ไนอาซิน (Niacin) : วิตามินบี 3 ที่จำเป็นต่อร่างกาย

ไนอาซิน หรือที่รู้จักกันในชื่อวิตามินบี 3 เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำได้ มีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกายในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบประสาท ระบบย่อยอาหาร และสุขภาพผิว ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างไนอาซินได้เอง จำเป็นต้องได้รับจากอาหารหรืออาหารเสริม

ประโยชน์ของไนอาซิน

ช่วยในการเผาผลาญพลังงาน: ไนอาซินมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานที่ร่างกายนำไปใช้ได้
บำรุงระบบประสาท: ไนอาซินช่วยในการทำงานของระบบประสาท ส่งผลต่ออารมณ์ ความจำ และสมาธิ
รักษาสุขภาพผิว: ไนอาซินช่วยในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ผิวหนัง ลดการอักเสบ และป้องกันผิวจากแสงแดด
ลดระดับคอเลสเตอรอล: ไนอาซินในปริมาณสูงสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)
ป้องกันโรคหัวใจ: จากคุณสมบัติในการลดระดับคอเลสเตอรอล ไนอาซินจึงมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ
บรรเทาอาการข้ออักเสบ: ไนอาซินอาจช่วยลดอาการปวดและอักเสบในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

แหล่งอาหารที่อุดมด้วยไนอาซิน

เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา เนื้อวัว ตับ
ธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีต
ถั่ว เช่น ถั่วลิสง อัลมอนด์
ผักใบเขียว เช่น ผักโขม คะน้า

ปริมาณไนอาซินที่แนะนำต่อวัน

ผู้ชาย: 16 มิลลิกรัม
ผู้หญิง: 14 มิลลิกรัม
หญิงตั้งครรภ์: 18 มิลลิกรัม
หญิงให้นมบุตร: 17 มิลลิกรัม

ผลข้างเคียงของไนอาซิน

การรับประทานไนอาซินในปริมาณสูง อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น

อาการหน้าแดง: เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเริ่มรับประทานไนอาซินใหม่ๆ
อาการทางเดินอาหาร: เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
ผลต่อตับ: การรับประทานไนอาซินในปริมาณสูงเป็นเวลานาน อาจส่งผลต่อการทำงานของตับ

ข้อควรระวัง

ผู้ป่วยโรคตับ โรคเบาหวาน โรคเกาต์ หรือผู้ที่มีประวัติแพ้ยา ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานไนอาซิน
ไนอาซินอาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่น ยาลดคอเลสเตอรอล ยาลดความดันโลหิต ดังนั้นควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่กำลังรับประทานอยู่

หมายเหตุ:

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลความรู้ทั่วไปเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพได้
ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานไนอาซินเสริม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีโรคประจำตัวหรือกำลังรับประทานยาอื่นๆอยู่