siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

Ankle-Brachial Index (ABI): คู่มือการตรวจและป้องกันโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย

Ankle-Brachial Index (ABI): คู่มือการตรวจและป้องกันโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย

Ankle-Brachial Index (ABI)

หลักการของการทำ  Ankle – Brachial Index คือ การเปรียบเทียบความดันโลหิตระหว่างหลอดเลือดแดงที่แขน (Brachial Artery) และหลอดเลือดแดงที่ขาบริเวณข้อเท้า (Ankle)

ซึ่งเป็นการตรวจที่สะดวก รวดเร็ว ไม่ยุ่งยาก และไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดใดๆ

คือการตรวจสมรรถภาพการไหลเวียนของหลอดเลือดแดงส่วนปลายที่ขา

ข้อมูลจากการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดแดงที่ขาตีบตันจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันเฉียบพลัน และรวมไปถึงโรคของหลอดเลือดสมองด้วย

จุดประสงค์หลักของการตรวจ ABI คือการค้นหาร่องรอยการตีบตันของหลอดเลือดแดงที่ขา เพื่อประเมินความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย (Peripheral Arterial Disease: PAD) ซึ่งเป็นภาวะที่หลอดเลือดแดงที่ขาถูกตีบหรืออุดตัน ผู้ป่วย PAD มีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองและโรคหลอดเลือดหัวใจ



อัตราส่วนความดันโลหิตที่ข้อเท้าต่อแขน Ankle-Brachial Index(ABI) คืออะไร?

ABI เป็นวิธีการตรวจหา PAD ที่รวดเร็ว ไม่เจ็บปวด และไม่เป็นอันตราย โดยจะเปรียบเทียบความดันโลหิตที่วัดได้บริเวณข้อเท้ากับความดันโลหิตที่วัดจากแขน หากหลอดเลือดแดงที่ขาตีบหรืออุดตัน ความดันโลหิตที่ข้อเท้าจะต่ำกว่าที่แขน การตรวจ ABI มีความแม่นยำสูงในการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดแดงที่ขาตีบ โดยมีค่าความไว (Sensitivity) ประมาณ 90% และความจำเพาะ (Specificity) ประมาณ 98%

หมายเหตุ :

โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายที่ขาตีบตันส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการมีตะกรัน (Atherosclerotic plaque) ไปเกาะที่หลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบและเลือดไม่สามารถไหลผ่านไปเลี้ยงขาได้อย่างเพียงพอ มีผลทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดเท้า ขา ต้นขา หรือก้น ในขณะที่เดินหรือออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังส่งผลให้เกิดภาวะเท้า/ขาเกิดเนื้อเน่าตาย (ถ้าลุกลามมากอาจต้องตัดเท้า/ขาทิ้ง) โรคหลอดเลือดสมองตีบ (เป็นสาเหตุให้เกิดอัมพาต) และโรคหลอดเลือดหัวใจ (ส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันที่เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตฉับพลัน) ได้ด้วย

โดย 50% ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายที่ตรวจพบด้วยการตรวจ ABI จะไม่มีอาการแสดงใด ๆ ต่อมาเมื่อเส้นเลือดตีบมากขึ้นและเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนนั้นไม่พอก็จะเกิดอาการปวดตามมา ดังนั้นการตรวจเช็คและดูแลรักษาหลอดเลือดแดงให้อยู่ในสภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยในการป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ การศึกษาหนึ่งพบว่าผู้ที่มีอายุเฉลี่ย 66 ปี ที่มีค่า ABI ผิดปกติ จะมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือด และหัวใจมากกว่าผู้ที่มีค่า ABI ปกติ 6.3 เท่า และมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ 4.8 เท่า ดังนั้นการตรวจความผิดปกติของหลอดเลือดแดง โดยการใช้เครื่องวัด ABI (Ankle-Brachail Index) จึงช่วยบ่งชี้ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ อัมพาต อัมพฤกษ์ ซึ่งเมื่อพบความผิดปกติ ก็จะพิจารณาให้ยาเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยง

ใครควรได้รับการตรวจ ABI?

ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการตีบตันของหลอดเลือดที่ขาควรได้รับการตรวจ ABI ได้แก่:

ขั้นตอนการตรวจ ABI

การแปลผลตรวจ ABI

การตรวจ ABI เป็นการตรวจที่ให้ความแม่นยำสูงในการวินิจฉัยโรคของหลอดเลือดแดงที่ขาตีบ โดยมีไวในการตรวจ (Sensitivity) อยู่ที่ประมาณ 90% และความจำเพาะในการตรวจ (Specificity) อยู่ที่ประมาณ 98%

โดยค่าที่ได้จากการตรวจวัด ABI ในแต่ละข้างจะถูกนำมาใช้ในการแปลผลดังข้อมูลด้านล่าง ซึ่งค่าที่ผิดปกติคือเท่ากับหรือน้อยกว่า 0.9 ซึ่งจะบ่งชี้ว่ามีการอุดตันในหลอดเลือดแดงที่ขา ณ ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง (ค่ายิ่งน้อยจะยิ่งบ่งบอกว่ามีการอุดตันในหลอดเลือดสูงมากขึ้นเท่านั้น)

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย (PAD)

การป้องกันและรักษา PAD

ประโยชน์ของการตรวจ ABI

ประสิทธิภาพในการวินิจฉัย PAD

 

สรุป

การตรวจ ABI เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการตรวจหาโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย เป็นการตรวจที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว และไม่เจ็บปวด หากคุณมีปัจจัยเสี่ยงหรือมีอาการที่สงสัย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจ ABI และรับคำแนะนำในการป้องกันและรักษาที่เหมาะสม

 

เพิ่มเพื่อน