
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
"ภาวะติดสุรา" หรือในทางการแพทย์เรียกว่า Alcohol Use Disorder (AUD) คือภาวะทางสมองเรื้อรังที่ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมหรือหยุดการดื่มแอลกอฮอล์ได้ แม้จะรู้ว่าการดื่มนั้นส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพกาย จิตใจ ความสัมพันธ์ การงาน และการเงิน AUD ไม่ได้เป็นเพียง "การดื่มหนัก" แต่เป็นโรคที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในสมองซึ่งทำให้เกิดความอยากดื่มอย่างรุนแรงและเสี่ยงต่อการกลับไปดื่มซ้ำ แต่ข่าวดีคือ AUD เป็นภาวะที่สามารถรักษาได้
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจทุกมิติของ AUD ตั้งแต่เกณฑ์การวินิจฉัย สาเหตุ ผลกระทบ ไปจนถึงแนวทางการรักษาที่ได้รับการยอมรับทางการแพทย์
การทำความเข้าใจนิยามของการดื่มเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อประเมินความเสี่ยงของตนเองและคนรอบข้าง
การดื่มหนักเป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจนำไปสู่ AUD ได้ แบ่งเป็น:
Binge Drinking (การดื่มหนักในครั้งเดียว): การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากในเวลาสั้นๆ (ประมาณ 2 ชั่วโมง) จนระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 0.08% หรือมากกว่า
สำหรับผู้ชาย: 5 หน่วยดื่มมาตรฐานขึ้นไป
สำหรับผู้หญิง: 4 หน่วยดื่มมาตรฐานขึ้นไป
Excessive Use (การดื่มมากเกินไปในภาพรวม):
ผู้หญิง: มากกว่า 7 หน่วยดื่มมาตรฐานต่อสัปดาห์ (หรือมากกว่า 3 หน่วยดื่มต่อครั้ง)
ผู้ชาย: มากกว่า 14 หน่วยดื่มมาตรฐานต่อสัปดาห์ (หรือมากกว่า 4 หน่วยดื่มต่อครั้ง)
ผู้สูงอายุ (>65 ปี): มากกว่า 7 หน่วยดื่มมาตรฐานต่อสัปดาห์ (หรือมากกว่า 3 หน่วยดื่มต่อครั้ง)
1 หน่วยดื่มมาตรฐาน (Standard Drink) คืออะไร?
เบียร์ (แอลกอฮอล์ 5%): 1 กระป๋อง/ขวดเล็ก (360 มล.)
ไวน์ (แอลกอฮอล์ 12%): 1 แก้ว (150 มล.)
สุรากลั่น (40%): 1 ช็อต (45 มล.)
การวินิจฉัย Alcohol Use Disorder
การวินิจฉัย AUD อาศัยการประเมินจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ โดยพิจารณาจาก:
เกณฑ์การวินิจฉัย:ตามเกณฑ์ DSM-5 แพทย์จะวินิจฉัยว่าบุคคลมีภาวะ AUD หากมีอาการดังต่อไปนี้ ตั้งแต่ 2 ข้อขึ้นไป ภายในระยะเวลา 12 เดือน:
ดื่มในปริมาณมากกว่าหรือนานกว่าที่ตั้งใจไว้
พยายามลดหรือเลิกดื่มหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ
ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการดื่ม การหาสุรามาดื่ม หรือการฟื้นตัวจากอาการเมา
มีความอยากดื่มอย่างรุนแรงจนไม่สามารถคิดเรื่องอื่นได้
การดื่มส่งผลกระทบต่อความรับผิดชอบที่บ้าน ที่ทำงาน หรือโรงเรียนซ้ำๆ
ยังคงดื่มต่อไปแม้จะทำให้เกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์กับครอบครัวหรือเพื่อน
ล้มเลิกหรือลดความสำคัญของกิจกรรมที่เคยชอบ เพื่อไปดื่มสุรา
ดื่มในสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตรายซ้ำๆ (เช่น ดื่มแล้วขับรถ, ทำงานกับเครื่องจักร)
ยังคงดื่มต่อไปทั้งที่รู้ว่าทำให้ปัญหาสุขภาพกายหรือจิตใจแย่ลง
ภาวะทนต่อแอลกอฮอล์ (Tolerance): ต้องดื่มในปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้รู้สึกเมาเท่าเดิม
ภาวะถอนสุรา (Withdrawal): เกิดอาการไม่พึงประสงค์เมื่อหยุดหรือลดการดื่ม (เช่น มือสั่น เหงื่อออก คลื่นไส้ วิตกกังวล) หรือต้องดื่มเพื่อระงับอาการเหล่านี้
การประเมินความรุนแรง:
น้อย (Mild): มี 2-3 อาการ
ปานกลาง (Moderate): มี 4-5 อาการ
รุนแรง (Severe): มี 6 อาการขึ้นไป
AUD เป็นโรคที่ซับซ้อนซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ใช่แค่เรื่องของจิตใจที่อ่อนแอ:
พันธุกรรมและประวัติครอบครัว: ผู้ที่มีพ่อแม่หรือญาติใกล้ชิดมีภาวะ AUD จะมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป
การเริ่มต้นดื่มตั้งแต่อายุน้อย: การดื่มหนักก่อนอายุ 15 ปี เพิ่มความเสี่ยงในการเกิด AUD อย่างมีนัยสำคัญ
ภาวะสุขภาพจิต: ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล โรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar) หรือ PTSD การใช้แอลกอฮอล์เพื่อผ่อนคลาย จัดการกับความเครียด ความวิตกกังวล ความซึมเศร้า ความเหงา หรือความไม่มั่นใจในตัวเองมักใช้แอลกอฮอล์ในการจัดการอารมณ์ ซึ่งนำไปสู่ AUD ได้ง่าย
ประวัติความบอบช้ำทางจิตใจ (Trauma):ผู้ที่มีประวัติการบาดเจ็บทางอารมณ์หรืออื่นๆ มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
ปัจจัยทางสังคมและวัฒนธรรม: การมีเพื่อนหรือคู่หูที่ดื่มเป็นประจำ วัฒนธรรมที่ส่งเสริมการดื่ม หรือภาพลักษณ์การดื่มที่ "เท่" ในสื่อ อาจส่งผลต่อความเสี่ยง
ความผิดปกติจากการดื่มสุราอาจมีเล็กน้อย ปานกลาง หรือรุนแรง ขึ้นอยู่กับจำนวนอาการที่คุณพบ อาการและอาการแสดงอาจรวมถึง:
ความผิดปกติจากการใช้แอลกอฮอล์อาจรวมถึงช่วงที่เมาสุรา (มึนเมาจากแอลกอฮอล์) และอาการถอนสุรา
AUD ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทุกด้านของชีวิต:
โรคตับ: เป็นผลกระทบที่พบบ่อยที่สุด เริ่มจากไขมันพอกตับ, ตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ และอาจรุนแรงถึง โรคตับแข็ง ซึ่งเป็นการทำลายเซลล์ตับอย่างถาวร
ปัญหาทางเดินอาหาร: โรคกระเพาะ แผลในหลอดอาหาร ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง
โรคหัวใจและหลอดเลือด: ความดันโลหิตสูง หัวใจโต หัวใจเต้นผิดจังหวะ และเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง
ระบบประสาทและสมอง: ทำลายเซลล์สมอง ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อม ความจำเสื่อม และชาปลายมือปลายเท้าจากการขาดวิตามินบี 1
เพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง: โดยเฉพาะมะเร็งช่องปาก ลำคอ หลอดอาหาร ตับ ลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเต้านม
ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: ทำให้ติดเชื้อต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะโรคปอดบวม
กระดูกพรุน: รบกวนการสร้างกระดูกใหม่ ทำให้กระดูกบางและหักง่าย
ปัญหาสมรรถภาพทางเพศ: ทำให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในชาย และประจำเดือนมาไม่ปกติในหญิง
ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสัมพันธ์กับอาการที่แสดงออก:
| BAC (มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์) | อาการแสดง |
| 30 | สนุกสนาน ร่าเริง |
| 50 | เสียการควบคุมการเคลื่อนไหว เริ่มเดินเซ |
| 100 | เดินไม่ตรงทาง |
| 200 | สับสน งงงวย |
| 300 | ง่วงซึม |
| มากกว่า 400 | สลบ หมดสติ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต |
หมายเหตุ: โดยทั่วไปถือว่า เมาแล้วขับ เมื่อมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดตั้งแต่ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ในประเทศไทย
การรักษา AUD เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการสนับสนุนจากหลายฝ่าย โดยมีแนวทางหลักดังนี้:
สำหรับผู้ที่ดื่มหนักมานาน การหยุดดื่มกะทันหันอาจอันตรายถึงชีวิตจาก ภาวะถอนพิษสุรารุนแรง (Delirium Tremens) ซึ่งทำให้เกิดอาการสับสน ประสาทหลอน ชัก และหัวใจเต้นผิดปกติ จึงจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ในโรงพยาบาล ซึ่งจะให้ยาในกลุ่ม Benzodiazepines เพื่อควบคุมอาการให้ปลอดภัย
ยาที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้รักษา AUD มีจุดประสงค์เพื่อลดความอยากดื่มและป้องกันการกลับไปดื่มซ้ำ:
Naltrexone: ลดความรู้สึกเป็นสุขจากการดื่ม และลดความอยากดื่ม ช่วยป้องกันการกลับไปดื่ม หรือลดปริมาณการดื่ม โดยการปิดกั้นตัวรับโอปิออยด์ในร่างกาย ซึ่งหยุดฤทธิ์ของแอลกอฮอล
Acamprosate: ช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมอง เพื่อลดความอยากดื่มในผู้ที่หยุดดื่มแล้ว
Disulfiram: ทำงานโดยทำให้เกิดปฏิกิริยาทางกายภาพที่ไม่พึงประสงค์ (คลื่นไส้ เจ็บหน้าอก อาเจียน วิงเวียนศีรษะ) หากดื่มแอลกอฮอล์ขณะรับประทานยา ทำให้ผู้ป่วยไม่อยากดื่ม
Cognitive Behavioral Therapy (CBT): ช่วยผู้ป่วยปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมที่นำไปสู่การดื่ม และสอนทักษะการจัดการกับความเครียดและสิ่งกระตุ้น
Motivational Enhancement Therapy: สร้างและเสริมแรงจูงใจให้ผู้ป่วยต้องการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดื่มของตนเอง
Family Counseling: ช่วยซ่อมแซมความสัมพันธ์ในครอบครัวและสร้างระบบการสนับสนุนที่ดี
กลุ่มสนับสนุน เช่น Alcoholics Anonymous (AA) เป็นแหล่งให้กำลังใจที่สำคัญ ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่โดดเดี่ยวและได้เรียนรู้ประสบการณ์จากผู้ที่กำลังฟื้นตัวเช่นกัน
มีบางกลุ่มบุคคลที่ไม่ควรดื่มสุราเลย เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรงต่อสุขภาพหรือความปลอดภัย:
หากคุณหรือคนที่คุณรักกำลังเผชิญกับปัญหานี้ โปรดเข้าใจว่า AUD คือโรค ไม่ใช่ความล้มเหลวทางศีลธรรม การขอความช่วยเหลือจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญคือหนทางสู่การฟื้นตัวและกลับมามีชีวิตที่มีคุณภาพอีกครั้ง
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว