Ambroxol: คู่มือการใช้ยาอย่างปลอดภัยและข้อมูลสำคัญสำหรับรักษาโรคระบบทางเดินหายใจ
วันที่เผยแพร่: 29 กรกฎาคม 2568, 14:30 น. ผู้เขียน: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ที่มา: SiamHealth.net
บทความนี้จะให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและสำคัญเกี่ยวกับยา Ambroxol ซึ่งเป็นยาละลายเสมหะและยาขับเสมหะที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย จุดประสงค์หลักคือเพื่อให้ผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ และบุคคลทั่วไปมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับยานี้ สามารถใช้ยาได้อย่างปลอดภัย และทราบถึงข้อบ่งใช้และข้อควรระวังต่างๆ ที่สำคัญ การมีความรู้เกี่ยวกับยาที่คุณใช้จะช่วยให้คุณจัดการกับอาการไอมีเสมหะได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
1. Ambroxol คืออะไร?
Ambroxol (แอมบรอกซอล) เป็นยาในกลุ่ม ยาละลายเสมหะ (Mucolytic Agent) และ ยาขับเสมหะ (Expectorant) ที่ใช้สำหรับรักษาโรคระบบทางเดินหายใจที่มีอาการไอมีเสมหะเหนียวข้น ยานี้ช่วยลดความหนืดของเสมหะและเพิ่มการขับเสมหะออกจากทางเดินหายใจ ทำให้ผู้ป่วยไอเอาเสมหะออกมาได้ง่ายขึ้นและรู้สึกสบายขึ้น Ambroxol มีจำหน่ายหลายรูปแบบ เช่น ยาเม็ด, ยาน้ำเชื่อม, ยาเม็ดละลายน้ำ (Effervescent Tablets) และยาฉีด
2. กลไกการออกฤทธิ์: Ambroxol ทำงานอย่างไร?
Ambroxol ออกฤทธิ์หลักๆ ดังนี้:
-
ละลายเสมหะ (Mucolysis): Ambroxol ช่วยสลายโครงสร้างของเสมหะ โดยการตัดพันธะที่ทำให้เสมหะจับตัวกันเป็นก้อนและเหนียวข้น ทำให้เสมหะมีความหนืดลดลงและเหลวขึ้น
-
กระตุ้นการหลั่งสารคัดหลั่งในทางเดินหายใจ: ยานี้ช่วยเพิ่มการหลั่งสารคัดหลั่งจากต่อมในทางเดินหายใจ ทำให้เสมหะมีความชุ่มชื้นและเคลื่อนตัวได้ง่ายขึ้น
-
กระตุ้นการทำงานของขนอ่อน (Ciliary Activity): Ambroxol ช่วยกระตุ้นการทำงานของขนอ่อนเล็กๆ (cilia) ที่บุอยู่ในเยื่อบุทางเดินหายใจ ซึ่งทำหน้าที่พัดโบกเสมหะและสิ่งแปลกปลอมออกจากปอด การทำงานของขนอ่อนที่ดีขึ้นจะช่วยให้เสมหะถูกขับออกได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
-
เพิ่มการสังเคราะห์สารลดแรงตึงผิว (Surfactant): มีหลักฐานว่า Ambroxol อาจช่วยเพิ่มการสังเคราะห์และหลั่งสารลดแรงตึงผิวในปอด ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยให้ถุงลมไม่แฟบ และช่วยให้เสมหะเคลื่อนตัวได้ง่ายขึ้นในทางเดินหายใจส่วนปลาย
การทำงานร่วมกันของกลไกเหล่านี้ทำให้ Ambroxol มีประสิทธิภาพในการลดความเหนียวของเสมหะและช่วยให้ขับเสมหะออกจากทางเดินหายใจได้ง่ายขึ้น
3. Ambroxol ใช้รักษาโรคอะไร? (ข้อบ่งชี้ของการใช้ยา)
Ambroxol ใช้สำหรับรักษาโรคระบบทางเดินหายใจทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง ที่มีอาการไอมีเสมหะเหนียวข้น หรือมีปัญหาในการขับเสมหะ:
-
โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง (Acute and Chronic Bronchitis):
-
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease - COPD):
-
โรคถุงลมโป่งพอง (Emphysema):
-
โรคหลอดลมโป่งพอง (Bronchiectasis):
-
โรคหอบหืดที่มีเสมหะข้นเหนียว (Asthma with tenacious sputum):
-
โรคปอดอักเสบ (Pneumonia):
-
ภาวะแทรกซ้อนในทางเดินหายใจที่เกิดจากการติดเชื้อ หรือหลังการผ่าตัด:
4. ขนาดและวิธีการใช้ยา
Ambroxol มีหลายรูปแบบและขนาดที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ป่วยและรูปแบบยา:
ก. รูปแบบยาเม็ด:
ข. รูปแบบยาน้ำเชื่อม (Syrup):
-
ผู้ใหญ่และเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป: 10 มล. (30 มก.) วันละ 2-3 ครั้ง
-
เด็กอายุ 6-11 ปี: 5 มล. (15 มก.) วันละ 2-3 ครั้ง
-
เด็กอายุ 2-5 ปี: 2.5 มล. (7.5 มก.) วันละ 2-3 ครั้ง
-
เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี: 2.5 มล. (7.5 มก.) วันละ 2 ครั้ง (ตามคำแนะนำของแพทย์)
ค. รูปแบบยาเม็ดละลายน้ำ (Effervescent Tablets):
ง. รูปแบบยาฉีด (Intravenous - IV):
วิธีการใช้ยา:
หมายเหตุ: ขนาดยาและรูปแบบการใช้จะถูกกำหนดโดยแพทย์ผู้รักษาตามสภาพอาการ อายุ และการตอบสนองของผู้ป่วย ห้ามปรับขนาดยาเองเด็ดขาด
5. สิ่งที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา
การแจ้งข้อมูลสุขภาพของคุณอย่างครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยในการใช้ Ambroxol คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับ:
-
ประวัติการแพ้ยา: เคยแพ้ยา Ambroxol หรือ Bromhexine (ซึ่งเป็นยาในกลุ่มเดียวกัน) หรือส่วนประกอบใดๆ ในยาหรือไม่
-
โรคประจำตัวอื่นๆ: โดยเฉพาะ
-
โรคแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ (Peptic Ulcer Disease): หรือมีประวัติเลือดออกในทางเดินอาหาร
-
โรคไตบกพร่องรุนแรง หรือตับบกพร่องรุนแรง:
-
โรคหอบหืด (Asthma): (แม้จะพบน้อยมากที่ Ambroxol กระตุ้นหลอดลมหดเกร็ง แต่ก็ควรแจ้ง)
-
การตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์:
-
การให้นมบุตร:
-
ยา วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพรอื่นๆ ที่กำลังใช้: รวมถึงยาที่ซื้อเอง หรือยาที่ใช้เป็นครั้งคราว โดยเฉพาะยาแก้ไอ (Antitussives)
6. ข้อควรระวังในการใช้ยา
ควรใช้ Ambroxol ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยบางราย:
-
ผู้ป่วยที่มีประวัติแผลในกระเพาะอาหาร หรือมีเลือดออกในทางเดินอาหาร: Ambroxol อาจกระตุ้นการหลั่งเมือกในกระเพาะอาหารได้
-
ผู้ป่วยที่มีภาวะไตบกพร่องรุนแรง หรือตับบกพร่องรุนแรง: ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง และแพทย์อาจพิจารณาปรับลดขนาดยา หรือเพิ่มระยะห่างของการให้ยา
-
ปฏิกิริยาแพ้ยาทางผิวหนังที่รุนแรง (Severe Cutaneous Adverse Reactions - SCARs): มีรายงานพบน้อยมากเกี่ยวกับปฏิกิริยาแพ้ยาทางผิวหนังที่รุนแรง เช่น Stevens-Johnson Syndrome (SJS) และ Toxic Epidermal Necrolysis (TEN) หากมีผื่นผิวหนัง, ตุ่มพอง, หรืออาการคล้ายไข้หวัดใหญ่เกิดขึ้น ควรหยุดยาและไปพบแพทย์ทันที
-
การระคายเคืองทางเดินหายใจ (จากการพ่นยา): การพ่นยา Ambroxol อาจทำให้เกิดอาการไอ หรือระคายเคืองในลำคอ
7. ระหว่างที่ใช้ยาจะต้องระวังอาการหรือการตรวจพิเศษอะไร?
อาการที่ต้องเฝ้าระวังและควรพบแพทย์ทันที:
-
ปฏิกิริยาแพ้ยาทางผิวหนังที่รุนแรง: เช่น ผื่นแดง, ตุ่มพอง, ผิวหนังลอก, มีไข้, ปวดตามตัว (แม้พบน้อยมาก แต่ต้องรีบแจ้งแพทย์)
-
อาการแพ้ยาอย่างรุนแรง: ผื่นลมพิษขึ้นทั่วตัว, บวมที่ใบหน้า ลิ้น หรือคอ, หายใจลำบาก (เป็นภาวะฉุกเฉิน)
-
หายใจลำบาก, หายใจมีเสียงหวีด (Wheezing), แน่นหน้าอก: (พบน้อยมากจาก Ambroxol)
-
อาการทางเดินอาหารที่รุนแรงผิดปกติ: ปวดท้องรุนแรง, อาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายอุจจาระเป็นสีดำคล้ายยางมะตอย
โดยทั่วไป Ambroxol ไม่จำเป็นต้องมีการตรวจพิเศษใดๆ ระหว่างการใช้ยาเป็นประจำ นอกจากการติดตามอาการทางคลินิกและการตอบสนองต่อการรักษา
8. ปฏิกิริยาระหว่างยา: ใช้ร่วมกับยาอื่นได้หรือไม่?
Ambroxol โดยทั่วไปมีปฏิกิริยากับยาอื่นน้อยมาก อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือ ต้องแจ้งรายการยา วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพรทั้งหมดที่คุณกำลังใช้ให้แพทย์และเภสัชกรทราบเสมอ
ยาที่ควรระวังเป็นพิเศษ:
-
ยาแก้ไอ (Antitussives) หรือยาที่กดการไอ: เช่น Dextromethorphan, Codeine ไม่ควรใช้ร่วมกับ Ambroxol เนื่องจากยาแก้ไอจะไปกดการขับเสมหะออก ทำให้เสมหะสะสมมากขึ้น ซึ่งจะขัดขวางการทำงานของ Ambroxol
-
ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics): Ambroxol อาจช่วยเพิ่มความเข้มข้นของยาปฏิชีวนะบางชนิด (เช่น Amoxicillin, Cefuroxime, Erythromycin) ในหลอดลมได้เล็กน้อย ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในการรักษาการติดเชื้อ
9. ผลข้างเคียงหรือไม่พึงประสงค์ของยา
Ambroxol เป็นยาที่โดยทั่วไปมีผลข้างเคียงน้อยมากและมักไม่รุนแรง ผลข้างเคียงที่พบบ่อยได้แก่:
-
ระบบทางเดินอาหาร: คลื่นไส้, อาเจียน, ท้องเสีย, ท้องผูก, อาหารไม่ย่อย, แสบร้อนกลางอก
-
ปวดศีรษะ
-
เวียนศีรษะ
-
ผื่นผิวหนัง (พบน้อย)
-
อาการชาหรือรู้สึกแปลกๆ ที่ปากหรือลำคอ (พบน้อย)
ผลข้างเคียงที่พบน้อยแต่รุนแรง:
-
ปฏิกิริยาแพ้ยาทางผิวหนังที่รุนแรง (เช่น Stevens-Johnson Syndrome, Toxic Epidermal Necrolysis)
-
ปฏิกิริยาการแพ้ยาอย่างรุนแรง (Anaphylaxis): ผื่นลมพิษทั่วตัว, หายใจลำบาก, บวม
-
หลอดลมหดเกร็ง (Bronchospasm): (พบน้อยมาก)
หากพบอาการรุนแรง หรืออาการที่น่ากังวล ควรรีบหยุดยาและปรึกษาแพทย์ทันที
10. วิธีลดหรือป้องกันผลข้างเคียงของยา
-
รับประทานยาตามขนาดและเวลาที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด: ห้ามปรับขนาดยาเอง
-
ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ในระหว่างวัน เพื่อช่วยให้เสมหะเหลวและขับออกได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมการทำงานของยา
-
หากมีอาการคลื่นไส้/อาหารไม่ย่อย: ลองรับประทานยาพร้อมอาหาร หรือปรึกษาแพทย์เพื่อปรับขนาดยาหรือเปลี่ยนรูปแบบ
-
สังเกตอาการผิดปกติที่ผิวหนัง: หากมีผื่นหรือตุ่มพองเกิดขึ้น ควรหยุดยาและรีบปรึกษาแพทย์ทันที
-
แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่ใช้อยู่: โดยเฉพาะยาแก้ไอ เพื่อป้องกันปฏิกิริยาระหว่างยา
11. หากได้รับยาเกินขนาดต้องทำอย่างไร?
หากได้รับยา Ambroxol เกินขนาด อาจเกิดอาการคลื่นไส้, อาเจียน, ท้องเสีย หรือปวดท้อง วิธีแก้ไข: ควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลหรือปรึกษาแพทย์ทันที การรักษาจะเน้นที่การดูแลตามอาการและประคับประคอง เนื่องจากยังไม่มียาแก้พิษเฉพาะสำหรับ Ambroxol
12. หากลืมใช้ยาต้องทำอย่างไร?
-
Ambroxol มักรับประทานวันละ 2-3 ครั้ง: หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกได้
-
หากใกล้ถึงเวลาของยาครั้งถัดไปแล้ว: ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานตามตารางปกติ
-
ห้ามรับประทานยาเพิ่มเป็นสองเท่าเพื่อชดเชยยาที่ลืมเด็ดขาด: เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้
13. การเก็บรักษายา
-
เก็บยาที่อุณหภูมิห้อง: ประมาณ 20-25°C (68-77°F) หรือตามที่ระบุบนฉลากยา
-
เก็บในที่แห้งและพ้นจากแสงแดดโดยตรง:
-
เก็บในภาชนะบรรจุเดิมที่ปิดสนิท:
-
เก็บให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง:
-
ตรวจสอบวันหมดอายุก่อนใช้ยาเสมอ: ห้ามใช้ยาที่หมดอายุแล้ว
14. ความปลอดภัยในสตรีมีครรภ์และให้นมบุตร
-
สตรีมีครรภ์: Ambroxol จัดอยู่ใน Pregnancy Category C (จากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบผลข้างเคียง แต่ไม่มีข้อมูลเพียงพอในมนุษย์) โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ใช้ยา Ambroxol ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้เสมอ
-
การให้นมบุตร: Ambroxol สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตรขณะใช้ยานี้ เพื่อประเมินประโยชน์และความเสี่ยง
สรุป
Ambroxol เป็นยาละลายเสมหะและยาขับเสมหะที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการไอมีเสมหะเหนียวข้นในโรคระบบทางเดินหายใจต่างๆ ด้วยกลไกการทำงานที่ช่วยลดความหนืดของเสมหะและส่งเสริมการขับเสมหะ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้น ยานี้โดยทั่วไปมีผลข้างเคียงน้อยและไม่รุนแรง อย่างไรก็ตาม การใช้ Ambroxol ควรอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของแพทย์ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีประวัติแผลในกระเพาะอาหาร หรือมีปัญหาไต/ตับ การทำความเข้าใจข้อบ่งใช้ ข้อควรระวัง และผลข้างเคียง จะช่วยให้คุณใช้ยานี้ได้อย่างปลอดภัยและได้รับประโยชน์สูงสุด
โปรดจำไว้ว่าข้อมูลในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไปเท่านั้น และไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรได้ หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เสมอ
11111
ยาขับเสมหะ Ambroxol
Ambroxol ได้รับการพิสูจน์ว่าสามารถละลายเสมหะ mucolytic อาการจะเริ่มดีขึ้นหลังจากรับประทานยาไป 30 นาที ทำให้เสมหะมีความหนืดน้อยลง และจึงขับออกได้ง่ายขึ้นโดยการไอ ในที่สุดปริมาณเสมหะก็ลดลง
ข้อบ่งชี้ในการใช้ยา Ambroxol
ยานี้ช่วยขับและละลายเสมหะในโรคของทางเดินหายใจทั้งชนิดเฉียบพลัน และเรื้อรัง ใช้ละลายเสมหะของผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง pneumoconiosis หลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคหอบหืด หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน
วิธีการใช้ยา Ambroxol
ยานี้มีขายในรูปยาเม็ดขนาด 30 มก. ยาแคปซูลออกฤทธิ์นานขนาด 75 มก. ยาน้ำความแรง 30 มก./5 มล. และยาฉีดความแรง 15 มก./2 มล.
- ผู้ใหญ่: วันละ 30 มก. (หนึ่งแท็บเล็ต Ambroxol)ถึง 120 มก. (4 เม็ด Ambroxol) โดยแบ่งให้วันละ 2-3 ครั้ง
- เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ให้ยาครึ่งช้อนชาวันละ 2 ครั้ง
- เด็กอายุ 2-5 ปี ให้ยาครึ่งช้อนชาวันละ 3 ครั้ง
- เด็กอายุ 5 ปี ให้ยา 1 ช้อนชาวันละ 3 ครั้ง
- ขนาดใช้ยาในผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 10 ปี รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง (หรือ 1 เม็ด วันละครั้ง ในรูปยาออกฤทธิ์นาน) เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี รับประทานลดลงตามส่วน
และดื่มน้ำมาก ๆ
หากใช้ยาน้ำอิลิกเซอร์ในเด็กเล็ก ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง เพราะยานี้มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่
ข้อห้ามในการใช้ยา Ambroxol
ไม่มีข้อห้ามในการใช้ยา แต่ควรจะเฝ้าระวังในผู้ที่มีประวัติดรคกระเพาะอาหาร
ผลข้างเคียง Ambroxol
บางรายอาจพบอาการข้างเคียงทางระบบทางเดินอาหารและอาการแพ้ได้ ซึ่งเมื่อหยุดยาอาการดังกล่าวจะหายไป
ข้อควรระวัง
แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ในสตรีตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก หากจำเป็นควรปรึกษาแพทย์ก่อน
ความปลอดภัยของยานี้ในสตรีมีครรภ์
สำหรับสตรีมีครรภ์ ยานี้จัดอยู่ในประเภท B
 |
โรคหอบหืด
โรคหอบหืดเป็นโรคที่เกิดจากภูมิแพ้จะมีอาการหอบ หรือเหนื่อยเมื่อสัมผัสสารภูมิแพ้ การรักษาต้องหลีกเลี่ยงและใช้ยาพ่นป้องกันอาการหอบหืด โรคหอบหืด |
 |
โรคปอดบวม
โรคปอดบวมเกิดจากปอดติดเชื้อโรคทำให้มีเซลล์เม็ดเลือดขาว และเชื้อโรคในปอด ผู้ป่วยจะมีอาการหอบเหนื่อย ไอมีเสมหะ ไข้สูง ปอดบวม |
 |
โรคหลอดลมอักเสบ
โรคหลอดลมอักเสบเกิดจากเชื้อโรค ทำให้เกิดการอักเสบของหลอดลม ผู้ป่วยจะมีไข้ ไอ แต่ไม่หอบมาก หลอดลมอักเสบ |