siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

Hormones

ฮอร์โมนกับการเกิดโรคมะเร็ง: ความเชื่อมโยงที่ซับซ้อนและการดูแลสุขภาพ

ฮอร์โมนเป็นสารเคมีที่ร่างกายผลิตขึ้นเพื่อควบคุมการทำงานของอวัยวะและระบบต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต การพัฒนา และการทำงานของร่างกาย อย่างไรก็ตาม ฮอร์โมนบางชนิดอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคมะเร็งบางชนิดได้ บทความนี้จะสำรวจความเชื่อมโยงระหว่างฮอร์โมนกับการเกิดโรคมะเร็ง รวมถึงวิธีการดูแลสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยง

ฮอร์โมนเพศกับมะเร็ง

ฮอร์โมนเพศ เช่น เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในผู้หญิง และเทสโทสเตอโรนในผู้ชาย มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและการทำงานของระบบสืบพันธุ์ อย่างไรก็ตาม ระดับฮอร์โมนเพศที่สูงหรือการได้รับฮอร์โมนเพศเป็นเวลานานอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งบางชนิดได้ เช่น

  • มะเร็งเต้านม: เอสโตรเจนสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมบางชนิดได้ การได้รับฮอร์โมนทดแทนในช่วงวัยหมดประจำเดือนอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมเล็กน้อย
  • มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก: เอสโตรเจนที่ไม่มีโปรเจสเตอโรนมาคาน อาจทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
  • มะเร็งรังไข่: การได้รับฮอร์โมนกระตุ้นการตกไข่เป็นเวลานานอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งรังไข่เล็กน้อย
  • มะเร็งต่อมลูกหมาก: เทสโทสเตอโรนอาจกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก

ฮอร์โมนอื่นๆ กับมะเร็ง

นอกจากฮอร์โมนเพศแล้ว ฮอร์โมนอื่นๆ ก็อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคมะเร็งได้เช่นกัน เช่น

  • ฮอร์โมนอินซูลิน: ระดับอินซูลินที่สูงเรื้อรังอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
  • ฮอร์โมนไทรอยด์: ภาวะไทรอยด์เป็นพิษอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งต่อมไทรอยด์

การดูแลสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยง

แม้ว่าเราจะไม่สามารถควบคุมระดับฮอร์โมนในร่างกายได้ทั้งหมด แต่มีวิธีการดูแลสุขภาพที่อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนได้ เช่น

  • รักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม: การมีน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนอาจเพิ่มระดับฮอร์โมนบางชนิดและเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็ง
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนจากพืช หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป น้ำตาล และไขมันอิ่มตัว
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนและลดความเสี่ยงต่อมะเร็ง
  • จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์: การดื่มแอลกอฮอล์อาจเพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม
  • ปรึกษาแพทย์: หากมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง หรือมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อมะเร็ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการตรวจคัดกรองที่เหมาะสม

สรุป

ฮอร์โมนมีบทบาทสำคัญในร่างกาย แต่ก็อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคมะเร็งบางชนิดได้ การดูแลสุขภาพที่ดี เช่น การรักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนได้ หากมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อมะเร็ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการตรวจคัดกรองที่เหมาะสม

 

Estrogens, a group of female sex hormones, are known human carcinogens. Although these hormones have essential physiological roles in both females and males, they have also been associated with an increased risk of certain cancers. For instance, taking combined menopausal hormone therapy (estrogen plus progestin, which is a synthetic version of the female hormone progesterone) can increase a woman’s risk of breast cancer. Menopausal hormone therapy with estrogen alone increases the risk of endometrial cancer and is used only in women who have had a hysterectomy.

A woman who is thinking about menopausal hormone therapy should discuss the possible risks and benefits with her doctor.

Studies have also shown that a woman’s risk of breast cancer is related to the estrogen and progesterone made by her ovaries (known as endogenous estrogen and progesterone). Being exposed for a long time and/or to high levels of these hormones has been linked to an increased risk of breast cancer. Increases in exposure can be caused by starting menstruation early, going through menopause late, being older at first pregnancy, and never having given birth. Conversely, having given birth is a protective factor for breast cancer.

Diethylstilbestrol (DES) is a form of estrogen that was given to some pregnant women in the United States between 1940 and 1971 to prevent miscarriages, premature labor, and related problems with pregnancy. Women who took DES during pregnancy have an increased risk of breast cancer. Their daughters have an increased risk of a cancer of the vagina or cervix. The possible effects on the sons and grandchildren of women who took DES during pregnancy are being studied.

For more information, see the following fact sheets: