
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
ตรวจซ้ำเพื่อยืนยัน (Confirmatory Test): ผล UACR ที่สูงเพียงครั้งเดียวอาจเกิดจากสาเหตุชั่วคราวได้ (เช่น การออกกำลังกายอย่างหนัก, มีไข้, หรือการติดเชื้อ) ดังนั้น แพทย์จะแนะนำให้ ตรวจปัสสาวะซ้ำอีก 1-2 ครั้งภายใน 3 เดือน เพื่อยืนยันว่าการรั่วของโปรตีนนั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจริง หากผลตรวจยังคงสูงอยู่อย่างน้อย 2 ใน 3 ครั้ง จึงจะถือว่ามีความผิดปกติจริง
ประเมินการทำงานของไต (Kidney Function Test): ควบคู่ไปกับการตรวจปัสสาวะ แพทย์จะสั่ง ตรวจเลือดเพื่อดูค่า eGFR (estimated Glomerular Filtration Rate) ซึ่งเป็นตัวเลขที่บอกประสิทธิภาพการกรองของเสียของไตเป็นเปอร์เซ็นต์ เพื่อดูว่าความเสียหายจากการรั่วของโปรตีนได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานของไตแล้วหรือยัง
ซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด: แพทย์จะสอบถามถึงโรคประจำตัว (โดยเฉพาะเบาหวานและความดันโลหิตสูง), ประวัติครอบครัว, ยาที่ใช้อยู่ และทำการตรวจร่างกาย เช่น วัดความดันโลหิต และตรวจหาอาการบวม
นี่คือหัวใจที่สำคัญที่สุดของการรักษา แพทย์จะร่วมมือกับคุณเพื่อควบคุมปัจจัยต่างๆ ที่ทำร้ายไตอย่างจริงจัง
ควบคุมความดันโลหิต (Blood Pressure Control):
เป้าหมาย: โดยทั่วไปคือ ต่ำกว่า 130/80 mmHg (หรือต่ำกว่า 120/80 mmHg ในบางกรณี)
การปฏิบัติ: แพทย์จะสั่งจ่ายยาในกลุ่มที่ช่วยลดความดันโลหิตและมีฤทธิ์ปกป้องไตโดยตรง ซึ่งเป็นยาที่สำคัญที่สุดในการลดโปรตีนรั่ว คือ:
ยากลุ่ม ACE inhibitors (เช่น Enalapril, Ramipril) หรือ
ยากลุ่ม ARBs (เช่น Losartan, Valsartan)
แม้ว่าความดันโลหิตของคุณจะไม่สูงมาก แต่หากมีโปรตีนรั่ว แพทย์ก็จะให้ยาในกลุ่มนี้เพื่อชะลอการเสื่อมของไตโดยเฉพาะ
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด (Glycemic Control):
เป้าหมาย: สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เป้าหมายคือน้ำตาลสะสม (HbA1c) < 7% หรือตามที่แพทย์พิจารณาเป็นรายบุคคล
การปฏิบัติ: แพทย์อาจปรับยาเบาหวานของคุณ โดยอาจพิจารณาใช้ยาในกลุ่มใหม่ๆ เช่น SGLT2 inhibitors (เช่น Dapagliflozin, Empagliflozin) หรือ GLP-1 receptor agonists (เช่น Liraglutide) ซึ่งมีผลการศึกษาว่าช่วยลดการรั่วของโปรตีนและชะลอการเสื่อมของไตได้อย่างมีนัยสำคัญ
การปรับพฤติกรรมคือสิ่งที่คุณสามารถทำได้ด้วยตนเองและส่งผลอย่างมหาศาลต่อสุขภาพไต
จำกัดการบริโภคเกลือ (โซเดียม):
เป้าหมาย: รับประทานโซเดียม ไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน (เทียบเท่าเกลือประมาณ 1 ช้อนชา หรือน้ำปลาประมาณ 4-5 ช้อนชา)
การปฏิบัติ: หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด, อาหารแปรรูป, ขนมขบเคี้ยว, และลดการใช้เครื่องปรุงรสเค็ม
รับประทานโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสม:
การปฏิบัติ: ไม่จำเป็นต้องงดโปรตีน แต่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานโปรตีนมากเกินไป โดยเน้นโปรตีนคุณภาพดี เช่น ปลา, ไข่ขาว, เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และโปรตีนจากพืชบางชนิด (ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกำหนดอาหาร)
ควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกาย:
การปฏิบัติ: ลดน้ำหนักหากมีภาวะน้ำหนักเกิน และออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว, วิ่งเหยาะๆ, ปั่นจักรยาน อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
งดสูบบุหรี่: บุหรี่เป็นสารพิษที่ทำลายหลอดเลือดในไตโดยตรง
หลีกเลี่ยงยาที่ทำร้ายไต: ระมัดระวังการใช้ ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (เช่น Ibuprofen, Naproxen, Diclofenac) และสมุนไพรที่ไม่ทราบแหล่งที่มา
แพทย์จะนัดคุณเพื่อติดตามผลเป็นระยะๆ (เช่น ทุก 3-6 เดือน) เพื่อ:
ตรวจวัดค่า UACR และ eGFR เพื่อดูการตอบสนองต่อการรักษา
วัดความดันโลหิต
ปรับยาตามความเหมาะสม
โดยสรุป: เมื่อพบว่าค่า UACR สูง อย่าเพิ่งตื่นตระหนก ให้มองว่าเป็น "สัญญาณเตือนล่วงหน้า" ที่ดีที่ทำให้คุณและแพทย์สามารถเริ่มต้นกระบวนการปกป้องไตได้อย่างทันท่วงที การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทั้งการใช้ยาและการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต คือวิธีที่ดีที่สุดในการชะลอความเสื่อมของไตและรักษาสุขภาพที่ดีไว้ในระยะยาว
การดูแลเมื่อ UACR สูง uacr ข้อแตกต่างระหว่าง uacr และ upcr upcr
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว