การวินิจฉัยโรคไตเสื่อม
เมื่อแพทย์ซักประวัติตรวจร่างกายแล้วสงสัยว่าจะเป็นโรคไตแพทย์จะสั่งตรวจ
- ตรวจเลือด แพทย์จะสั่งตรวจ CBC เพือดูความสมบูรญ์ของเม็ดเลือด ตรวจการทำงานของไตได้แก่ อัตราการกรองของไต creatinine และ urea นอกจากนั้นแพทย์จะสั่งตรวจหาโรคที่เป็นสาเหตุเช่นโรค SLE
- การตรวจปัสสาวะเพื่อตรวจว่ามีโปรตีน หรือเม็ดเลือดแดงหรือตะกอนหรือไม
- การตรวจทางรังสี เพื่อพิจารณาขนาดว่าใหญ่หรือเล็ก หากขนาดใหญ่อาจจะมีการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ หรือมีเนื้องอกในไต หากขนาดเล็กแสดงว่าไตเสื่อมรูปร่าง ของไตและท่อไต
- การตรวจชิ้นเนื้อไต แพทย์จะใช้เข็มเจาะชิ้นเนื้อไตเพื่อตรวจโดยการส่องกล้อง
เมื่อได้ผลตรวจจึงมาประเมินว่าเป็นโรคไตหรือไม่ โดยพิจารณาจากลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งในสองข้อต่อไปนี้
- ผู้ป่วยมีภาวะไตผิดปกตินานติดต่อกันเกิน 3 เดือนทั้งนี้ผู้ป่วยอาจจะมีอัตรากรองของไต(glomerular filtration rate, GFR)ผิดปกติหรือไม่ก็ได้ ภาวะไตผิดปกติหมายถึงลักษณะตามข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
- ตรวจพบความผิดปกติจากการตรวจปัสสาวะอย่างน้อยสองครั้งในระยะ 3 เดือนดังต่อไปนี้
- ตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ
- ถ้าเป็นโรคเบาหวานอยู่แล้วตรวจพบไข่ขาวในปริมาณเล็กน้อย microalbuminuria (อยู่ระหว่าง 30-200 microgram/day)
- หากผู้ป่วยไม่ได้เป็นเบาหวานและตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะมากกว่า 500 mg/วัน
- ตรวจพบเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ hematuria
- ตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ
- ตรวจพบความผิดปกติทางรังสีวิทยา
- ตรวจพบความผิดปกติทางโครงสร้างหรือพยาธิสภาพ
- ผู้ที่มีGFRน้อยกว่า 60 mL/min/1.73m2ติดต่อกันเกิน 3 เดือนโดยที่อาจจะตรวจพบหรือไม่พบร่องรอยโรคก็ได้
จากนิยามจะเห็นได้ว่าการเป็นโรคไตเรื้อรังตามข้อ 1 พบว่าการทำงานของอาจจะปกติหรือผิดปกติก็ได้ สิ่งผิดปกติที่พบคือการตรวจปัสสาวะพบความผิดปกติ หากความผิดนั้นแก้ไขได้ก็จะไม่เป็นโรคไตเรื้อรัง สำหรับโรคไตตามข้อ2ไตได้ทำงานลดลงแล้วจะต้องรักษาปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคไต
- โรคไตเสื่อม
- อาการโรคไตเสื่อม
- การวินิจฉัยโรคไตเสื่อม
- การแบ่งระดับความรุนแรงของโรคไตเสื่อม
- การักษาไตเสื่อม
- การป้องกันไตเสื่อม
- การรับประทานอาหารเพื่อป้องกันไตเสื่อม
- การออกกำลังกายสำหรับไตเสื่อม