หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
ในบรรดาพืชผักสวนครัวที่หาง่าย ราคาไม่แพง และคุ้นเคยกันดี กะหล่ำปลี (Cabbage) คือหนึ่งในผักใบเขียวที่หลายคนมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย แท้จริงแล้ว กะหล่ำปลีไม่ได้เป็นเพียงส่วนประกอบธรรมดาในจานอาหาร แต่ยังเป็นขุมทรัพย์ทางโภชนาการที่อัดแน่นไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารพฤกษเคมีที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างคาดไม่ถึง ตั้งแต่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันไปจนถึงอาจมีบทบาทในการป้องกันโรคมะเร็ง
กะหล่ำปลีมีหลากหลายสายพันธุ์ แต่ที่นิยมบริโภคกันทั่วไป ได้แก่:
กะหล่ำปลีเขียว: ชนิดที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด มีใบสีเขียวอ่อนถึงเข้ม นิยมนำมาทำอาหารได้หลากหลาย
กะหล่ำปลีม่วง: มีใบสีม่วงอมแดง อุดมไปด้วยสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
กะหล่ำปลีหัวใจ (Savoy Cabbage): มีใบหยิกย่น สีเขียวเข้ม มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มกว่า
กะหล่ำปลีปลี (Napa Cabbage หรือ Chinese Cabbage): มีลักษณะเป็นรูปทรงยาวรี นิยมใช้ในอาหารเอเชีย
ไม่ว่าจะเป็นชนิดใด กะหล่ำปลีทุกสายพันธุ์ล้วนมีคุณประโยชน์ทางโภชนาการที่โดดเด่นไม่แพ้กัน
กะหล่ำปลีเป็นผักที่มีแคลอรีต่ำมาก (ประมาณ 25 แคลอรีต่อ 100 กรัม) แต่กลับอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย:
ใยอาหารสูง: ช่วยส่งเสริมระบบขับถ่ายให้ทำงานปกติ ป้องกันท้องผูก และช่วยให้อิ่มนาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
วิตามิน C สูง: เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ป้องกันหวัด และส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนเพื่อสุขภาพผิวที่ดี
วิตามิน K สูง: มีบทบาทสำคัญในการแข็งตัวของเลือดและช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
โฟเลต (วิตามิน B9): สำคัญต่อการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ รวมถึงการสังเคราะห์ DNA มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับหญิงตั้งครรภ์
สารต้านอนุมูลอิสระและสารพฤกษเคมี:
แอนโทไซยานิน (Anthocyanins): พบมากในกะหล่ำปลีม่วง มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบสูง อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
กลูโคซิโนเลต (Glucosinolates): สารประกอบสำคัญที่เมื่อถูกย่อยจะเปลี่ยนเป็นสารไอโซไทโอไซยาเนต (Isothiocyanates) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีคุณสมบัติต้านมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่, มะเร็งเต้านม, และมะเร็งปอด
ซัลโฟราเฟน (Sulforaphane): สารที่เกิดขึ้นจากการย่อยกลูโคซิโนเลต มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยในการล้างพิษออกจากร่างกาย
ช่วยลดการอักเสบ: สารต้านอนุมูลอิสระและสารพฤกษเคมีในกะหล่ำปลีมีส่วนช่วยลดการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ
บำรุงสุขภาพหัวใจ: ใยอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและควบคุมความดันโลหิตให้ปกติ
มะเร็ง: งานวิจัยจำนวนมากชี้ให้เห็นว่าการบริโภคผักตระกูลกะหล่ำ (Cruciferous Vegetables) เป็นประจำ อาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปอด และมะเร็งเต้านม เนื่องจากสารกลูโคซิโนเลตและซัลโฟราเฟน
สุขภาพลำไส้: ใยอาหารในกะหล่ำปลีเป็นอาหารชั้นดีของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ (Probiotics) ซึ่งช่วยรักษาสมดุลของระบบย่อยอาหารและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
น้ำหนัก: ด้วยแคลอรีที่ต่ำและใยอาหารที่สูง กะหล่ำปลีจึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมหรือลดน้ำหนัก ช่วยให้อิ่มนานโดยไม่เพิ่มปริมาณแคลอรีมากเกินไป
การเลือกซื้อ: เลือกกะหล่ำปลีที่หัวแน่น แข็งแรง มีใบสด ไม่มีรอยช้ำหรือเน่าเสีย
การเก็บรักษา: เก็บกะหล่ำปลีทั้งหัวในตู้เย็น (ช่องเก็บผัก) สามารถเก็บได้นานหลายสัปดาห์ หากหั่นแล้วควรใส่ในถุงพลาสติกหรือภาชนะปิดสนิทและเก็บในตู้เย็น เพื่อคงความสด
การเตรียม: ก่อนนำไปปรุงอาหาร ควรล้างกะหล่ำปลีให้สะอาดใต้ก๊อกน้ำไหล เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและสารเคมีตกค้าง สามารถหั่น ซอย หรือฉีกใบตามความต้องการ
กะหล่ำปลีสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู:
รับประทานสด: ซอยเป็นฝอยใส่ในสลัด ทำสลัดกะหล่ำปลี (Coleslaw) หรือทานคู่กับน้ำพริก
ผัด: นำไปผัดกับเนื้อสัตว์ หรือผัดผักรวมมิตร
ต้ม/นึ่ง: ใส่ในแกงจืด ต้มจับฉ่าย หรือนึ่งเป็นเครื่องเคียง
หมักดอง: ทำกิมจิ (Kimchi) หรือเซาเออร์เคราท์ (Sauerkraut) ซึ่งเป็นอาหารหมักดองที่มีประโยชน์ต่อลำไส้
การบริโภคกะหล่ำปลีเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นแบบสดหรือปรุงสุก จะช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับมื้ออาหารของคุณ และเป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงค่ะ