
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
PSA คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่สร้างขึ้นโดยเซลล์ในต่อมลูกหมาก (ทั้งเซลล์ปกติและเซลล์มะเร็ง) หน้าที่ตามธรรมชาติของมันคือช่วยทำให้น้ำอสุจิมีสภาวะเป็นของเหลวเพื่อให้ตัวอสุจิเคลื่อนไหวได้ดี
โดยปกติ PSA จะพบในน้ำอสุจิเป็นส่วนใหญ่ และจะมีเพียงปริมาณเล็กน้อยเท่านั้นที่รั่วไหลเข้าสู่กระแสเลือด การตรวจ PSA คือการเจาะเลือดเพื่อวัดปริมาณ PSA ที่รั่วไหลออกมาในกระแสเลือดนี้ ค่าที่ได้จะรายงานเป็น nanograms of PSA per milliliter(ng/mL) ของเลือด
นี่คือความเข้าใจผิดที่พบบ่อยที่สุด แม้ว่ามะเร็งต่อมลูกหมากจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ค่า PSA สูง แต่ภาวะอื่นๆ ที่ไม่ใช่เนื้อร้ายก็สามารถทำให้ค่า PSA สูงขึ้นได้เช่นกัน ได้แก่:
โรคต่อมลูกหมากโต (BPH):ต่อมลูกหมากโต
เป็นภาวะที่ต่อมลูกหมากขยายขนาดขึ้นตามวัย (ไม่ใช่มะเร็ง) เมื่อต่อมมีขนาดใหญ่ขึ้น ก็จะผลิต PSA ออกมามากขึ้นตามไปด้วย นี่คือสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้ค่า PSA สูงในชายสูงอายุ
ต่อมลูกหมากอักเสบ (Prostatitis):ต่อมลูกหมากอักเสบ
การอักเสบหรือการติดเชื้อของต่อมลูกหมาก จะทำให้เซลล์เสียหายและ PSA รั่วไหลเข้าสู่กระแสเลือดได้มากขึ้น
อายุที่เพิ่มขึ้น:
แม้จะไม่มีโรคใดๆ ค่า PSA ก็จะค่อยๆ สูงขึ้นตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้น
กิจกรรมที่กระทบต่อมลูกหมาก (ชั่วคราว):
การมีเพศสัมพันธ์: การหลั่งอสุจิอาจทำให้ค่า PSA สูงขึ้นชั่วคราว (แพทย์บางท่านแนะนำให้งด 2 วันก่อนตรวจ)
การตรวจ DRE: การที่แพทย์คลำต่อมลูกหมากทางทวารหนัก
การออกกำลังกาย: โดยเฉพาะการขี่จักรยานเป็นเวลานาน อาจกดทับต่อมลูกหมาก
หัตถการทางการแพทย์: เช่น การส่องกล้องดูกระเพาะปัสสาวะ หรือการตัดชิ้นเนื้อ

คำแนะนำการตรวจหาค่า PSA แนะนำโดยสมาคมมะเร็งแห่งประเทศอเมริกา สมาคมโรคระบบทางเดินปัสสาวะอเมริกา
การตรวจ PSA มีทั้งประโยชน์และข้อจำกัด ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการตรวจนี้จึงควรเป็นการ "ตัดสินใจร่วมกัน" กับแพทย์
ตรวจจับได้เร็ว: สามารถตรวจพบมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่มที่ยังไม่มีอาการ ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาด
ประเมินความเสี่ยง: ช่วยให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงและวางแผนการติดตามโรคได้
ผลบวกลวง (False Positives): คือค่า PSA สูง แต่ไม่ได้เป็นมะเร็ง (เกิดจาก BPH หรืออักเสบ) ซึ่งนำไปสู่ความวิตกกังวล และการตรวจเพิ่มเติมที่ไม่จำเป็น เช่น การเจาะชิ้นเนื้อ
ผลลบลวง (False Negatives): คือค่า PSA ปกติ แต่มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งซ่อนอยู่
การวินิจฉัยเกินจำเป็น (Overdiagnosis): การตรวจ PSA อาจทำให้ตรวจพบมะเร็งต่อมลูกหมากชนิดที่ "โตช้ามาก" (Indolent Cancer) ซึ่งเป็นมะเร็งที่ไม่เป็นอันตรายและอาจไม่จำเป็นต้องรักษา แต่การทราบผลอาจนำไปสู่...
การรักษาเกินจำเป็น (Overtreatment): ผู้ป่วยอาจเลือกรับการผ่าตัดหรือฉายรังสี ซึ่งมีความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน เช่น การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
แต่ปัจจุบันก็มีหลายสถาบันไม่แนะนำให้เจาะ หากจะเจาะจะต้องพิจารณาข้อดี ข้อเสีย และข้อจำกัดของการตรวจ

ยังไม่ค่าที่กำหนดว่าเป็นค่าปกติ แต่ที่นิยมใช้คือหากค่า PSA ต่ำกว่าหรือเท่ากับ 4 ng/mL จะถือว่าปกติ และแนะนำว่าหากค่ามากกว่า 4 ให้ตัดชิ้นเนื้อลูกหมากเพื่อส่งตรวจหามะเร็งแต่อย่างไรก็ตามพบว่ายังพบผู้ที่เป็นมะเร็งมีค่า PSA ต่ำกว่า 4 และพบว่าผู้ที่มีค่าสูงกว่า 4 ไม่เป็นมะเร็ง มีปัจจัยที่ทำให้ค่า PSA ผันผวน เช่น ต่อมลูกหมากอักเสบ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ การใช้ยา finasteride and dutasteride ค่า PSA ที่สูงโอกาศเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากก็สูง และหากค่าสูงมากขึ้นก็เสี่ยงต่อมะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่ม
ค่า PSA ตามอายุ
ค่าจะแสดงเป็นเพียงแนวทางเท่านั้น แพทย์หรือสถาบันแต่ละแห่งอาจจะไม่เท่ากัน ค่าปกติจะต้องน้อยกว่า
ค่าที่มากกว่าปกติอาจจะเป็นโรคต่อลูกหมากอักเสบ หรือต่อมลูกหมากโต หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งจะต้องรอการตรวจเพิ่ม
โดยทั่วไป แพทย์มักใช้ค่า 4.0 ng/mL เป็นจุดตัด แต่ค่านี้ไม่ใช่ตัวเลขที่ตายตัว:
PSA < 4.0 ng/mL: ส่วนใหญ่ถือว่าปกติ แต่ไม่ได้การันตี 100% ว่าไม่เป็นมะเร็ง (มีประมาณ 15% ของผู้ชายที่เป็นมะเร็งอาจมีค่า PSA ต่ำกว่า 4)
PSA 4.0 - 10.0 ng/mL (Borderline): เป็น "โซนสีเทา" มีโอกาสตรวจพบมะเร็งประมาณ 25% แต่ส่วนใหญ่มักเกิดจาก BPH หรือการอักเสบ
PSA > 10.0 ng/mL: ความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากจะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (มากกว่า 50%)
หากตรวจเลือดแล้วพบว่าค่า PSA มีค่าสูงต้องทำอะไรบ้าง
หากไม่มีอาการแพทย์จะสั่งให้ตรวจเลือดซ้ำ หากเจาะเลือดแล้วค่ายังสูงแพทย์จะตรวจต่อมลูกหมากทางก้นเป็นระยะ หากค่ายังสูงต่อเนื่อง หรือตวรจพบก้อนที่ต่อมลูกหมากแพทย์จะตรวจเพิ่มเช่นการทำ ultrasound ต่อมลูกหมากผ่านทางทวาร การตรวจปัสสาวะ เพื่อตรวจว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ การส่องกล้องตรวจกระเพาะปัสสาวะ หรือการตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจหามะเร็ง ค่า PSA เท่าไรแพทย์จึงบอกว่าสูง
แพทย์อาจแนะนำเฝ้าระวังหรือการรอในระหว่างที่จะทำการทดสอบซ้ำหรือตรวจด้วยวิธีอื่น เช่นการตรวจชิ้นเนื้อต่อมลูกหมากเพื่อดูว่าคุณมีโรคมะเร็งแพทย์ไม่ได้ทั้งหมดใช้จุดตัด PSA เดียวกันเมื่อให้คำปรึกษาว่าจะทำการตรวจชิ้นเนื้อ บางคนอาจให้คำแนะนำถ้า PSA คือ 4 หรือสูงกว่าขณะที่คนอื่นอาจจะแนะนำให้ตรวจซ้ำเมื่อระดับ PSA เท่ากับหรือมากกว่า 2.5
แม้ว่าการตรวจ PSAจะทำให้วินิจฉัยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะแรกเริ่มได้โดยก้อนมีขนาดเล็ก และได้รับการรักษาซึ่งอาจจะเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนจากการรักษาโดยการผ่าตัด หรือการใช้รังสีรักษา มีคำถามว่าก้อนมะเร็งที่เจอและรักษานั้นอาจจะไม่อันตรายต่อชีวิตก้อนนั้นอาจจะโตช้าและไม่จำเป็นต้องรักษา
นอกจากนั้นก็ยังพบว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากจำนวนหนึ่งค่า PSA ปกติ และผู้ที่ค่า PSA สูงก็ไม่เป็นมะเร็งพบว่าร้อยละ25เท่านั้นที่ผลชิ้นเนื้อเป็นมะเร็ง
การตรวจ PSA ในการติดตามผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมาก
ผู้ที่รักษามะเร็งต่อมลูกหมากไปแล้วค่า PSA จะต่ำลง การเจาะเลือดเพื่อติดตามโรคจึงมีความจำเป็น การที่ค่า PSA สูงขึ้นแสดงว่าเกิดกลับเป็นซ้ำ ซึ่งพบผลเลือดสูงก่อนเกิดอาการกำเริบนานเป็นเดือน การที่จะบอกว่าค่าสูงจะต้องตรวจเลือดซ้ำเป็นระยะ
การศึกษาการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยวิธีการเจาะเลือด
ศึกษาจากคน 1000 คนที่เจาะเลือดตรวจมะเร็งต่อมลูกหมากทุก1-4 ปีพบว่า
ก่อนการเจาะเลือดตรวจควรจะทราบข้อดีข้อเสียก่อน
ข้อดี
ข้อเสีย
อย่าเพิ่งตื่นตระหนก! หากค่า PSA ของคุณสูง แพทย์จะดำเนินการดังนี้:
ตรวจซ้ำ (Re-test): เพื่อยืนยันผลอีกครั้ง
ตรวจร่างกาย (DRE): แพทย์จะคลำต่อมลูกหมากทางทวารหนักเพื่อดูว่ามีก้อนแข็งที่น่าสงสัยหรือไม่
ตรวจหาการติดเชื้อ: ตรวจปัสสาวะเพื่อดูว่ามีการติดเชื้อหรือไม่
พิจารณาการตรวจขั้นสูง (Advanced Tests): เช่น การตรวจ Free PSA (อัตราส่วน PSA อิสระ หากค่านี้ต่ำจะเสี่ยงมะเร็งมากขึ้น) หรือ PSA Density (เทียบค่า PSA กับขนาดต่อมลูกหมาก)
การตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy): เป็นวิธีเดียวที่จะยืนยันได้ว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ แพทย์จะแนะนำให้ทำในกรณีที่ค่า PSA สูงต่อเนื่อง, ตรวจ DRE ผิดปกติ, หรือผลการตรวจอื่นๆ บ่งชี้ความเสี่ยงสูง
แหล่งอ้างอิง
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว