siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

อะฟลาทอกซิน: อันตรายที่ซ่อนอยู่ในอาหารของคุณและความเชื่อมโยงกับมะเร็ง

อะฟลาทอกซินเป็นกลุ่มของสารพิษที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งผลิตโดยเชื้อราบางชนิด (Aspergillus flavus และ Aspergillus parasiticus) ที่สามารถปนเปื้อนพืชอาหารได้สารพิษเหล่านี้เป็นปัญหาด้านสุขภาพที่ร้ายแรง เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับโรคต่างๆรวมถึงมะเร็งทั้งในมนุษย์และสัตว์

อาหารที่มีแนวโน้มที่จะปนเปื้อนอะฟลาทอกซิน

อะฟลาทอกซินเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศที่อบอุ่นและชื้นทำให้พืชผลบางชนิดเสี่ยงต่อการปนเปื้อนมากขึ้น อาหารที่มักได้รับผลกระทบจากอะฟลาทอกซิน ได้แก่:

  • ธัญพืช: ข้าวโพดข้าว ข้าวสาลีและธัญพืชอื่นๆ อาจปนเปื้อนอะฟลาทอกซินในระหว่างการเจริญเติบโตการเก็บเกี่ยวหรือการเก็บรักษา
  • ถั่วและเมล็ดพืช: ถั่วลิสงถั่วเปลือกแข็ง (อัลมอนด์วอลนัทพิสตาชิโอฯลฯ) และเมล็ดพืชน้ำมัน (เช่นเมล็ดฝ้าย) มีความเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการปนเปื้อนของอะฟลาทอกซิน
  • เครื่องเทศ: พริก พริกไทยดำผักชีขมิ้นและเครื่องเทศอื่นๆ อาจมีสารอะฟลาทอกซิน
  • ผลไม้แห้ง: มะเดื่อ อินทผลัมและผลไม้แห้งอื่นๆ อาจเกิดการปนเปื้อนระหว่างการอบแห้งหรือการเก็บรักษา
  • ผลิตภัณฑ์จากสัตว์: นมไข่และเนื้อสัตว์อาจมีอะฟลาทอกซิน M1 ซึ่งเป็นสารเมตาบอไลท์ของอะฟลาทอกซิน B1 เมื่อสัตว์กินอาหารที่ปนเปื้อน

อะฟลาทอกซินเป็นสารพิษที่เกิดจากเชื้อรา Aspergillus flavus และ Aspergillus parasiticus ซึ่งเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้น มักพบการปนเปื้อนในอาหารหลายชนิด ได้แก่:

ธัญพืชและผลิตภัณฑ์จากธัญพืช:

  • ข้าวโพด: ทั้งแบบฝักสด เมล็ดข้าวโพด และผลิตภัณฑ์จากข้าวโพด เช่น แป้งข้าวโพด
  • ข้าว: โดยเฉพาะข้าวที่เก็บไว้นานในสภาพไม่เหมาะสม
  • ข้าวฟ่าง
  • ข้าวสาลี
  • ถั่วเหลือง

ถั่วและเมล็ดพืช:

  • ถั่วลิสง: ทั้งแบบดิบ คั่ว และผลิตภัณฑ์จากถั่วลิสง เช่น เนยถั่ว น้ำมันถั่วลิสง
  • อัลมอนด์
  • วอลนัท
  • พิสตาชิโอ
  • เมล็ดทานตะวัน
  • เมล็ดฝ้าย
  • เมล็ดมะม่วงหิมพานต์

เครื่องเทศ:

  • พริกแห้ง: โดยเฉพาะพริกป่น
  • พริกไทยดำ
  • ขมิ้น
  • ผักชี
  • กระเทียม

อาหารแห้ง:

  • ผลไม้อบแห้ง เช่น อินทผาลัม ลูกฟิก
  • ปลาแห้ง
  • กุ้งแห้ง
  • เนื้อมะพร้าวแห้ง

อื่นๆ:

  • นม: เมื่อสัตว์ได้รับอาหารที่มีอะฟลาทอกซินปนเปื้อน
  • ไข่:เมื่อสัตว์ได้รับอาหารที่มีอะฟลาทอกซินปนเปื้อน
  • เครื่องในสัตว์:เมื่อสัตว์ได้รับอาหารที่มีอะฟลาทอกซินปนเปื้อน
  • มันสำปะหลัง

ข้อควรระวัง:

  • ควรเลือกซื้ออาหารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และสังเกตลักษณะของอาหารก่อนบริโภค
  • ไม่ควรรับประทานอาหารที่ขึ้นรา มีกลิ่นเหม็นหืน หรือมีสีที่ผิดปกติ
  • ควรเก็บอาหารในที่แห้ง เย็น และสะอาด เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อรา

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอะฟลาทอกซินในอาหาร ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม

 

อะฟลาทอกซินและความเสี่ยงมะเร็ง

อะฟลาทอกซินจัดอยู่ในกลุ่มสารก่อมะเร็งกลุ่ม 1 โดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง (IARC) ซึ่งหมายความว่าอะฟลาทอกซินก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์การได้รับอะฟลาทอกซินเรื้อรังแม้ในระดับต่ำ มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของ:

  • มะเร็งตับ: อะฟลาทอกซินถูกเผาผลาญในตับเป็นหลักทำให้กลายเป็นเป้าหมายที่พบบ่อยที่สุดสำหรับมะเร็งที่เกิดจากอะฟลาทอกซิน
  • มะเร็งอื่นๆ: การศึกษายังชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการสัมผัสอะฟลาทอกซินกับมะเร็งกระเพาะอาหาร ไตและลำไส้ใหญ่

การป้องกัน

แม้ว่าการกำจัดการสัมผัสสารอะฟลาทอกซินออกไปโดยสิ้นเชิงนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ก็มีมาตรการหลายประการที่สามารถลดความเสี่ยงได้:

  • แนวทางปฏิบัติทางการเกษตรที่เหมาะสม: เกษตรกรสามารถใช้แนวทางปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAPs) เพื่อลดการเจริญเติบโตของเชื้อราและการปนเปื้อนอะฟลาทอกซินในพืชผล
  • การจัดเก็บและการจัดการ: การจัดเก็บและการจัดการพืชผลอย่างเหมาะสมสามารถป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อราและการผลิตสารพิษเพิ่มเติมได้
  • ข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ: รัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศได้กำหนดระดับสูงสุดที่อนุญาตสำหรับอะฟลาทอกซินในผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ
  • ความตระหนักรู้ของผู้บริโภค: ผู้บริโภคควรตระหนักถึงความเสี่ยงของการปนเปื้อนอะฟลาทอกซิน และเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงซึ่งปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย

สิ่งสำคัญที่ควรทราบ:

  • ความเสี่ยงของการได้รับสารอะฟลาทอกซินอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และพฤติกรรมการบริโภคอาหาร
  • การได้รับอะฟลาทอกซินเพียงครั้งเดียวไม่น่าจะก่อให้เกิดมะเร็งได้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นตามการสัมผัสเรื้อรังเมื่อเวลาผ่านไป
  • แม้ว่าจะไม่มีวิธีใดที่จะหลีกเลี่ยงอะฟลาทอกซินได้อย่างสมบูรณ์ แต่การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันที่กล่าวมาข้างต้นสามารถลดความเสี่ยงต่อการสัมผัสได้อย่างมาก

ปริมาณอะฟลาทอกซินในอาหารแต่ละประเภทอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ชนิดของอาหาร สภาพการเก็บรักษา และกระบวนการผลิต

มาตรฐานปริมาณอะฟลาทอกซินในอาหารของประเทศไทย:

กระทรวงสาธารณสุขกำหนดปริมาณอะฟลาทอกซินที่อนุญาตให้ปนเปื้อนในอาหารไว้ไม่เกิน 20 ไมโครกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม (ppb)

ตัวอย่างปริมาณอะฟลาทอกซินที่พบในอาหารบางชนิด:

  • ถั่วลิสง: ถั่วลิสงเป็นอาหารที่พบการปนเปื้อนอะฟลาทอกซินได้บ่อย โดยเฉพาะถั่วลิสงที่เก็บไว้นานในสภาพอากาศร้อนชื้น ปริมาณอะฟลาทอกซินที่พบในถั่วลิสงอาจแตกต่างกันไปตั้งแต่ไม่กี่ ppb จนถึงหลายร้อย ppb
  • ข้าวโพด: ข้าวโพดที่เก็บเกี่ยวไม่ถูกต้องหรือเก็บรักษาในสภาพไม่เหมาะสมอาจมีการปนเปื้อนอะฟลาทอกซินได้ ปริมาณอะฟลาทอกซินที่พบในข้าวโพดอาจแตกต่างกันไปตั้งแต่ไม่กี่ ppb จนถึงหลายสิบ ppb
  • พริกแห้ง: พริกแห้งที่ผลิตจากพริกที่ปนเปื้อนเชื้อราอาจมีอะฟลาทอกซินปนเปื้อนได้ ปริมาณอะฟลาทอกซินที่พบในพริกแห้งอาจแตกต่างกันไปตั้งแต่ไม่กี่ ppb จนถึงหลายร้อย ppb
  • ผลไม้อบแห้ง: ผลไม้อบแห้งบางชนิด เช่น อินทผาลัมและลูกฟิก อาจมีการปนเปื้อนอะฟลาทอกซินได้ ปริมาณอะฟลาทอกซินที่พบในผลไม้อบแห้งอาจแตกต่างกันไปตั้งแต่ไม่กี่ ppb จนถึงหลายสิบ ppb

ข้อควรระวัง:

  • ไม่ควรกินอาหารที่ขึ้นรา มีกลิ่นเหม็นหืน หรือมีสีที่ผิดปกติ
  • ควรเลือกซื้ออาหารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และสังเกตลักษณะของอาหารก่อนบริโภค
  • ควรเก็บอาหารในที่แห้ง เย็น และสะอาด เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อรา

ข้อมูลเพิ่มเติม:

  • สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอะฟลาทอกซินได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอะฟลาทอกซินในอาหาร ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม

มหิดล

เอกสารนี้ให้ภาพรวมที่ครอบคลุมของการปนเปื้อนอะฟลาทอกซินในผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ ในประเทศไทย นี่คือบทสรุปของประเด็นสําคัญ:

  1. แหล่งที่มาและประเภทของอะฟลาทอกซิน:

    • อะฟลาทอกซินเป็นสารพิษจากเชื้อราที่ผลิตโดย Aspergillus flavus และ Aspergillus parasiticus เป็นหลัก
    • อะฟลาทอกซินชนิดที่เป็นพิษมากที่สุดคืออะฟลาทอกซิน B1
  2. อัตราการปนเปื้อน:

    • การศึกษาต่างๆ ที่ดําเนินการระหว่างปี พ.ศ. 2510 ถึง พ.ศ. 2544 บ่งชี้ถึงการปนเปื้อนของผลิตภัณฑ์อาหารในประเทศไทยอย่างมีนัยสําคัญ
    • มีการวิเคราะห์ตัวอย่างทั้งหมด 3,206 ตัวอย่าง โดย 38.9% พบว่ามีการปนเปื้อนสูง
    • ถั่วลิสงนมและสัตว์ปีกเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ปนเปื้อนมากที่สุด
  3. อิทธิพลทางภูมิศาสตร์และฤดูกาล:

    • การศึกษาแสดงให้เห็นว่าแม้ว่าจะไม่มีอิทธิพลทางภูมิศาสตร์ที่มีนัยสําคัญ แต่การเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลก็ส่งผลต่ออัตราการปนเปื้อนอย่างมีนัยสําคัญ
    • ปลายฝนและต้นฤดูแล้งเอื้อต่อการปนเปื้อนของอะฟลาทอกซินเป็นพิเศษ
  4. ความเสี่ยงต่อสุขภาพ:

    • อะฟลาทอกซินเป็นสารก่อมะเร็งที่มีศักยภาพสารก่อกลายพันธุ์เทราโตเจนและสารกดภูมิคุ้มกัน
    • มีการบันทึกความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของมะเร็งตับเนื่องจากการสัมผัสอะฟลาทอกซิน
  5. วิธีการตรวจจับ:

    • วิธีการต่างๆ ในการตรวจหาอะฟลาทอกซินในอาหารและอาหารสัตว์ ได้แก่ ELISA ที่แข่งขันได้ โครมาโตกราฟี และการทดสอบด้วยรังสี
    • ขีดจํากัดและประสิทธิภาพของการตรวจจับจะแตกต่างกันไปตามวิธีการและประเภทอาหาร
  6. การปนเปื้อนของนม:

    • อะฟลาทอกซิน M1 (AFM1) เป็นอะฟลาทอกซินหลักที่ตรวจพบในนม
    • ในประเทศไทยพบว่าระดับการปนเปื้อนของ AFM1 ในนมสูงกว่าประเทศอื่น ๆ ทําให้จําเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนในการลดและกําจัด
  7. การควบคุมและการตรวจสอบ:

    • การติดตามและพัฒนายุทธศาสตร์ชาติอย่างต่อเนื่องมีความสําคัญต่อการควบคุมการปนเปื้อนของอะฟลาทอกซิน
    • นโยบายด้านสาธารณสุขควรจัดการกับการปนเปื้อนที่สําคัญในอาหารหลัก เช่น ถั่วลิสงและผลิตภัณฑ์จากนม เพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสและสุขภาพ

บทสรุปนี้รวบรวมข้อค้นพบและคําแนะนําที่สําคัญจากการศึกษาต่างๆ เกี่ยวกับการปนเปื้อนของอะฟลาทอกซินที่นําเสนอในเอกสาร

Table 1. Distribution of samples based on product type and origin
Product type Number of domestic samples Number of imported samples Number of samples of unspecifiedTable Note a origin Total number of samples
Corn products 38 165 92 295
Nuts 53 136 94 283
Nut butter 103 27 24 154
Cocoa powder 0 24 1 25
Raisins 0 79 19 98
Chili powder 0 21 4 25
Paprika 0 18 6 24
Grand total 194 470 240 904
Table 2. Levels of aflatoxin in corn products, nuts and nut butters, raisins, cocoa powder, paprika and chili powder
Product type Total number of samples Number of samples with detectable levels (%) Minimum (ppb) Maximum (ppb) AverageTable Note b (ppb)
Corn products 295 40 (14) 0.1 20 0.5
Nuts 283 19 (7) 0.1 28 3.0
Nut butter 154 60 (39) 0.2 8.5 1.5
Raisins 98 1 (1) 0 0.2 0.2
Cocoa powder 25 0 (0) 0 0 0
Paprika 24 7 (29) 0.4 13 1.6
Chili powder 25 8 (32) 0.2 44 6.4

 

Table 3. Minimum, maximum and average concentration of aflatoxin across various studies
Product type Study Year Total number of samples Number of positive samples (%) Minimum (ppb) Maximum (ppb) Average(ppb)
Corn products CFIA Survey (current) 2012-2013 295 40 (14) 0 20 0.5
CFIA Survey 2011-2012 304 20 (7) 0.1 1.5 0.4
CFIA Survey 2010-2011 285 23 (8) 0 1.2 0.4
Nuts CFIA Survey (current) 2012-2013 283 19 (7) 0.1 28 3.0
CFIA Survey 2011-2012 295 21 (7) 0.1 7.6 0.9
CFIA Survey 2010-2011 234 12 (5) 0 1.9 0.57
Nut butter CFIA Survey (current) 2012-2013 154 60 (39) 0.2 8.5 1.5
CFIA Survey 2011-2012 104 34 (33) 0.1 12.5 1.8
CFIA Survey 2010-2011 19 9 (47) 0 0.5 0.2
Raisins CFIA Survey (current) 2012-2013 98 1 (1) 0 0.2 0.2
Feizy et al. 2009-2011 22 1 (4) 0 0.6 0.6
Cocoa powder CFIA Survey (current) 2012-2013 25 0 (0) 0 0 0
Health Canada Cocoa Powder 2011-2012 15 14 (93) <LOD 3.5 1.15
Health Canada Alkalized Cocoa Powder 2011-2012 21 20 (95) <LOD 0.97 0.43
Paprika CFIA Survey (current) 2012-2013 24 7 (29) 0.4 13 1.6
Codex 2009-2013 692 692 (100) 0.1 221 n/a
Chili powder CFIA Survey (current) 2012-2013 25 8 (32) 0.2 44 6.4
CodexTable Note h 2009-2013 29 29 (100) 0.0169 120 n/a

โดยการทำความเข้าใจความเสี่ยงและใช้มาตรการป้องกันที่เหมาะสมแต่ละบุคคล สามารถป้องกันตนเองจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากอะฟลาทอกซินได้

ข้อสงวนสิทธิ์: ข้อมูลนี้ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ จากผู้เชี่ยวชาญปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหากมีปัญหาด้านสุขภาพ

เพิ่มเพื่อน