หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
วันที่เผยแพร่: 29 กรกฎาคม 2568, 17:40 น. ผู้เขียน: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ที่มา: SiamHealth.net
บทความนี้จะให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและสำคัญเกี่ยวกับยา Salbutamol (ซัลบูทามอล) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Albuterol (อัลบูเทอรอล) ซึ่งเป็นยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์สั้น (SABA) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อบรรเทาอาการหอบหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) จุดประสงค์หลักคือเพื่อให้ผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ และบุคคลทั่วไปมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับยานี้ สามารถใช้ยาได้อย่างปลอดภัย และทราบถึงกลไกการออกฤทธิ์ ข้อบ่งใช้ และข้อควรระวังต่างๆ ที่สำคัญ การมีความรู้เกี่ยวกับยาที่คุณใช้จะช่วยให้คุณจัดการกับอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
Salbutamol (ซัลบูทามอล) หรือ Albuterol (อัลบูเทอรอล) เป็นยาในกลุ่ม ยาขยายหลอดลมกลุ่ม Beta-agonists ชนิดออกฤทธิ์สั้น (Short-Acting Beta-Agonists - SABA) ซึ่งใช้สำหรับบรรเทาอาการหอบหืดเฉียบพลัน และอาการหายใจลำบากอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะหลอดลมหดเกร็ง เช่น ในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ยานี้ออกฤทธิ์เร็วภายในไม่กี่นาที และมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ประมาณ 4-6 ชั่วโมง ทำให้เป็นยาสำคัญที่ผู้ป่วยโรคหอบหืดต้องพกติดตัวไว้เสมอสำหรับบรรเทาอาการกำเริบฉุกเฉิน หรือใช้ก่อนการออกกำลังกายเพื่อป้องกันอาการ ชื่อทางการค้าที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ Ventolin, Asthalin เป็นต้น Salbutamol มีจำหน่ายหลายรูปแบบ เช่น ยาพ่นสูด (Inhaler), ยาน้ำสำหรับพ่นละอองฝอย (Nebulizer solution), ยาน้ำเชื่อม, ยาเม็ด และรูปแบบฉีด
Salbutamol เป็นยากระตุ้น β2-adrenergic receptor ที่จำเพาะ ซึ่งมีอยู่มากบนผิวของเซลล์กล้ามเนื้อเรียบที่ผนังหลอดลม เมื่อตัวรับ β2-adrenergic ถูกกระตุ้น จะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในเซลล์ที่นำไปสู่:
การคลายตัวของกล้ามเนื้อเรียบหลอดลม: ทำให้หลอดลมที่หดตัวอยู่คลายตัวและขยายกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว
เพิ่มการไหลเวียนของอากาศ: ช่วยให้อากาศสามารถเข้าและออกจากปอดได้สะดวกขึ้นทันที
บรรเทาอาการทางเดินหายใจเฉียบพลัน: ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกโล่งขึ้น ลดอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก และหายใจมีเสียงหวีดได้อย่างรวดเร็ว
Salbutamol ใช้เพื่อช่วยป้องกันและรักษาอาการหายใจหวีดเนื่องจากหายใจขัด (wheezing), หายใจลำบาก, แน่นหน้าอก ซึ่งมีสาเหตุจากโรคปอดที่มีหลอดลมหดตัวและมีการอุดกั้นทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในกรณีเหล่านี้:
โรคหอบหืด (Asthma): ใช้เพื่อบรรเทาอาการหลอดลมหดหรือเกร็งตัวเฉียบพลัน และอาการกำเริบของโรคหอบหืด
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD): ซึ่งรวมถึงโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง (Chronic Bronchitis) และภาวะถุงลมโป่งพอง (Emphysema) ใช้เพื่อบรรเทาอาการหลอดลมหดเกร็ง
ภาวะหลอดลมหดตัวเนื่องจากการออกกำลังกาย (Exercise-Induced Bronchoconstriction): Salbutamol ถูกนำมาใช้ในการป้องกันการหลอดลมหดตัวที่เกิดจากการออกกำลังกาย โดยพ่นยาก่อนออกกำลังกาย
ภาวะอื่น ๆ ที่หลอดลมมีการหดเกร็ง: เช่น โรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis) ที่มีการหดเกร็งของหลอดลม
Salbutamol มีหลายรูปแบบและความเข้มข้นที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ป่วยและรูปแบบยา:
ก. ยาพ่นสูด (Inhalers): เป็นรูปแบบที่พบบ่อยที่สุดและมีประสิทธิภาพสูงเนื่องจากยาออกฤทธิ์ตรงที่ปอด การใช้ยาพ่นที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ควรเรียนรู้วิธีการใช้จากแพทย์หรือเภสัชกร
ยาสูดพ่นยา Salbutamol ชนิดอัดก๊าซ (Metered-Dose Inhaler - MDI): มี Salbutamol ในรูปแบบสเปรย์ที่มีแรงดัน (Propellant HFA ซึ่งเป็นโอโซนใจดีและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปราศจากสาร CFC)
ผู้ใหญ่และเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไป: พ่น 1-2 พัฟ (100-200 ไมโครกรัม) เมื่อมีอาการ หรือตามคำแนะนำของแพทย์ โดยพ่นซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมง
การป้องกันอาการหอบจากการออกกำลังกาย: พ่น 2 พัฟ ก่อนออกกำลังกาย 15-30 นาที
ยาสูดพ่นผงแห้ง Salbutamol (Dry Powder Inhaler - DPI): มาในรูปแบบแคปซูล ซึ่งมี 200 ไมโครกรัม Salbutamol ในรูปแบบผงแห้ง
ผู้ใหญ่และเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไป: พ่น 1-2 แคปซูล (200-400 ไมโครกรัม) เมื่อมีอาการ (ใช้เฉพาะเมื่อสูดดมในช่องปากผ่านทางอุปกรณ์การสูดดม)
ข. ยาน้ำสำหรับพ่นละอองฝอย (Nebulizer Solution):
ความเข้มข้น: 5 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร
การใช้: ให้ยา 1-2 มล. และเจือจางด้วยน้ำเกลือ เป็น 2-4 มล. พ่นผ่านทางเครื่องพ่นละอองฝอย (Nebulizer) จนน้ำยาหมด เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง หรือเด็กเล็ก/ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถใช้ยาพ่นสูดได้
ค. ยาเม็ดรับประทาน / ยาน้ำเชื่อม:
ชนิดเม็ด: มีขนาด 2 มก. หรือ 4 มก. และชนิด 8 มก. ซึ่งเป็นชนิดที่ออกฤทธิ์นาน (Extended Release)
ชนิดน้ำเชื่อม: มีตัวยา 2 มก. ต่อน้ำเชื่อม 5 มล.
ขนาดยา (โดยการรับประทาน):
ผู้ใหญ่: 2-4 มก. วันละสามครั้ง (สำหรับชนิดออกฤทธิ์ทันที)
เด็ก: 1-2 มก. วันละสามครั้ง (สำหรับชนิดออกฤทธิ์ทันที)
ง. รูปแบบฉีด (Injection):
ความเข้มข้น: 50 ไมโครกรัมต่อ 1 มิลลิลิตร (สำหรับยาฉีด)
การใช้: ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือทางหลอดเลือดดำ ในกรณีที่มีอาการรุนแรงมาก (บริหารโดยบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น)
หมายเหตุ: ขนาดยาและรูปแบบการใช้จะถูกกำหนดโดยแพทย์ผู้รักษาตามสภาพอาการ อายุ และการตอบสนองของผู้ป่วย ห้ามปรับขนาดยาเองเด็ดขาด
การแจ้งข้อมูลสุขภาพของคุณอย่างครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยในการใช้ Salbutamol คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับ:
ประวัติการแพ้ยา: เคยแพ้ยา Salbutamol, Albuterol หรือยาในกลุ่ม Beta-agonists อื่นๆ หรือส่วนประกอบใดๆ ในยาหรือไม่ รวมถึงประวัติการแพ้ยาอื่นๆ เช่น Sulfa หรือแพ้อาหาร, สี, สารกันเสีย
โรคประจำตัวอื่นๆ: โดยเฉพาะ
โรคหัวใจและหลอดเลือด: เช่น โรคหัวใจขาดเลือด, การเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอ (Tachyarrhythmias), ความดันโลหิตสูง
ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน (Hyperthyroidism):
โรคเบาหวาน: (ยาอาจเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้)
โรคลมชัก (Seizure disorder):
ภาวะระดับเกลือโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (Hypokalemia):
โรคปอด: (หากมีปัญหาปอดอื่นๆ)
โรคฟีโอโครโมไซโตมา (Pheochromocytoma): ซึ่งเป็นเนื้องอกของต่อมหมวกไตชนิดหนึ่ง
การตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์:
การให้นมบุตร:
ยา วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพรอื่นๆ ที่กำลังใช้: รวมถึงยาที่แพทย์สั่งจ่าย, ยาที่ใช้เอง, วิตามิน, อาหารเสริม, และสมุนไพร โดยเฉพาะยาโรคหัวใจ (เช่น Beta-blockers, Digoxin), ยาขับปัสสาวะ, ยาลดความดันโลหิตกลุ่ม Beta-blockers, ยาแก้ซึมเศร้าบางชนิด (เช่น Tricyclic Antidepressants, MAOIs)
ควรใช้ Salbutamol ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยบางราย:
การใช้ยาเกินขนาด หรือใช้ยาบ่อยครั้งเกินไป: การใช้ยา Salbutamol บ่อยครั้งเกินกว่าที่แพทย์กำหนด (โดยทั่วไปไม่ควรเกิน 4 ครั้งต่อวันสำหรับยาพ่นสูด หรือมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ในผู้ป่วยหอบหืดที่ควบคุมอาการได้ดี) เป็นสัญญาณว่าอาการหอบหืดของคุณยังควบคุมได้ไม่ดี ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับแผนการรักษา การใช้ยาเกินขนาดอาจเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อหัวใจและหลอดเลือด เช่น ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ และความดันโลหิตสูง
ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด: ควรใช้ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
ผู้ป่วยเบาหวาน: อาจต้องมีการติดตามระดับน้ำตาลในเลือด เนื่องจากยาอาจทำให้ระดับน้ำตาลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (Hypokalemia): ยาอาจลดระดับโพแทสเซียมในเลือดได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้ในขนาดสูง หรือร่วมกับยาขับปัสสาวะ
ภาวะหลอดลมหดเกร็งแบบผกผัน (Paradoxical Bronchospasm): พบน้อยมาก แต่อาจเกิดขึ้นได้โดยอาการหอบแย่ลงทันทีหลังพ่นยา ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต หากเกิดขึ้นควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ห้ามใช้เป็นยาควบคุมอาการระยะยาวในโรคหอบหืด: Salbutamol เป็นยาบรรเทาอาการเท่านั้น หากอาการกำเริบบ่อยๆ ต้องใช้ยาควบคุมอาการ (เช่น สเตียรอยด์ชนิดสูดพ่น) ร่วมด้วย
การใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี: ไม่แนะนำให้ใช้ Salbutamol ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี เว้นแต่แพทย์สั่งโดยตรง
อาการที่ต้องเฝ้าระวังและควรพบแพทย์ทันที:
อาการทางระบบหัวใจและหลอดเลือด: เจ็บแน่นหน้าอก, หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ, ใจสั่นรุนแรง, ความดันโลหิตสูงขึ้น, วิงเวียนคล้ายจะเป็นลม (Hypotension), หัวใจเต้นผิดจังหวะ
อาการทางระบบหายใจ: หายใจติดขัดมากขึ้น, หายใจหวีด (wheezing) ที่มีอาการเพิ่มมากขึ้นหรืออาการไม่หายไป (ภาวะหลอดลมหดเกร็งแบบผกผัน)
อาการแพ้ยารุนแรง (Anaphylaxis / Angioedema): บวมบริเวณใบหน้า, ลำคอ, ลิ้น, ริมฝีปาก, ดวงตา, มือ, เท้า, ข้อเท้า หรือขาช่วงล่าง, เสียงแหบ, จุกปาก, จุกคอ, หายใจลำบาก, หายใจมีเสียงวี๊ด, ผื่นลมพิษ, ผื่นคัน (เป็นภาวะฉุกเฉิน)
อาการระบบประสาท: ปวดศีรษะอย่างรุนแรง, ชาตามปลายนิ้วมือและนิ้วเท้า, มือสั่น, หงุดหงิดง่าย, วิตกกังวล, นอนไม่หลับ, ชัก
กล้ามเนื้อ: ตะคริวกล้ามเนื้อ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง (อาจบ่งชี้ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ)
ไข้:
รู้สึกไม่สบายหน้าอก:
การตรวจพิเศษ:
โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องมีการตรวจพิเศษใดๆ เป็นประจำ นอกจากการประเมินอาการทางคลินิกและการทำงานของปอด
อาจมีการตรวจระดับโพแทสเซียมในเลือดในผู้ป่วยบางรายที่มีความเสี่ยง
Salbutamol สามารถทำปฏิกิริยากับยาอื่นๆ ได้บางชนิด สิ่งสำคัญคือ ต้องแจ้งรายการยา วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพรทั้งหมดที่คุณกำลังใช้ให้แพทย์และเภสัชกรทราบเสมอ
ยาที่ต้องระวังเป็นพิเศษ:
Beta-blockers: ยาลดความดันโลหิตหรือยาโรคหัวใจกลุ่ม Beta-blockers (เช่น Propranolol) สามารถลดทอนฤทธิ์ขยายหลอดลมของ Salbutamol ได้ และอาจทำให้หลอดลมหดเกร็ง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกัน
ยาขับปัสสาวะ (Diuretics): โดยเฉพาะยาขับปัสสาวะที่ลดโพแทสเซียม อาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ
ยาแก้ซึมเศร้าบางชนิด:
Tricyclic Antidepressants (TCAs):
Monoamine Oxidase Inhibitors (MAOIs):
ยาเหล่านี้อาจเสริมฤทธิ์ของ Salbutamol ทำให้เพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
Theophylline: การใช้ร่วมกันอาจเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียง
Corticosteroids (สเตียรอยด์): การใช้ร่วมกันอาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย (มักเกิดจากการใช้ยาเกินขนาด หรือไวต่อยา):
ระบบประสาท: มือสั่น, วิตกกังวล, กระสับกระส่าย, นอนไม่หลับ, ปวดศีรษะ
ระบบหัวใจและหลอดเลือด: ใจสั่น, หัวใจเต้นเร็ว, ความดันโลหิตสูง
ระบบทางเดินหายใจ: ไอ, เจ็บคอ, ระคายเคืองในลำคอ (จากการพ่นยา)
กล้ามเนื้อ: ปวดกล้ามเนื้อ, เป็นตะคริว
เมตาบอลิซึม: ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (Hypokalemia), ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเล็กน้อย (Hyperglycemia)
ผลข้างเคียงที่พบน้อยแต่รุนแรง:
หัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง (Serious Arrhythmias)
หลอดลมหดเกร็งแบบผกผัน (Paradoxical Bronchospasm):
ปฏิกิริยาการแพ้ยาอย่างรุนแรง (Anaphylaxis): ผื่นลมพิษทั่วตัว, บวม, หายใจลำบาก
กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Myocardial Ischemia): (พบน้อยมาก)
หากพบอาการรุนแรง หรืออาการที่น่ากังวล ควรรีบหยุดยาและปรึกษาแพทย์ทันที
ใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด: ห้ามเพิ่มขนาดยาหรือใช้ยาบ่อยกว่าที่กำหนด
เรียนรู้วิธีการใช้ยาพ่นสูดที่ถูกต้อง: เพื่อให้ยาเข้าสู่ปอดได้เต็มที่และลดผลข้างเคียงที่คอหรือทั่วร่างกาย
ในกรณีที่เกิดอาการมือสั่นหรือใจสั่น: มักจะดีขึ้นเมื่อใช้ยาต่อเนื่องไปสักระยะ หากอาการรบกวนมาก ควรปรึกษาแพทย์
หากต้องใช้ยาพ่นบ่อยกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ (สำหรับหอบหืด): นั่นเป็นสัญญาณว่าอาการหอบหืดของคุณยังควบคุมได้ไม่ดี ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับแผนการรักษา
แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่ใช้อยู่: เพื่อป้องกันปฏิกิริยาระหว่างยา
หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นอาการหอบหืด: เช่น สารก่อภูมิแพ้ ควันบุหรี่
ดูแลสุขภาพช่องปาก: เพื่อลดการระคายเคืองจากยาพ่น
อาการที่พบบ่อยที่สุดของยาเกินขนาดกับ Salbutamol คือ มือสั่น, ใจสั่น, หัวใจเต้นเร็ว (Tachycardia), ความดันโลหิตสูง, ปวดศีรษะ, หงุดหงิด, อ่อนเพลีย, วิงเวียน, นอนไม่หลับ, รู้สึกไม่สบายหน้าอก, ปวดกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังอาจมีอาการรุนแรง เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ, ชัก, หรือแม้กระทั่งหัวใจหยุดเต้น และอาจเกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (Hypokalemia) ได้ วิธีแก้ไข: ควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลหรือปรึกษาแพทย์ทันที การรักษาจะเน้นที่การดูแลประคับประคองและรักษาตามอาการเฉพาะหน้า
Salbutamol เป็นยาบรรเทาอาการ (Rescue medication) ใช้เมื่อมีอาการเท่านั้น จึงไม่มี "การลืม" รับประทานยาเป็นประจำ ผู้ป่วยควรพกยาติดตัวไว้เสมอและใช้เมื่อจำเป็น หากคุณลืมใช้ยาแล้วเกิดอาการหอบขึ้นมา ให้ใช้ยาตามปกติทันที
เก็บยาในภาชนะที่บรรจุมา ปิดให้สนิท และพ้นมือเด็ก:
เก็บที่อุณหภูมิห้อง: ประมาณ 15-30°C (59-86°F) หรือตามที่ระบุบนฉลากยา สำคัญ: ยาพ่นสูดชนิดอัดก๊าซ (MDI) ควรป้องกันแสงและความร้อนจัด ห้ามเจาะหรือเผาทำลายกระป๋องยา
เก็บในที่แห้ง ไม่ถูกความร้อนและแสงโดยตรง:
ตรวจสอบวันหมดอายุก่อนใช้ยาเสมอ: ห้ามใช้ยาที่หมดอายุแล้ว
สตรีมีครรภ์: Salbutamol จัดอยู่ใน Pregnancy Category C (จากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบผลข้างเคียง แต่ไม่มีข้อมูลเพียงพอในมนุษย์) อย่างไรก็ตาม การใช้ Salbutamol ในสตรีมีครรภ์ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น โดยแพทย์จะพิจารณาถึงประโยชน์และความเสี่ยงต่อทั้งมารดาและทารก ภาวะหอบหืดที่ไม่ได้รับการควบคุมที่ดีอาจเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์มากกว่าผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากยา
การให้นมบุตร: Salbutamol อาจถูกขับออกมาในน้ำนมของมนุษย์ แต่ความเข้มข้นไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด เท่าที่มีรายงานยังไม่พบว่าเกิดผลเสียต่อทารกในรายที่มารดาได้รับยาพ่นสูดดม อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตรขณะใช้ยานี้
Salbutamol (Albuterol) เป็นยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์สั้น (SABA) ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการบรรเทาอาการหอบหืดเฉียบพลันและอาการทางเดินหายใจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลอดลมหดเกร็ง ด้วยกลไกการออกฤทธิ์ที่รวดเร็ว ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้นทันที อย่างไรก็ตาม การใช้ Salbutamol จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการใช้ยาในขนาดที่เหมาะสม การเรียนรู้วิธีการใช้ยาพ่นที่ถูกต้อง และการเฝ้าระวังผลข้างเคียง จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับประโยชน์สูงสุดจากยาและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
โปรดจำไว้ว่าข้อมูลในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไปเท่านั้น และไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรได้ หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เสมอ
![]() |
โรคหอบหืด โรคหอบหืดเป็นโรคที่เกิดจากภูมิแพ้จะมีอาการหอบ หรือเหนื่อยเมื่อสัมผัสสารภูมิแพ้ การรักษาต้องหลีกเลี่ยงและใช้ยาพ่นป้องกันอาการหอบหืด โรคหอบหืด |
![]() |
โรคปอดบวม โรคปอดบวมเกิดจากปอดติดเชื้อโรคทำให้มีเซลล์เม็ดเลือดขาว และเชื้อโรคในปอด ผู้ป่วยจะมีอาการหอบเหนื่อย ไอมีเสมหะ ไข้สูง ปอดบวม |
![]() |
โรคหลอดลมอักเสบ โรคหลอดลมอักเสบเกิดจากเชื้อโรค ทำให้เกิดการอักเสบของหลอดลม ผู้ป่วยจะมีไข้ ไอ แต่ไม่หอบมาก หลอดลมอักเสบ |