หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
วันที่เผยแพร่: 29 กรกฎาคม 2568, 21:27 น. ผู้เขียน: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ที่มา: SiamHealth.net
บทความนี้จะให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและสำคัญเกี่ยวกับยา Terbutaline (เทอร์บูทาลีน) ซึ่งเป็นยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์สั้น (SABA) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อบรรเทาอาการหอบหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) จุดประสงค์หลักคือเพื่อให้ผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ และบุคคลทั่วไปมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับยานี้ สามารถใช้ยาได้อย่างปลอดภัย และทราบถึงกลไกการออกฤทธิ์ ข้อบ่งใช้ และข้อควรระวังต่างๆ ที่สำคัญ การมีความรู้เกี่ยวกับยาที่คุณใช้จะช่วยให้คุณจัดการกับอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
Terbutaline (เทอร์บูทาลีน) เป็นยาในกลุ่ม ยาขยายหลอดลมกลุ่ม Beta-agonists ชนิดออกฤทธิ์สั้น (Short-Acting Beta-Agonists - SABA) เช่นเดียวกับ Salbutamol (Albuterol) ซึ่งใช้สำหรับบรรเทาอาการหอบหืดเฉียบพลัน และอาการหายใจลำบากอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะหลอดลมหดเกร็ง เช่น ในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ยานี้ออกฤทธิ์เร็วภายในไม่กี่นาที และมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ประมาณ 4-6 ชั่วโมง ทำให้เป็นยาสำคัญที่ผู้ป่วยโรคหอบหืดต้องพกติดตัวไว้เสมอสำหรับบรรเทาอาการกำเริบฉุกเฉิน หรือใช้ก่อนการออกกำลังกายเพื่อป้องกันอาการ ชื่อทางการค้าที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ Bricanyl, Brethine เป็นต้น Terbutaline มีจำหน่ายหลายรูปแบบ เช่น ยาเม็ด, ยาน้ำเชื่อม, ยาสำหรับพ่นละอองฝอย, และยาฉีด
Terbutaline ออกฤทธิ์โดยการจับกับและกระตุ้นตัวรับ Beta-2 adrenergic receptors ซึ่งมีอยู่มากบนผิวของเซลล์กล้ามเนื้อเรียบที่ผนังหลอดลมเป็นหลัก เมื่อตัวรับ Beta-2 ถูกกระตุ้น จะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในเซลล์ที่นำไปสู่:
การคลายตัวของกล้ามเนื้อเรียบหลอดลม: ทำให้กล้ามเนื้อเรียบที่อยู่รอบๆ หลอดลมซึ่งเกิดการหดตัวในภาวะหอบหืดหรือ COPD คลายตัวและขยายกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว
เพิ่มการไหลเวียนของอากาศ: ช่วยให้อากาศสามารถเข้าและออกจากปอดได้สะดวกขึ้นทันที
บรรเทาอาการทางเดินหายใจเฉียบพลัน: ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกโล่งขึ้น ลดอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก และหายใจมีเสียงหวีดได้อย่างรวดเร็ว
Terbutaline ใช้รักษาโรคระบบทางเดินหายใจเป็นหลัก ดังนี้:
บรรเทาอาการหอบหืดเฉียบพลัน (Acute Asthma Exacerbation): เป็นยาหลักสำหรับบรรเทาอาการหายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด และแน่นหน้าอกที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน
ป้องกันอาการหอบที่เกิดจากการออกกำลังกาย (Exercise-Induced Asthma): สามารถรับประทานยาเม็ดหรือใช้ยาพ่นก่อนการออกกำลังกาย เพื่อป้องกันอาการหอบ
บรรเทาอาการในโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD): ใช้สำหรับบรรเทาอาการหายใจลำบากในผู้ป่วย COPD ที่มีอาการเฉียบพลัน
การยับยั้งการคลอดก่อนกำหนด (Preterm Labor): Terbutaline ในรูปแบบยาฉีดและยาเม็ดเคยใช้เพื่อยับยั้งการหดรัดตัวของมดลูกและชะลอการคลอดก่อนกำหนด (Tocolysis) อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไม่แนะนำให้ใช้ Terbutaline ทางรับประทานหรือฉีดเพื่อวัตถุประสงค์นี้ในระยะยาว เนื่องจากมีผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อหัวใจและหลอดเลือดของมารดา ควรใช้เฉพาะกรณีที่จำเป็นและภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด
ภาวะหลอดลมหดเกร็งอื่นๆ: ที่เกิดจากสาเหตุต่างๆ
Terbutaline มีหลายรูปแบบและความเข้มข้นที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ป่วยและรูปแบบยา:
ก. ยาเม็ดรับประทาน:
ผู้ใหญ่: เริ่มต้น 2.5 มก. วันละ 3 ครั้ง (ทุก 6-8 ชั่วโมง) สามารถเพิ่มได้ถึง 5 มก. วันละ 3 ครั้ง
เด็กอายุ 12-15 ปี: 2.5 มก. วันละ 2-3 ครั้ง
เด็กอายุ 6-12 ปี: 1.25-2.5 มก. วันละ 2-3 ครั้ง
เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี: ปรับขนาดตามน้ำหนักตัวและคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
ข. ยาน้ำเชื่อม (Syrup):
ขนาดยาจะปรับตามความเข้มข้นที่ระบุบนฉลากยา และตามคำแนะนำของแพทย์
ค. ยาสำหรับพ่นละอองฝอย (Nebulizer Solution):
ผู้ใหญ่และเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป: 2.5-5 มก. โดยใช้เครื่องพ่นละอองฝอย อาจพ่นซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมง หรือตามความรุนแรงของอาการ
เด็กอายุ 2-11 ปี: ปรับขนาดตามน้ำหนักตัวและคำแนะนำของแพทย์
ง. ยาฉีด (Subcutaneous/Intravenous):
ใช้ในกรณีฉุกเฉินที่มีอาการรุนแรงมาก หรือสำหรับ Tocolysis (ยับยั้งการคลอดก่อนกำหนด)
บริหารโดยบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลเท่านั้น
วิธีการใช้ยา:
ยาเม็ดรับประทานสามารถรับประทานพร้อมอาหารหรือไม่พร้อมอาหารก็ได้
ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยขับเสมหะ (หากมี)
หากใช้ยาพ่น ควรเรียนรู้วิธีการใช้ที่ถูกต้องจากแพทย์หรือเภสัชกร
หมายเหตุ: ขนาดยาและรูปแบบการใช้จะถูกกำหนดโดยแพทย์ผู้รักษาตามสภาพอาการ อายุ และการตอบสนองของผู้ป่วย ห้ามปรับขนาดยาเองเด็ดขาด
การแจ้งข้อมูลสุขภาพของคุณอย่างครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยในการใช้ Terbutaline คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับ:
ประวัติการแพ้ยา: เคยแพ้ยา Terbutaline, Salbutamol หรือยาในกลุ่ม Beta-agonists อื่นๆ หรือส่วนประกอบใดๆ ในยาหรือไม่
โรคประจำตัวอื่นๆ: โดยเฉพาะ
โรคหัวใจและหลอดเลือด: เช่น โรคหัวใจขาดเลือด, หัวใจเต้นผิดจังหวะ, หัวใจล้มเหลว, ความดันโลหิตสูง
โรคเบาหวาน: (ยาอาจเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้)
โรคไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism):
โรคลมชัก (Seizure disorder):
ภาวะระดับโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (Hypokalemia):
ภาวะที่อาจมีการเสียน้ำและเกลือแร่ (เช่น อาเจียน ท้องเสียรุนแรง)
การตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์: (โดยเฉพาะหากจะใช้เพื่อยับยั้งการคลอดก่อนกำหนด)
การให้นมบุตร:
ยา วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพรอื่นๆ ที่กำลังใช้: รวมถึงยาที่ซื้อเอง โดยเฉพาะยาโรคหัวใจ (เช่น Beta-blockers, Digoxin), ยาขับปัสสาวะ, ยาแก้ซึมเศร้าบางชนิด (เช่น Tricyclic Antidepressants, MAOIs), Theophylline
ควรใช้ Terbutaline ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยบางราย:
การใช้ยาเกินขนาด หรือใช้ยาบ่อยครั้งเกินไป: การใช้ Terbutaline เกินขนาด หรือใช้ยาบ่อยครั้งเกินกว่าที่แพทย์กำหนด เป็นสัญญาณว่าอาการยังควบคุมไม่ได้ดี และอาจเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ และความดันโลหิตสูง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับแผนการรักษา
ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด: ควรใช้ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
ผู้ป่วยเบาหวาน: อาจต้องมีการติดตามระดับน้ำตาลในเลือด เนื่องจากยาอาจทำให้ระดับน้ำตาลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (Hypokalemia): ยาอาจลดระดับโพแทสเซียมในเลือดได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้ในขนาดสูง หรือร่วมกับยาขับปัสสาวะ
ภาวะหลอดลมหดเกร็งแบบผกผัน (Paradoxical Bronchospasm): พบน้อยมาก แต่อาจเกิดขึ้นได้โดยอาการหอบแย่ลงทันทีหลังพ่นยา ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต หากเกิดขึ้นควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ห้ามใช้เป็นยาควบคุมอาการระยะยาวในโรคหอบหืด: Terbutaline เป็นยาบรรเทาอาการเท่านั้น หากอาการกำเริบบ่อยๆ ต้องใช้ยาควบคุมอาการ (เช่น สเตียรอยด์ชนิดสูดพ่น) ร่วมด้วย
การใช้เพื่อยับยั้งการคลอดก่อนกำหนด: การใช้ Terbutaline (โดยเฉพาะรูปแบบรับประทานหรือฉีด) เพื่อยับยั้งการคลอดก่อนกำหนด มีข้อควรระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อหัวใจของมารดาได้ และปัจจุบันมียาทางเลือกอื่นที่ปลอดภัยกว่า ไม่แนะนำให้ใช้ในระยะยาว
อาการที่ต้องเฝ้าระวังและควรพบแพทย์ทันที:
อาการทางระบบหัวใจและหลอดเลือด: ใจสั่นรุนแรง, หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ, เจ็บหน้าอก, ความดันโลหิตสูงหรือต่ำผิดปกติ, หัวใจเต้นผิดจังหวะ
อาการแพ้ยาอย่างรุนแรง: ผื่นลมพิษขึ้นทั่วตัว, บวมที่ใบหน้า ลิ้น หรือคอ, หายใจลำบาก (เป็นภาวะฉุกเฉิน)
อาการระบบประสาท: มือสั่นรุนแรง, วิตกกังวลมาก, กระสับกระส่าย, นอนไม่หลับ, ปวดศีรษะรุนแรง
อาการหอบแย่ลง: หลังใช้ยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือแย่ลงกว่าเดิมทันทีหลังจากพ่นยา (ภาวะหลอดลมหดเกร็งแบบผกผัน)
กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเป็นตะคริว: (อาจบ่งชี้ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ)
อาการเบาหวานแย่ลง: ระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ
อาการของภาวะไทรอยด์เป็นพิษแย่ลง:
การตรวจพิเศษ:
โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องมีการตรวจพิเศษใดๆ เป็นประจำ นอกจากการประเมินอาการทางคลินิกและการทำงานของปอด (เช่น การวัดค่า PEFR หรือ Spirometry)
อาจมีการตรวจระดับโพแทสเซียมในเลือดในผู้ป่วยบางรายที่มีความเสี่ยง
ในกรณีการใช้เพื่อยับยั้งการคลอดก่อนกำหนด อาจมีการติดตามการทำงานของหัวใจมารดาและทารกอย่างใกล้ชิด
Terbutaline สามารถทำปฏิกิริยากับยาอื่นๆ ได้บางชนิด สิ่งสำคัญคือ ต้องแจ้งรายการยา วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพรทั้งหมดที่คุณกำลังใช้ให้แพทย์และเภสัชกรทราบเสมอ
ยาที่ต้องระวังเป็นพิเศษ:
Beta-blockers: ยาลดความดันโลหิตหรือยาโรคหัวใจกลุ่ม Beta-blockers (เช่น Propranolol, Atenolol) สามารถลดทอนฤทธิ์ขยายหลอดลมของ Terbutaline ได้ และอาจทำให้หลอดลมหดเกร็ง โดยเฉพาะ Beta-blockers ชนิดไม่เลือกออกฤทธิ์ (Non-selective Beta-blockers) ควรหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกัน
ยาขับปัสสาวะ (Diuretics): โดยเฉพาะยาขับปัสสาวะที่ลดโพแทสเซียม (Loop/Thiazide diuretics) อาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ
ยาแก้ซึมเศร้าบางชนิด:
Tricyclic Antidepressants (TCAs): เช่น Amitriptyline
Monoamine Oxidase Inhibitors (MAOIs): เช่น Phenelzine
ยาเหล่านี้อาจเสริมฤทธิ์ของ Terbutaline ทำให้เพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
Theophylline: การใช้ร่วมกันอาจเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียง
Corticosteroids (สเตียรอยด์): การใช้ร่วมกันอาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ
Digoxin: ระดับ Digoxin ในเลือดอาจลดลงได้เมื่อใช้ร่วมกับ Terbutaline
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย (มักเกิดจากการใช้ยาเกินขนาด หรือไวต่อยา):
ระบบประสาท: มือสั่น (Tremor), วิตกกังวล, กระสับกระส่าย, นอนไม่หลับ, ปวดศีรษะ
ระบบหัวใจและหลอดเลือด: ใจสั่น, หัวใจเต้นเร็ว (Tachycardia), ความดันโลหิตสูง
ระบบทางเดินหายใจ: ไอ, เจ็บคอ, ระคายเคืองในลำคอ (จากการพ่นยา)
กล้ามเนื้อ: ปวดกล้ามเนื้อ, เป็นตะคริว
เมตาบอลิซึม: ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (Hypokalemia), ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเล็กน้อย (Hyperglycemia)
ผลข้างเคียงที่พบน้อยแต่รุนแรง:
หัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง (Serious Arrhythmias)
กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Myocardial Ischemia): (พบน้อยมาก)
หลอดลมหดเกร็งแบบผกผัน (Paradoxical Bronchospasm):
ปฏิกิริยาการแพ้ยาอย่างรุนแรง (Anaphylaxis): ผื่นลมพิษทั่วตัว, บวม, หายใจลำบาก
หากพบอาการรุนแรง หรืออาการที่น่ากังวล ควรรีบหยุดยาและปรึกษาแพทย์ทันที
ใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด: ห้ามเพิ่มขนาดยาหรือใช้ยาบ่อยกว่าที่กำหนด
เรียนรู้วิธีการใช้ยาพ่นสูดที่ถูกต้อง: (หากใช้รูปแบบพ่น) เพื่อให้ยาเข้าสู่ปอดได้เต็มที่และลดผลข้างเคียงที่คอหรือทั่วร่างกาย
ในกรณีที่เกิดอาการมือสั่นหรือใจสั่น: มักจะดีขึ้นเมื่อใช้ยาต่อเนื่องไปสักระยะ หากอาการรบกวนมาก ควรปรึกษาแพทย์
หากต้องใช้ยา SABA บ่อยกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ (สำหรับหอบหืด): นั่นเป็นสัญญาณว่าอาการหอบหืดของคุณยังควบคุมได้ไม่ดี ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับแผนการรักษา
แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่ใช้อยู่: เพื่อป้องกันปฏิกิริยาระหว่างยา
หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นอาการหอบหืด: เช่น สารก่อภูมิแพ้ ควันบุหรี่
หากได้รับยา Terbutaline เกินขนาด อาจเกิดอาการรุนแรง เช่น ใจสั่นรุนแรง, หัวใจเต้นเร็วมาก, เจ็บหน้าอก, ความดันโลหิตสูงหรือต่ำผิดปกติ, มือสั่นมาก, วิตกกังวล, คลื่นไส้, เวียนศีรษะ, หรือมีภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ วิธีแก้ไข: ควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลหรือปรึกษาแพทย์ทันที การรักษาจะเน้นที่การดูแลประคับประคองและรักษาตามอาการเฉพาะหน้า
สำหรับยาบรรเทาอาการ (เช่น ยาพ่นสูด Terbutaline): ใช้เมื่อมีอาการเท่านั้น จึงไม่มี "การลืม" รับประทานยาเป็นประจำ ผู้ป่วยควรพกยาติดตัวไว้เสมอและใช้เมื่อจำเป็น
สำหรับยาเม็ด Terbutaline (หากใช้เป็นประจำ):
หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกได้
หากใกล้ถึงเวลาของยาครั้งถัดไปแล้ว ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานตามตารางปกติ
ห้ามรับประทานยาเพิ่มเป็นสองเท่าเพื่อชดเชยยาที่ลืมเด็ดขาด
เก็บยาตามคำแนะนำบนฉลาก: โดยทั่วไปเก็บที่อุณหภูมิห้อง (ประมาณ 20-25°C) ป้องกันแสงและความชื้น
เก็บในที่แห้งและพ้นจากแสงแดดโดยตรง:
เก็บในภาชนะบรรจุเดิมที่ปิดสนิท:
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง:
ตรวจสอบวันหมดอายุก่อนใช้ยาเสมอ: ห้ามใช้ยาที่หมดอายุแล้ว
สตรีมีครรภ์: Terbutaline จัดอยู่ใน Pregnancy Category B (จากการศึกษาในสัตว์ทดลองไม่พบความเสี่ยง) อย่างไรก็ตาม การใช้ Terbutaline ในสตรีมีครรภ์ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น โดยแพทย์จะพิจารณาถึงประโยชน์และความเสี่ยงต่อทั้งมารดาและทารก ภาวะหอบหืดที่ไม่ได้รับการควบคุมที่ดีอาจเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์มากกว่าผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากยา
การให้นมบุตร: Terbutaline อาจผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้ในปริมาณเล็กน้อย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตรขณะใช้ยานี้
Terbutaline เป็นยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์สั้น (SABA) ที่มีความสำคัญในการบรรเทาอาการหอบหืดเฉียบพลันและอาการทางเดินหายใจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลอดลมหดเกร็ง ด้วยกลไกการออกฤทธิ์ที่รวดเร็ว ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้นทันที อย่างไรก็ตาม การใช้ Terbutaline จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการใช้ยาในขนาดที่เหมาะสม การเรียนรู้วิธีการใช้ยาพ่นที่ถูกต้อง (หากใช้รูปแบบพ่น) และการเฝ้าระวังผลข้างเคียง จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับประโยชน์สูงสุดจากยาและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
โปรดจำไว้ว่าข้อมูลในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไปเท่านั้น และไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรได้ หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เสมอ
![]() |
โรคหอบหืด โรคหอบหืดเป็นโรคที่เกิดจากภูมิแพ้จะมีอาการหอบ หรือเหนื่อยเมื่อสัมผัสสารภูมิแพ้ การรักษาต้องหลีกเลี่ยงและใช้ยาพ่นป้องกันอาการหอบหืด โรคหอบหืด |
![]() |
โรคปอดบวม โรคปอดบวมเกิดจากปอดติดเชื้อโรคทำให้มีเซลล์เม็ดเลือดขาว และเชื้อโรคในปอด ผู้ป่วยจะมีอาการหอบเหนื่อย ไอมีเสมหะ ไข้สูง ปอดบวม |
![]() |
โรคหลอดลมอักเสบ โรคหลอดลมอักเสบเกิดจากเชื้อโรค ทำให้เกิดการอักเสบของหลอดลม ผู้ป่วยจะมีไข้ ไอ แต่ไม่หอบมาก หลอดลมอักเสบ |