ำส้มสายชูหมักจากไวน์แดง หรือแอปเปิ้ลไซเดอร์): 1 ส่วน
ดิจองมัสตาร์ด: 1 ช้อนชา (ช่วยให้น้ำสลัดเข้ากัน)
น้ำผึ้ง หรือเมเปิ้ลไซรัป (ไม่ใส่ก็ได้): เล็กน้อยเพื่อตัดรสเปรี้ยว
เกลือและพริกไทยดำบดสด: ปรุงรสตามชอบ
วิธีทำ:
นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ในขวดโหลที่มีฝาปิดสนิท
ปิดฝาแล้วเขย่าแรงๆ ประมาณ 15-20 วินาที จนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
ชิมรสและปรุงเพิ่มได้ตามต้องการ สามารถเก็บในตู้เย็นได้นาน 1-2 สัปดาห์
ไอเดียเพิ่มเติม: คุณสามารถเพิ่มสมุนไพรสดสับ (ออริกาโน, โรสแมรี), กระเทียมสับละเอียด, หรือบีบน้ำมะนาวสดลงไปเพื่อเพิ่มความหอมและรสชาติได้อีกด้วย
ตวงก่อนราด: แทนที่จะเทจากขวดโดยตรง ให้ใช้ช้อนตวงปริมาณน้ำสลัดประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะต่อสลัดหนึ่งชาม
คลุกเคล้าแทนการราด: เทน้ำสลัดลงในชามเปล่าก่อน แล้วค่อยใส่ผักลงไปคลุกเคล้า วิธีนี้จะทำให้น้ำสลัดเคลือบผักได้ทั่วถึงโดยใช้ในปริมาณที่น้อยลง
สลัดจะดีต่อสุขภาพได้แค่ไหน ขึ้นอยู่กับน้ำสลัดที่คุณเลือก การใช้ข้อมูลจากตารางเปรียบเทียบและการอ่านฉลากโภชนาการจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด แต่ทางเลือกที่ดีที่สุดเสมอคือการสละเวลาเพียงไม่กี่นาทีเพื่อทำน้ำสลัดโฮมเมด เพื่อให้ทุกคำของสลัดจานโปรดเต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติและสุขภาพที่ดีอย่างแท้จริง