การป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันซ้ำ

การป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันซ้ำอาจจะเกิดกับผู้ที่ป่วยที่รอดจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ท่านยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคนี้ซ้ำทั้งที่หัวใจและหลอดเลือดส่วนอื่นของร่างกาย เช่น สมอง ไต เนื่องจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆก็จะตีบด้วย ก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสำหรับหลอดเลือดหัวใจก็จะได้ผลกับหลอดเลือดอื่นๆด้วย

  1. การสูบบุหรี่

เป้าหมายต้องหยุดสูบบุหรี่ และไม่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีบุหรี่

  • ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมให้ถามเรื่องการสูบบุหรี่
  • แนะนำให้เลิกบุหรี่
  • ประเมินความตั้งใจของผู้ป่วย
  • ว่าจะเลิกบุหรี่หรือไม่
  • วางแผนกับผู้ป่วยในการเลิกบุหรี่
  • ปรึกาาผู้เชี่ยวชาญในการอดบุหรี่
  • กระตุ้นให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงจากสภาพแวดล้อม
  • ของคนสูบบุหรี่ ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน
  1. ความดันโลหิตสูง

เป้าหมายความดันโลหิตคือน้อยกว่า 140/90 มิลิเมตรปรอท แต่สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานหรือมีโรคไตเสื่อมเป้าหมายจะต่ำกว่า 130/90 มิลิเมตรปรอท วิธีการลดความดันโลหิตมีดังนี้

  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ลดน้ำหนัก การออกกำลังกาย การดื่มสุราพอควร การลดเค็ม รับประทานผักและผลไม้สดเพิ่ม ผลิตภัณฑ์นมที่มีไขมันต่ำ
  • หากความดันโลหิตยังเกินก็ให้แพทย์พิจารณาให้ยาลดความดันโลหิต
  1. อาหาร

  • ประเภทไขมันให้ใช้ไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนที่ไม่ใส่ไฮโดรเจน(ไม่ใช่น้ำมันทรานส์) ธัญพืชซึ่งให้คาร์โบไฮเดรท์ ผักผลไม้ น้ำมันปลา
  • สำหรับผู้ที่ดื่มสุรามากก็ให้ลดลงเหลือ1-2 ดื่มสุรา
  1. การจัดการเรื่องไขมันในเลือด

เป้าหมายของไขมันในเลือดคือ

  • LDL cholesterol < 100 mg/dL
  • กรณีที่ triglyceride มากกว่า 200 mg/dL ค่า non-HDL cholesterol ควรจะน้อยกว่า 130 mg/dL. (ค่าNon-HDL cholesterol เท่ากับค่า total cholesterol ลบ HDL cholesterol.)

คำแนะนำ

  • ควบคุมปริมาณไขมันโดยรับประทานไขมันอิ่มตัว saturated fats น้อยกว่า 7% ของพลังงานทั้งหมด และมีปริมาณไขมัน Trans และ cholesterolน้อยกว่า 200 mg/d
  • ให้รับประทาน plant stanol/sterols ประมาณ 2 g/d และใยอาหาร มากกว่า 10 g/d
  • ให้ออกกำลังกาย และลดน้ำหนัก
  • ให้รับประทานไขมัน omega-3 fatty acids ในรูปแบบ ปลา หรือยา 1 กรัมต่อวัน
  • หากไขมัน triglyceride สูงก็ให้ยาลด

สำหรับผู้ที่มีระดับไขมัน LDL สูงมากแม้ว่าจะได้รับยา Statin ในระดับสูงแล้วก็ยังไม่สามารถลดลงได้ 70 mg/dL (1.81 mmol/L แต่หากค่า LDL ลดลงได้ร้อยละ 50 จากค่าก่อนการรักษาก้พอจะอนุดลมได้

  1. การออกกำลังกาย

เป้าหมายการออกกำลังกายคือ 30 นาที 7 วันต่อสัปดาห์(อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์)

  • ก่อนที่ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจจะออกกำลังกายจะต้องประเมินความเสี่ยงและทดสอบ exercise test ก่อนออกกำลัง
  • ให้ออกกำลังกาย 30-60 นาทีดดยการเดินเร็ว และเสริมด้วยการปรับพฤติกรรมเช่น งานบ้าน งานสวน เดินไปทำงาน
  • ส่งเสริมให้ออกกำลังกายดดยการยกน้ำหนัก 2 วันต่อสัปดาห์
  • สำหรับผู้ป่วยที่เสี่ยงเช่นหลังเกิดโรคหลอดเลือดหัวในใหม่ๆ หรือมีภาวะหัวใจวายต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์
  1. การจัดการเรื่องน้ำหนัก

ค่าเป้าหมายอยู่ที่

  • ค่าดัชนีมวลกายเป้าหมายอยู่ที่ 18.5-24.9 kg/m2
  • เส้นรอบเอวน้อยกว่า 34 และ 32 นิ้วในชายและหญิงตามลำดับ

การจัดการเรื่องน้ำหนักทำได้โดย

  • มีการประเมินดัชนีมวลกาย หรือเส้นรอบเอวทุกครั้ง และแนะนำให้ผู้ป่วยคุมน้ำหนัก
  • หากดัชนีมวลกายหรือเส้นรอบเอวเกินให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
  • เป้าหมายระยะแรกให้ลดน้ำหนักลงประมาณร้อยละ10 จากค่าเริ่มต้น
  1. การจัดการเรื่องเบาหวาน

เป้าหมายของการควบุมเบาหวานคือระดับน้ำตาลเฉลี่ย glycosylated hemoglobin (HbA1c) ต้องน้อยกว่า7%.

  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ค่าน้ำตาลเฉลี่ยใกล้เคียงค่าเป้าหมาย
  • รักษาความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดอื่นๆเช่น การออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนัก ควบคุมความดันโลหิต ควบคุมไขมันในเลือด
  • ทำงานประสานกันระหว่างปฐมภูมิจนถึงตติยภูมิ
  1. การได้รับยาต้านเกล็ดเลือดและยาต้านการแข็งตัวของเลือด

  • ให้ aspirin 75-162 mg/d หากไม่มีข้อห้าม หากทำการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจจะต้องให้ aspirin ภายใน 4 8 ชั่วโมงหลังผ่า
  • ผู้ป่วยควรจะได้รับยา clopidogrel 75 mg/d ร่วมกับ aspirin 12 เดือน หลังการทำ ballon และใส่ขดลวด ขนาดอื่นๆตามแพทย์สั่ง
  • สำหรับผู้ป่วยที่มีการเต้นของหัวใจผิดปกติAtrial fibrillation จะต้องได้รับยาต้านการแข็งตัว warfari โดยปรับค่า INR=2-3
  • การใช้ยา warfarin และ aspirin และหรือ clopidogrel จะเพิ่มความเสี่ยงของเลือดออก
  • ไม่ควรจะใช้ยา NSAID ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจเนื่องจากจะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดตีบเพิ่มมากขึ้น
  1. การให้ยา Renin, angiotensin, and aldosterone system blockers

  • ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจไม่มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจล้มเหลว (left ventricular ejection fraction ≥40%) มีโรคความดันโลหิต เป็นเบาหวาน เป็นโรคไต ควรจะได้รับยาในกลุ่มนี้

  • สำหรับผู้ป่วยที่กล้ามเนื้อหัวใจปกติ ควบคุมความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ และทำ ballon หรือผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจแล้ว อาจจะให้ ACE inhibitors
  1. ยากลุ่มปิดกั้นบีต้า Beta-blockers

  • ควรจะให้กับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบทุกรายหากไม่มีข้อห้าม

การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

  • ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบทุกรายควรจะได้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

เพิ่มเพื่อน