การติดเชื้อเริม Herpes ในผู้ป่วยโรคเอดส์
ผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ HIV หากภูมิคุ้มกันยังดีอยู่การเกิดโรคติดเชื้อเริม(สุกใส )หรืองูสวัสจะเหมือนคนปกติ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเอดส์ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องมาก ผื่นของโรคจะมีขนาดใหญ่ขนาด 2-7 ซม แผลจะมีอาการปวดมาก
อาการของโรคเริม
![]() |
|
ตุ่มน้ำใสปวดแสบร้อน ถ้าเริมเกิดที่ริมฝีปากจะมีตุ่มน้ำเกิดจากเชื้อ(HSV-1), ส่วนตุ่มที่เกิดที่ทวารหนัก และอวัยวะเพศเกิดจากเชื้อ (HSV-2). ส่วนงูสวัสจะเป็นตุ่มน้ำตามแนวลำตัว หรือส่วนอื่นของร่างกายเกิดจากเชื้อ Herpes Zoster (Varicella Zoster Virus or VSV). ข้อแตกต่างของงูสวัสที่เกิดในคนปกติ และคนที่เป็นโรคเอดส์คือคนที่เป็นโรคเอดส์จะมีผื่นที่ใหญ่ มีเลือดออก มีอาการปวดค่อนข้างมาก ผื่นและอาการปวดจะใช้เวลาหายใน 2-3 สัปดาห์ ส่วนผื่นที่เป็นแผลจะใช้เวลาประมาณ6 สัปดาห์และมักเป็นแผลเป็น
การตรวจวินิจฉัยโรค
สามารถวินิจฉัยได้ด้วยการดูด้วยตา การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจ หรือขูดก้นแผลตรวจ Tzanck smear จะพบเซลล์หน้าตาแปลกๆ
การรักษาโรคติดเชื้อเริม
สำหรับไข้สุกใสใช้ยา
Acyclovir , Valacyclovir , Famciclovir . จะใช้ยาในกรณีที่แผลติดเชื้อเรื้อรังโดยให้ยา
acyclovir (200
ถึง 400 mg วันละ 5
ครั้ง)จนกระทั่งแผลหาย
ส่วนงูสวัสจะใช้ยา Acyclovir ( 800 mg )วันละ 5 ครั้งเป็นเวลา 5 วัน
การป้องกันการรับเชื้อเริม
- ผู้ที่ติดเชื้อ HIV เมื่อร่วมเพศควรสวมถุงยางคุมกำเนิดทุกครั้งเพื่อป้องกันการติดเชื้อเริม
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ที่ติดเชื้อเริมทั้งทางปากและอวัยวะเพศ
- ผู้ที่ติดเชื้อ HIV ที่ไม่เคยติดเชื้อเริมหรืองูสวัส ควรจะหลีกเลี่ยงผู้ที่เป็นไขสุกใส หรืองูสวัส
- เด็กทีอาศัยอยู่ในบ้านที่มีผู้ป่วย HIV ควรจะฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้สุกใส
การป้องกันการติดเชื้อ
- เมื่อผู้ที่ติดเชื้อ HIVสัมผัสโรคติดเชื้อเริ่มแนะนำว่ายังไม่ต้องให้ยาป้องกันการติดเชื้อ
- ไม่แนะนำให้ผู้ติดเชื้อ HIVฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้สุกใส
- สำหรับผู้ติดเชื้อ HIV และสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยไขสุกใสควรจะได้รับ varicella immunoglobulin ภายใน 96 ชั่วโมงหลังสัมผัส
- สำหรับงูสวัสยังไม่มีวิธีป้องกัน
การป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
สำหรับผู้ที่มีการกลับเป็นซ้ำของเริ่มบ่อยมากก็พิจารณาให้ยา Acyclovir 200-400mg /วันละ 2 ครั้ง