สาเหตุ10ประการของปวดศีรษะขณะออกกำลังกาย
อาการปวดศีรษะขณะออกกำลังกาย อาจเป็นเพียงอาการปวดศีรษะธรรมดา หรือาจเป็นอาการแสดงจากความผิดปกติในกะโหลกศีรษะที่รุนแรง หรือถึงชีวิต อาการปวดศีรษะขณะออกกำลังกายอาจแบ่งเป็นชนิดต่าง ๆ ได้ดังนี้
1. อาการปวดศีรษะจากความเครียดพบได้บ่อยที่สุดในนักกีฬาเช่นเดียวกับในประชากรทั่วไป เชื่อว่าอาการปวดศีรษะนั้นเกิดจากกล้ามเนื้อที่อยู่รอบกะโหลกศีรษะตึงตัวมากขึ้น และอาจร่วมกับภาวะทางจิตใจบางอย่างได้แก่ ความกังวล ความกดดันทางอารมณ์ ภาวะซึมเศร้า ความอ่อนล้า เป็นต้น มักมีลักษณะปวดตื้อ ๆ คงที่ หรือเหมือนมีแถบมารัดรอบศีรษะ โดยอาการปวดมักเริ่มจากบริเวณท้ายทอย และร้าวไปยังบริเวณขมับ 2 ข้าง
2. อาการปวดศีรษะขณะออกกำลังกายชนิดไม่ร้ายแรง
- พบในเพศชายบ่อยกว่าเพศหญิง และมักพบบ่อยขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น อาการปวดศีรษะมักจะเกิดขึ้นทันที และรุนแรงตั้งแต่แรก ลักษณะอาการปวดเหมือนมีอะไรมาแทงในศีรษะ หรือปวดตุ๊บ ๆ มักจะปวดทั่ว ๆ ไปทั้งศีรษะ หรืออาจเป็นเฉพาะที่ท้ายทอย หรือส่วนหน้าของศีรษะ มักปวดเท่า ๆ กันทั้ง 2 ข้าง อาการปวดจะคงอยู่หลายนาที บางครั้งแม้จะหยุดออกกำลังกาย ก็ยังปวดอยู่ ยังม่ทราบกลไกชัดเจนของอาการปวดชนิดนี้ ตรวจร่างกายไม่พบความผิดปกติของระบบประสาท การรับประทานยาแก้ปวดมักทำให้อาการดีขึ้น
3. อาการปวดศีรษะขณะออกกำลังแบบไมเกรน
- อาการปวดศีรษะชนิดนี้มักเป็นบริเวณหลังลูกตาข้างใดข้างหนึ่ง โดยมีลักษณะปวดตุ๊บ ๆ รุนแรง อาจตรวจพบลานสายตาผิดปกติทันทีหลังออกกำลังร่วมด้วย พบบ่อยในนักกีฬาที่ไม่ค่อยฟิต เมื่อแข่งขันในที่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก ๆ ได้รับสารน้ำไม่เพียงพอ หรือออกกำลังกายในที่ที่ร้อนเกินไป จากการตรวจร่างกายมักไม่พบความผิดปกติของระบบประสาทอื่น ๆ นอกจากความผิดปกติของลานสายตาดังกล่าวแล้ว โดยทั่วไปอาการปวดศีรษะชนิดนี้จะไม่ร้ายแรง และมักจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก ถ้านักกีฬาคนนั้นมีความฟิตมากขึ้น และออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
4. อาการปวดศีรษะที่ถูกทำให้รุนแรงขึ้นด้วยการออกกำลังกาย
- หมายถึง บุคคลนั้นมีอาการปวดศีรษะเดิมอยู่ก่อนแล้ว ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม และเมื่อออกกำลังกายก็จะทำให้อาการปวดศีรษะเดิมนั้นเป็นมากขึ้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของแพทย์จะต้องซักประวัติเพื่อแยกออกจากอาการปวดศีรษะในข้อ 2 และ 3 ให้ได้อาการปวดศีรษะเดิมนั้น อาจเป็นอาการปวดศีรษะก่อนมีประจำเดือน หรืออาการปวดศีรษะแบบไมเกรนชนิดอื่น ๆ แต่ในบางคน การออกกำลังกายกลับช่วยลดอาการปวดศีรษะแบบไมเกรนบางอย่างได้ด้วย จึงอาจนำไปใช้รักษาได้
5. อาการปวดท้ายทอยจากการออกกำลังกาย ในผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
- อาการปวดจะเหมือนกับอาการปวดศีรษะชนิดไม่ร้ายแรง (ในข้อ 2) แต่มักจะปวดบริเวณท้ายทอย และบางครั้งมีอาการคลื่นไส้ร่วมด้วย ยิ่งออกแรงมาก หรือเคลื่อนไหวคอมากขึ้น ก็ยิ่งปวดมากขึ้น อาการปวดอาจคงอยู่หลายชั่วโมงหลังจากหยุดออกกำลังกายแล้ว การตรวจร่างกายจะไม่พบความผิดปกติของระบบประสาท การป้องกันทำได้โดยการประคองบริเวณกล้ามเนื้อคอ และรับประทานยาแก้ปวด
6. อาการปวดศีรษะเนื่องจากอุปกรณ์กดรัด
- เช่น ในนักกีฬาว่ายน้ำที่ต้องสวมแว่นตาว่ายน้ำ หรือในนักกีฬายกน้ำหนัก ซึ่งอาจมีการกดของรากประสาทไขสันหลังบริเวณคอเกิดขึ้น (Weight Lifter’s Headache) จากกระดูกคอเสื่อม เคลื่อน หรือหมอนรองกระดูกคอปลิ้น การป้องกันและรักษาก็ทำได้โดยการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้ รวมทั้งเทคนิคการฝึก
7. อาการปวดศีรษะจากการโหม่งลูกบอล
- ได้มีการอธิบายภาวะนี้ครั้งแรกในนักฟุตบอลประเทศอังกฤษที่มีอาการปวดศีรษะแบบไมเกรนร่วมกับภาวะลานสายตาผิดปกติ คลื่นไส้ และอาเจียน เชื่อกันว่าเกิดจากการโหม่งลูกบอลที่ผิดจังหวะ หรือโหม่งด้วยบริเวณขมับ หรือด้านข้างของศีรษะ แทนที่จะโหม่งด้วยบริเวณโหนกศีรษะ ทำให้มีอาการหดตัวของกล้ามเนื้อคอด้านข้าง จึงเกิดการบิด และหดตัวของเส้นเลือดบริเวณฐานกะโหลกศีรษะขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นนักฟุตบอลเท่านั้นที่เกิดอาการนี้ได้ นักมวยปล้ำ รักบี้ หรือนักมวย ก็เป็นได้
8. อาการปวดศีรษะขณะออกกำลัง จากพยาธิสภาพภายในกะโหลกศีรษะ
- พบได้น้อยมาก เกิดจากสาเหตุภายในกะโหลกศีรษะว่าอาจเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบโครงสร้างระบบประสาทแต่กำเนิด จากการกดสมองบริเวณฐานกะโหลกศีรษะ หรืออาจเป็นภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นนอก หรืออาจเป็นเนื้องอกของโครงสร้างต่าง ๆ ในกะโหลกศีรษะ อาการปวดศีรษะในกลุ่มนี้โดยทั่ว ๆ ไป มักรุนแรงมากขึ้นในขณะออกกำลังกายหนักขึ้น อาการปวดศีรษะอาจถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นได้ทันที หรือทำให้ลดลงได้ทันทีด้วยการเปลี่ยนตำแหน่งของศีรษะ อาจพบความผิดปกติของระบบประสาทได้ เช่น อาการอ่อนแรง อาการชา การลดความรู้สึกตัว รูม่านตา และการตอบสนองต่อแสงผิดปกติ อาการชักกระตุก การตอบสนองของรีเฟล็กผิดปกติ นอกจากนั้นนักกีฬาคนนั้นอาจจะมีอาเจียนพุ่ง มีเสียงดังหึ่ง ๆ ในหู ตาเหลือกไปข้างใดข้างหนึ่ง ฯลฯ ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุต่อไป
9. อาการปวดศีรษะจากความดันโลหิตสูงเฉียบพลันในนักกีฬาคนพิการ
- ในคนที่ได้รับบาดเจ็บของไขสันหลังตั้งแต่ระดับอกขึ้นไป (ซึ่งก็มักจะมีอาการอัมพาตของลำตัวรวมทั้งขา 2 ข้าง และชาตั้งแต่กลางลำตัวลงมา) เมื่อออกกำลังกายอย่างหนัก อาจจะกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติอย่างเฉียบพลัน ทำให้เส้นเลือดบริเวณที่ถูกเลี้ยงด้วยเส้นประสาทอัตโนมัติที่อยู่ต่ำกว่าระดับที่ได้รับบาดเจ็บหดตัวทำให้ความดันโลหิตทั่วร่างกายสูงขึ้น รวมทั้งความดันโลหิตในกะโหลกศีรษะด้วย จึงทำให้ปวดศีรษะอย่างมาก นอกจากนี้ก็มีอาการหน้าแดง ตาพร่า ร่วมด้วย การรักษาทำได้โดยการหยุดออกกำลังกายทันที ความดันโลหิตก็มักจะกลับสู่ปกติ และถ้าเป็นไปได้ให้จัดให้ศีรษะอยู่สูงที่สุด และพบแพทย์
10. อาการปวดศีรษะจากการถูกกระแทกซ้ำ ๆ
- เกิดจากการถูกกระแทกที่ศีรษะซ้ำ ๆ ซาก ๆ ทำให้สมองบวมไปทั่ว และรบกวนการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ผู้ป่วยอาจมีอาการรุนแรงมากเช่น ความดันในกะโหลกศีรษะสูงขึ้น จนสมองส่วนกลาง และส่วนขมับถูกกด เส้นประสาทสมองเป็นอัมพาต ระดับความรู้สึกตัวลดลง หรืออาจมีอาการไม่รุนแรง เช่น ปวดศีรษะตลอดเวลา ไม่มีสมาธิ และอารมณ์หงุดหงิดง่าย ซึ่งอาการเหล่านี้อาจคงเหลืออยู่นานหลายเดือนหลังเกิดอุบัติเหตุ