หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
ถั่วแระญี่ปุ่น หรือ เอดามาเมะ (Edamame) คือถั่วเหลืองอ่อนสีเขียวที่ยังอยู่ในฝัก มักถูกนำมานึ่งหรือต้มและโรยเกลือเล็กน้อยเพื่อเป็นของว่างที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ไม่เพียงแต่มีรสชาติอร่อยถูกปาก แต่ยังอัดแน่นไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอย่างน่าทึ่ง จนได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพ บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมของถั่วแระญี่ปุ่น ตั้งแต่สารอาหาร ประโยชน์ต่อสุขภาพ ไปจนถึงข้อควรระวังในการบริโภค
ถั่วแระญี่ปุ่นเป็นแหล่งของสารอาหารที่สมดุลอย่างยิ่ง โดยข้อมูลจาก USDA สำหรับถั่วแระญี่ปุ่นที่แกะเปลือกแล้ว ปริมาณ 1 ถ้วย (ประมาณ 155 กรัม) มีดังนี้:
แคลอรี่: 188 kcal
โปรตีน: 18.4 กรัม
คาร์โบไฮเดรต: 13.8 กรัม
ใยอาหาร (Fiber): 8 กรัม
น้ำตาล: 3.4 กรัม
ไขมัน: 8 กรัม
ไขมันอิ่มตัว: 1 กรัม
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน: 3.4 กรัม
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว: 2 กรัม
โซเดียม: 9.4 มิลลิกรัม
จุดเด่นทางโภชนาการ:
โปรตีนครบถ้วนจากพืช: ถั่วแระญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในพืชไม่กี่ชนิดที่มี โปรตีนครบถ้วน(Complete Protein) ซึ่งหมายความว่ามันมีกรดอะมิโนที่จำเป็นครบทั้ง 9 ชนิดที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ทำให้เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงเทียบเท่าเนื้อสัตว์ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติและวีแกน
คาร์โบไฮเดรตต่ำ ใยอาหารสูง: เมื่อเทียบกับพืชตระกูลถั่วอื่นๆ ถั่วแระญี่ปุ่นมีคาร์โบไฮเดรตต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่มีใยอาหารสูงถึง 8 กรัมต่อถ้วย (ประมาณ 1 ใน 3 ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน) ซึ่งช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล ทำให้อิ่มนาน และดีต่อระบบย่อยอาหาร จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
ไขมันดีต่อสุขภาพ: ไขมันส่วนใหญ่ในถั่วแระญี่ปุ่นเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนและเชิงเดี่ยว ซึ่งเป็นไขมันดีต่อสุขภาพหัวใจ ประกอบด้วยทั้งกรดไขมันโอเมก้า 6 และโอเมก้า 3 ที่จำเป็นต่อร่างกาย
อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ: ถั่วแระญี่ปุ่นเป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุสำคัญหลายชนิด เช่น โฟเลต, วิตามินเค, แมงกานีส, ธาตุเหล็ก, วิตามินซี และโพแทสเซียม
การบริโภคถั่วแระญี่ปุ่นเป็นประจำอาจช่วยลดความเสี่ยงและส่งเสริมสุขภาพในด้านต่างๆ ดังนี้
ลดคอเลสเตอรอล: ผลการวิเคราะห์อภิมาน (meta-analysis) ในปี 2019 ที่ตีพิมพ์ใน Journal of the American Heart Association สรุปว่าการบริโภคโปรตีนถั่วเหลืองมีความสัมพันธ์กับการลดลงของคอเลสเตอรอลรวมและไขมันเลว (LDL) อย่างมีนัยสำคัญ โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ระบุว่าการบริโภคโปรตีนถั่วเหลือง 25 กรัมต่อวัน ร่วมกับอาหารไขมันอิ่มตัวต่ำ อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจได้
ลดความดันโลหิต: มีงานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่าการบริโภคโปรตีนสูง โดยเฉพาะโปรตีนจากถั่วเหลือง อาจช่วยลดความดันโลหิตได้เล็กน้อย ซึ่งแม้จะเป็นการลดลงเพียงเล็กน้อย แต่ก็มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองและโรคหลอดเลือดหัวใจได้
สารประกอบสำคัญในถั่วเหลืองคือ ไอโซฟลาโวน (Isoflavones) ซึ่งทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนอย่างอ่อนๆ ในร่างกาย มีการศึกษาในประชากรชาวเอเชียพบว่าผู้ที่บริโภคถั่วเหลืองในปริมาณสูง มีอัตราการเกิดมะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมากต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม การบริโภคถั่วเหลืองตั้งแต่วัยเยาว์ดูเหมือนจะให้ผลในการป้องกันที่ชัดเจนกว่าการเริ่มบริโภคในปริมาณมากเมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว
งานวิจัยบางส่วนชี้ให้เห็นว่าการบริโภคโปรตีนถั่วเหลืองมีความเชื่อมโยงกับสุขภาพกระดูกที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่าถั่วแระญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียวจะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ การดูแลสุขภาพกระดูกให้แข็งแรงยังคงต้องอาศัยการได้รับแคลเซียมที่เพียงพอและการออกกำลังกายแบบลงน้ำหนัก (Weight-bearing exercise) ควบคู่ไปด้วย
เนื่องจากไอโซฟลาโวนในถั่วเหลืองมีโครงสร้างคล้ายเอสโตรเจน จึงมีการศึกษาถึงผลในการบรรเทาอาการวัยหมดประจำเดือน โดยเฉพาะอาการร้อนวูบวาบ ผลการศึกษาพบว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไอโซฟลาโวนอาจช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการร้อนวูบวาบได้ แต่ยังไม่มีการศึกษาโดยตรงกับถั่วแระญี่ปุ่น
กินถั่วแระญี่ปุ่นจะกระทบต่อต่อมไทรอยด์หรือไม่? ถั่วเหลืองจัดเป็นสารกอยโตรเจน (Goitrogen) ซึ่งอาจรบกวนการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนส่วนใหญ่ที่มีภาวะไทรอยด์ต่ำและได้รับไอโอดีนเพียงพอ การบริโภคถั่วแระญี่ปุ่นในปริมาณปกติไม่ส่งผลกระทบที่น่ากังวล
ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมสามารถกินถั่วแระญี่ปุ่นได้หรือไม่? American Cancer Society ระบุว่าการบริโภคอาหารจากถั่วเหลือง เช่น ถั่วแระญี่ปุ่น ดูเหมือนจะปลอดภัยและอาจมีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไอโซฟลาโวนที่มีความเข้มข้นสูง
ถั่วแระญี่ปุ่นส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์หรือไม่? งานวิจัยในปัจจุบันไม่พบหลักฐานว่าการบริโภคถั่วเหลืองในปริมาณปกติเป็นอันตรายต่อภาวะเจริญพันธุ์ทั้งในเพศหญิงและชาย
วิธีที่ง่ายและคลาสสิกที่สุดคือการ นึ่งหรือต้ม ถั่วแระญี่ปุ่นทั้งฝักประมาณ 5-10 นาที จากนั้นโรยด้วยเกลือทะเล นอกจากนี้คุณยังสามารถ:
นำไปอบกรอบเพื่อเป็นของว่าง
แกะเมล็ดเพื่อนำไปผสมในสลัด, ผัดผัก, หรือข้าวผัด
นำไปทำเป็นซุปหรือบดเป็นซอสจิ้ม (Dip)
ผู้ที่แพ้ถั่วเหลืองควรหลีกเลี่ยงถั่วแระญี่ปุ่นโดยเด็ดขาด อาการแพ้อาจรวมถึงผื่นคัน, บวม, หรือหายใจลำบาก นอกจากนี้ บางคนอาจมีอาการท้องอืดหรือมีแก๊สได้หากรับประทานในปริมาณมาก การปรุงให้สุกดีจะช่วยลดปัญหานี้ได้
สรุป
ถั่วแระญี่ปุ่น (Edamame) เป็นอาหารจากพืชที่น่ามหัศจรรย์ อุดมไปด้วยโปรตีนคุณภาพสูง, ใยอาหาร, วิตามิน และแร่ธาตุ การเพิ่มถั่วแระญี่ปุ่นเข้าไปในมื้ออาหารของคุณเป็นวิธีที่ง่ายและอร่อยในการส่งเสริมสุขภาพหัวใจ, ควบคุมน้ำหนัก, และเพิ่มสารอาหารที่จำเป็นให้กับร่างกาย