Raynaud's Phenomenon: ปรากฏการณ์เรย์นอด สาเหตุและการดูแล
  วันที่เรียบเรียง: 21 มิถุนายน 2568
    ผู้เรียบเรียง: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภานุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
  Raynaud's Phenomenon คืออะไร
  Raynaud's Phenomenon หรือ ปรากฏการณ์เรย์นอด เป็นภาวะที่หลอดเลือดเล็กในปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า หรือส่วนอื่น เช่น จมูก หู หรือปาก เกิดการหดตัวเมื่อสัมผัสความเย็นหรือความเครียด ส่งผลให้ผิวหนังเปลี่ยนสี (ขาว ฟ้า หรือแดง) และอาจรู้สึกเจ็บหรือชา ภาวะนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท:
   
    - 
      Primary Raynaud's (Raynaud's Disease): เกิดโดยไม่มีโรคพื้นฐาน มักพบในผู้หญิงอายุ 15-30 ปี และอาการไม่รุนแรง 
- 
      Secondary Raynaud's (Raynaud's Syndrome): เกิดจากโรคพื้นฐาน เช่น SLE, Scleroderma, Rheumatoid Arthritis หรือยาบางชนิด อาการรุนแรงกว่าและอาจมีภาวะแทรกซ้อน 
    
    
    
    
  
 
  Raynaud's Phenomenon ไม่ใช่โรค แต่เป็นอาการที่ต้องหาสาเหตุเพื่อรักษาให้ตรงจุด โดยพบใน 3-5% ของประชากรทั่วไป และพบบ่อยในเขตหนาว
  สาเหตุของ Raynaud's Phenomenon
  1. สาเหตุของ Primary Raynaud's
   
    - 
      ปัจจัยทางพันธุกรรม: มีประวัติครอบครัวเป็น Raynaud's 
- 
      ความไวต่อความเย็นหรือความเครียด: หลอดเลือดไวเกินต่อสิ่งกระตุ้น 
- 
      เพศ: พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย (อัตราส่วน 5:1) 
2. สาเหตุของ Secondary Raynaud's
   
    - 
      โรค autoimmune: 
        - 
          Systemic Lupus Erythematosus (SLE): มักพบร่วมกับผื่น ปวดข้อ หรือ Lupus Nephritis 
- 
          Scleroderma: ผิวหนังแข็งและหลอดเลือดตีบ 
- 
          Rheumatoid Arthritis: การอักเสบของข้อ 
- 
          Sjögren’s Syndrome: ต่อมน้ำลายและน้ำตาแห้ง 
 
- 
      โรคหลอดเลือด: 
- 
      ยาและสารเคมี: 
        - 
          Beta-Blockers (เช่น Propranolol) 
- 
          Chemotherapy (เช่น Cisplatin) 
- 
          ยา Ergotamine หรือยาลดน้ำหนัก 
- 
          การสัมผัสสารเคมี เช่น Vinyl Chloride 
 
- 
      ภาวะอื่น: 
        - 
          Hypothyroidism: ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย 
- 
          Carpal Tunnel Syndrome: กดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ 
- 
          การสูบบุหรี่: ทำให้หลอดเลือดหดตัว 
- 
          การใช้เครื่องมือสั่น (Vibration): เช่น เครื่องเจาะ 
 
3. ปัจจัยกระตุ้น
   
    - 
      ความเย็น: เช่น อากาศหนาว น้ำเย็น 
- 
      ความเครียด: ทำให้หลอดเลือดหดตัว 
- 
      การสูบบุหรี่หรือคาเฟอีน: กระตุ้นการหดตัวของหลอดเลือด 
อาการของ Raynaud's Phenomenon
   
    
 
  การวินิจฉัย Raynaud's Phenomenon
   
    - 
      ประวัติและตรวจร่างกาย: 
        - 
          ถามประวัติอาการเปลี่ยนสี ปัจจัยกระตุ้น (ความเย็น, ความเครียด) และโรคประจำตัว (เช่น SLE) 
- 
          ตรวจร่างกาย: ดูการเปลี่ยนสีผิว ชีพจรที่ข้อมือ หรือแผลที่นิ้ว 
 
- 
      การตรวจในห้องปฏิบัติการ: 
        - 
          Antinuclear Antibody (ANA): ตรวจในผู้สงสัย Secondary Raynaud’s จาก SLE หรือ Scleroderma 
- 
          Anti-dsDNA, Complement C3/C4: ตรวจใน SLE 
- 
          Erythrocyte Sedimentation Rate (ESR), C-Reactive Protein (CRP): ดูการอักเสบ 
- 
          Complete Blood Count (CBC): ตรวจภาวะโลหิตจางหรือการติดเชื้อ 
 
- 
      การตรวจพิเศษ: 
        - 
          Nailfold Capillaroscopy: ดูหลอดเลือดเล็กที่โคนเล็บ ช่วยแยก Primary และ Secondary Raynaud’s 
- 
          Doppler Ultrasound: ตรวจการไหลเวียนของเลือด 
- 
          Cold Stimulation Test: ทดสอบการตอบสนองของหลอดเลือดต่อความเย็น 
 
- 
      การวินิจฉัยแยกโรค: 
        - 
          ภาวะหลอดเลือดตีบจาก Atherosclerosis 
- 
          การกดทับเส้นประสาท เช่น Carpal Tunnel Syndrome 
- 
          ภาวะเลือดข้น (Polycythemia) 
 
การรักษา Raynaud's Phenomenon
   
  การดูแลตนเอง
   
    - 
      ป้องกันอาการกำเริบ: 
        - 
          สวมเสื้อผ้าอุ่นในอากาศเย็น รวมถึงถุงมือ ถุงเท้า และหมวก 
- 
          ใช้ถุงร้อนหรือเครื่องทำความร้อนในฤดูหนาว 
- 
          หลีกเลี่ยงการจับของเย็น เช่น น้ำแข็ง หรือตู้เย็น 
 
- 
      ปรับวิถีชีวิต: 
        - 
          ลดความเครียดด้วยการทำสมาธิหรือโยคะ 
- 
          งดสูบบุหรี่และจำกัดคาเฟอีน (ชา กาแฟ) 
- 
          ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่น เดินวันละ 30 นาที 
 
- 
      ดูแลผิว: 
- 
      ในผู้ป่วย SLE: 
        - 
          ปฏิบัติตามแผนการรักษา SLE 
- 
          หลีกเลี่ยงแสงแดด (อาจกระตุ้นอาการ SLE และ Raynaud’s) 
- 
          ตรวจเลือดและปัสสาวะเป็นประจำ (เช่น Anti-dsDNA, Protein/Creatinine Ratio) 
 
การป้องกัน Raynaud's Phenomenon
   
    - 
      หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น: ความเย็น ความเครียด การสูบบุหรี่ 
- 
      ตรวจสุขภาพประจำปี: โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติครอบครัวหรือโรค autoimmune 
- 
      ควบคุมโรคพื้นฐาน: เช่น SLE, Scleroderma, ความดันโลหิตสูง 
- 
      ปกป้องปลายนิ้ว: สวมถุงมือเมื่อทำงานในที่เย็นหรือใช้เครื่องมือสั่น 
- 
      ฉีดวัคซีน: เช่น ไข้หวัดใหญ่ เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่กระตุ้นอาการ 
ควรพบแพทย์เมื่อใด
   
    - 
      นิ้วมือหรือนิ้วเท้าเปลี่ยนสีบ่อยหรือรุนแรง 
- 
      มีอาการปวด ชา หรือแผลที่นิ้ว 
- 
      อาการ SLE กำเริบ เช่น ผื่น ปวดข้อ ไข้ 
- 
      พบ Hematuria, Proteinuria หรืออาการไตผิดปกติ (ในผู้ป่วย SLE) 
- 
      อาการไม่ดีขึ้นหลังปรับพฤติกรรมหรือใช้ยา 
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
  
    - 
      Raynaud's Phenomenon คืออะไร? 
- 
      อะไรเป็นสาเหตุของ Raynaud's? 
- 
      Raynaud's อันตรายหรือไม่? 
- 
      ต้องตรวจอะไรเพิ่มเติมหากมี Raynaud's? 
- 
      สามารถป้องกัน Raynaud's ได้อย่างไร? 
สรุป
  Raynaud's Phenomenon เป็นภาวะที่หลอดเลือดหดตัว ส่งผลให้ปลายนิ้วเปลี่ยนสีและอาจเจ็บหรือชา สาเหตุอาจเป็น Primary (ไม่มีโรคพื้นฐาน) หรือ Secondary (จาก SLE, Scleroderma) การรักษารวมถึงการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น การใช้ยา และการจัดการโรคพื้นฐาน ผู้ป่วยควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในผู้ป่วย SLE ที่อาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น Lupus Nephritis