
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
หากภาวะไขมันพอกตับคือ "ภัยเงียบ" ระยะแรก, ภาวะตับอักเสบจากสุรา (Alcoholic Hepatitis) ก็เปรียบเสมือน "สัญญาณเตือนภัย" ที่ดังและชัดเจนที่สุดจากร่างกายว่าตับของคุณกำลังถูกทำลายอย่างรุนแรงและอาจนำไปสู่ภาวะตับวายเฉียบพลันได้ นี่ไม่ใช่แค่การสะสมของไขมันอีกต่อไป แต่เป็นภาวะที่เซลล์ตับเกิดการอักเสบ, บวม, และตายลงเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
บทความนี้จะเจาะลึกถึงภาวะตับอักเสบจากสุรา ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร มีอาการแสดงที่น่ากังวลอย่างไรบ้าง และแนวทางการรักษาเพื่อหยุดยั้งการทำลายล้างก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
ตับอักเสบจากสุรา คือ ภาวะที่เกิดการอักเสบอย่างรุนแรงของเนื้อตับ ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากและต่อเนื่องเป็นเวลานาน กลไกหลักยังคงมาจากสารพิษ "อะซีทัลดีไฮด์ (Acetaldehyde)" ที่เกิดขึ้นระหว่างการเผาผลาญแอลกอฮอล์
เมื่อสารพิษนี้สะสมในระดับสูงเกินกว่าที่ตับจะกำจัดได้ทัน มันจะทำลายเซลล์ตับโดยตรงและกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการอักเสบเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ ภาวะขาดสารอาหาร โดยเฉพาะโปรตีนและวิตามิน ซึ่งพบบ่อยในผู้ที่ดื่มหนัก ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตับอ่อนแอและถูกทำลายได้ง่ายขึ้น
ต่างจากภาวะไขมันพอกตับที่มักไม่มีอาการ, ตับอักเสบจากสุราจะแสดงอาการที่ชัดเจนและน่ากังวล ซึ่งควรรีบพบแพทย์ทันที:
ตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน - Jaundice): เป็นอาการเด่นที่สุด เกิดจากตับที่อักเสบไม่สามารถกำจัดสาร "บิลิรูบิน" (สารสีเหลืองจากการแตกตัวของเม็ดเลือดแดง) ออกจากร่างกายได้ ทำให้สารนี้คั่งในกระแสเลือดและไปสะสมที่ผิวหนังและตา
ปวดแน่นบริเวณชายโครงขวา: เกิดจากตับที่บวมและอักเสบจนไปเบียดอวัยวะข้างเคียง
คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร และน้ำหนักลด: เป็นอาการทั่วไปที่บ่งบอกถึงการทำงานของตับที่ล้มเหลวและภาวะป่วยรุนแรง
มีไข้ต่ำๆ และรู้สึกอ่อนเพลียมาก: เป็นการตอบสนองของร่างกายต่อการอักเสบที่เกิดขึ้น
ท้องมาน (Ascites) และขาบวม: ในรายที่รุนแรง ตับไม่สามารถสร้างโปรตีนอัลบูมินได้เพียงพอ ประกอบกับความดันในหลอดเลือดของตับสูงขึ้น ทำให้มีของเหลวรั่วออกมาสะสมในช่องท้องและขา
สับสน มึนงง หรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง: เป็นสัญญาณอันตรายของ ภาวะสมองจากโรคตับ (Hepatic Encephalopathy) ซึ่งเกิดจากของเสียคั่งในเลือดและส่งผลกระทบต่อสมอง
การวินิจฉัยต้องอาศัยข้อมูลหลายด้านประกอบกัน:
ประวัติการดื่ม: เป็นข้อมูลที่สำคัญที่สุด แพทย์จะซักถามถึงปริมาณ, ความถี่, และระยะเวลาที่ดื่มแอลกอฮอล์อย่างละเอียด
การตรวจร่างกาย: เพื่อประเมินสัญญาณของโรคตับ เช่น อาการดีซ่าน, ตับโตและกดเจ็บ, ท้องมาน
การตรวจเลือด (Liver Function Tests): มีลักษณะจำเพาะที่ช่วยในการวินิจฉัย คือ
การตรวจชิ้นเนื้อตับ (Liver Biopsy): ในบางกรณีที่การวินิจฉัยไม่ชัดเจน แพทย์อาจพิจารณาเจาะเอาชิ้นเนื้อตับเล็กๆ มาตรวจเพื่อยืนยันการอักเสบและประเมินความรุนแรงของโรค
การรักษาตับอักเสบจากสุรา โดยเฉพาะในรายที่รุนแรง คือการแข่งกับเวลาและต้องทำหลายอย่างควบคู่กัน
การหยุดดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาดและทันที (Absolute Abstinence): นี่คือ การรักษาที่สำคัญที่สุดและต้องทำเป็นอันดับแรก การดื่มต่อไปแม้เพียงเล็กน้อยจะทำให้ตับถูกทำลายมากขึ้นจนถึงจุดที่ไม่สามารถฟื้นตัวได้ ผู้ป่วยมักต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อจัดการ ภาวะถอนพิษสุรา อย่างปลอดภัย
การดูแลด้านโภชนาการ: ภาวะขาดสารอาหารทำให้โรคแย่ลงและเพิ่มอัตราการเสียชีวิต การให้อาหารที่มีโปรตีนและพลังงานสูงอย่างเพียงพอ (อาจผ่านทางสายยางให้อาหาร) เป็นหัวใจสำคัญของการรักษา
การรักษาด้วยยา (สำหรับผู้ป่วยรุนแรง): แพทย์จะใช้เกณฑ์ประเมินความรุนแรง (เช่น Maddrey's Discriminant Function) เพื่อพิจารณาให้ยา
คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids): เช่นยา Prednisolone เพื่อลดการอักเสบที่รุนแรงในตับและเพิ่มโอกาสรอดชีวิตในระยะสั้น
การปลูกถ่ายตับ (Liver Transplant): ไม่ใช่ทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่กำลังมีภาวะตับอักเสบจากสุราแบบเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะต้องรอดชีวิตจากภาวะนี้และพิสูจน์ได้ว่าสามารถหยุดดื่มได้อย่างถาวร (โดยทั่วไปอย่างน้อย 6 เดือน) จึงจะเข้าเกณฑ์การพิจารณาปลูกถ่ายตับได้
การพยากรณ์โรคของตับอักเสบจากสุรานั้นแตกต่างกันมาก ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ป่วยสามารถหยุดดื่มได้หรือไม่ ในรายที่ไม่รุนแรงและหยุดดื่มเด็ดขาด ตับอาจค่อยๆ ฟื้นตัวได้ แต่ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง อัตราการเสียชีวิตในระยะสั้นอาจสูงถึง 40% และผู้ที่รอดชีวิตแล้วกลับไปดื่มต่อ มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดภาวะตับแข็งตามมาอย่างรวดเร็ว
ตับอักเสบจากสุราคือคำเตือนครั้งสุดท้ายจากร่างกาย หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการที่น่าสงสัย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะทุกนาทีมีค่าในการรักษาชีวิตและรักษาตับของคุณไว้
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว